ด้วยความที่ Mary Poppins ภาคแรกออกฉายตั้งแต่ปี 1964 และยังคว้ารางวับออสการ์ไปถึง 5 สาขาโดยเฉพาะ จูลี่ แอนดรูส์ ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมที่ขโมยหัวใจคนดูทั่วโลกไปครอง การที่ภาคต่อทิ้งห่างไปร่วม 54 ปีก็ย่อมเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์แล้วว่า โปรเจคต์นี้ไม่ใช่ของง่ายเลยทั้งต้องดีลกับความคาดหวังของแฟนรุ่นเก่า และยังต้องชวนให้คนดูรุ่นใหม่อยากทำความรู้จักพี่เลี้ยงเด็กสุดมหัศจรรย์รายนี้ แต่เมื่อหนังมีชื่อ ร็อบ มาร์แชลล์ ผู้กำกับที่เอกอุด้านมิวสิคัลก็สามารถชุบชีวิต แมรี ป๊อบปิ้นส์ ขึ้นมาอีกครั้ง
แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับว่า ร็อบ มาร์แชลล์ ก็ยังคงถนัดแต่กำกับฉากมิวสิคัลอยู่ดี ซึ่งก็ทำให้หนังเต็มไปด้วยฉากร้องเพลงทั้งที่เล่าเรื่องและไม่เล่าเรื่องแต่สร้างรอยยิ้มให้คนดูได้ จนเชื่อว่าแฟนรุ่นเก๋าของ Mary Poppins คงถูกใจแน่นอน แต่กับคนดูยุคใหม่น่าจะต้องปรับทัศนคติเข้าหาหนังหนักอยู่เหมือนกัน ยิ่งหนังยุคปัจจุบันเน้นการเล่าเรื่องด้วยพลอตที่เห็นตุดขัดแย้งชัดเจนและตัวเอกล้วนมีด้านมืดด้วยแล้ว การต้องมาดูหนังที่ตัวละคร ขาวจัด- ดีสุดขั้ว หรือ ดำจัด – ชั่วสุดขีด ก็อาจรู้สึกว่าหนังมันเฉ้ยเชยก็เป็นได้
สำหรับฐานคนดูกลุ่มครอบครัวแน่นอนว่าดิสนีย์ไม่มีขัดใจ จัดเต็มทั้งสเปเชียลเอฟเฟกต์สีสันสดใสจนคนดูราวต้องมนตร์จริงๆทั้งฉากใต้น้ำ และฉากในโลกโถกระเบื้องที่สุดอัศจรรย์ และแน่นอนว่าการเลือก เอมิลี บลันต์ มารับบทแมรี ป๊อบปิ้นส์ ก็ถือเป็นการเลือกที่แหลมคมมาก เพราะบลันต์เพียบพร้อมทั้งความสวยสง่าและเปี่ยมความสามารถ ยิ่งเรื่องนี้เธอร้องเพลงด้วยแล้ว โอ้โห ใครไม่รักเธอก็บ้าแล้วล่ะครับ (และแน่นอนเราคงต้องตามลุ้นว่าเธอจะได้ครองรางวัลนักแสดงนำหญิงสาขาเพลงและตลกจากเวทีลูกโลกทองคำปีหน้าหรือไม่มาคอยลุ้นกันครับ)
สรุปแล้วคงต้องบอกว่า ใครที่ไม่คุ้นกับหนังมิวสิคัลเมื่อ 40-50 ปีก่อน และไม่ชอบหนังที่เด็กเกินไป Mary Poppins Returns อาจไม่เหมาะกับคุณ ตรงกันข้าม ใครอยากเสพย์ความน่ารักของเด็กๆ เอฟเฟกต์การ์ตูนสีสันสดใส เพลงไพเราะกิ้งก่องแก้ว พร้อมคนลุกขึ้นมาเต้นแบบไม่มีเหตุผล นี่คือหนังที่จะบันดาลความฟินส่งท้ายปีให้คุณอย่างแท้จริงครับ
ตีตั๋วรับความสดใสจากพี่เลี้ยงสุดมหัศจรรย์ได้ง่ายๆแค่คลิกที่รูปด้านล่าง