[รีวิว] The Art of Racing in the Rain อุ่นไอหัวใจตูบ – หนังหมาสอนคน อบอุ่นประทับใจ
Our score
9.0

The Art of Racing in the Rain

จุดเด่น

  1. เป็นหนังหมาที่ให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตได้ดีมากๆ
  2. น้องเอ็นโซ่ตอนเด็กก็น่ารักมั่กๆ
  3. ดราม่าในหนังแข็งแรงทำเอาอินจัด มีเสียน้ำตาแน่ๆ.

จุดสังเกต

  • ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท

    9.0

  • คุณภาพนักแสดง

    9.0

  • คุณภาพงานสร้าง

    9.0

  • ความสนุก

    9.0

  • คุ้มเวลา+ค่าตั๋ว

    9.0

โชคชะตาได้นำพาให้ เอ็นโซ่ (ให้เสียงบรรยายโดย เควิน คอสต์เนอร์)สุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ได้มาเจอกับ เดนนี (ไมโล แวนทิมิเกลีย) นักแข่งรถฟอร์มูลาวัน ผ่านวันเวลาความสุขทั้งการได้พบรักกับ อีฟ (อแมนดา ไซย์ฟรีด)จนสร้างครอบครัวร่วมกัน ไปจนถึงช่วงเวลาที่ชีวิตมาถึงจุดหักเหที่เอ็นโซ่และเดนนีได้เรียนรู้และก้าวข้ามมันไปด้วยกันจนกลายเป็นความผูกพันที่ยากจะหาคำบรรยายใดๆ

Play video

สนับสนุนเนื้อหาโดย Major Cineplex

เดิมที The Art of Racing in the Rain คือนิยายจากปลายปากกาของ การ์ธ สไตน์ ที่ได้ติดอันดับหนังสือขายดี แต่การเดินทางแต่ละหลักไมล์ของหนังต้องเรียกได้ว่าทรหดทีเดียว ตั้งแต่ปี 2009 ที่โพรเจกต์ยังอยู่กับยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ จนหลุดมาอยู่กับดิสนีย์ในปี 2016 ก็ยังไม่ได้ตัวผู้กำกับที่มีวิสัยทัศน์พอจะเล่าเรื่องราวของหมาที่เฝ้ามองชีวิตมนุษย์ไปพร้อมร่ายปรัชญารถแข่งกับชีวิต จนกระทั่งปี 2017 มาร์ค บอมแบค คนเขียนบทได้ประกาศว่าโปรเจกต์ได้มาพัฒนาจนพร้อมถ่ายที่ ทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟอกซ์ และได้เริ่มถ่ายทำกันปี 2018 ได้ไซมอน เคอร์ติส จาก My Week With Marilyn (2011) มากำกับ แต่จนแล้วจนรอดพอหนังได้ออกฉายปีนี้ (2019) ฟอกซ์ ก็ถูกซื้อโดยดิสนีย์และถือเป็นหนังเรื่องแรกในไทยของฟอกซ์ที่จัดจำหน่ายโดยดิสนีย์อย่างเป็นทางการ ข้อดีอย่างหนึ่งของการเริ่มจัดจำหน่าย The Art of Racing in the Rain โดยดิสนีย์เป็นเรื่องแรกก็คือโทนหนังไม่ได้หลุดจากความเป็นดิสนีย์นัก เรียกได้ว่าเอามันไปเข้าคอลเลกชันหนังหมาของดิสนีย์เป็นร้อยเรื่องได้เลย แต่ในขณะเดียวกันก็เริ่มทำให้เห็นวิสัยทัศน์ของดิสนีย์ที่อยากให้บริษัทในเครือผลิตคอนเทนต์ที่ดูได้ทั้งครอบครัวเป็นหลัก ซึ่งก็ต้องรอดูต่อไปว่า ฟอกซ์ ภายใต้ชายคาของดิสนีย์จะยังมีหนังที่กล้าบ้าเหนือเรต​ PG13 ออกมาแค่ไหน

แต่แม้จะได้ชื่อว่าเป็นหนังหมาที่ออกโรงฉายตามหลังทั้ง A Dog’s Way Home ของโซนี่ หรือ A Dog’s Journey ของยูนิเวอร์แซล The Art of Racing in the Rain กลับแตกต่างและมีดีในตัวเอาแค่ชื่อเรื่องมันก็กล้าตัดคำว่า Dog ออกแล้ว เรื่องราวและการดำเนินเรื่องของมันกลับแตกต่างและแปลกใหม่ซึ่งก็ต้องยกย่องวิสัยทัศน์ ไซมอน เคอร์ติส ผู้กำกับอยู่เหมือนกันที่ทำให้หนังหมาเรื่องนี้ต่างจากหนังหมาปี 2019 เรื่องอื่นๆด้วยการคงโทนดราม่าจริงจังและไม่เน้นขายความน่ารักของลูกหมาเหมือนชาวบ้านจนผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าน่าพึงพอใจมาก เพราะบอกตามตรงว่าการดัดแปลงนิยายที่เน้นบทบรรยายเรื่องราวของหมาผ่านตัวอักษรมีสิทธิ์จะกลายเป็นหนังน่าเบื่อได้ง่ายๆ แต่การตัดสินใจที่ชาญฉลาดมากๆคือ การให้เควิน คอสต์เนอร์ มาบรรยายความคิดของเอ็นโซ่ ด้วยน้ำเสียงดูอบอุ่นและยังถือว่ามีความหนุ่มในเนื้อเสียงเลยทำให้ภาพของเจ้า โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ เต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉงและขณะเดียวกันยังสามารถพลิกมาบอกเล่าโหมดดราม่าเรียนรู้ชีวิตได้อย่างไม่ขัดเขิน แม้จะเทคนิคบอกเล่าจะดูคล้าย A Dog’s Journey ที่เพิ่งฉายไป 2 สัปดาห์ก่อนแต่ด้วยเรื่องราวที่มีความเป็นเอกภาพและยังพาคนดูไปสำรวจความคิดหมาที่เปรียบชีวิตกับรถแข่งก็ทำให้บทดัดแปลงของ มาร์ค บอมแบค ทำงานกับหัวใจคนดูได้อย่างเต็มสูบเลยทีเดียว ที่สำคัญด้วยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบริบทโลกความเร็วมันยังเอื้อให้หนังมีภาพอันน่าตื่นตาของฉากประลองความเร็วรถแข่งในสนามที่ต่อมาได้กลายเป็นต้นธารความคิดที่เจ้าเอ็นโซ่ใช้มองชะตาชีวิตของเดนนีได้อย่างคมคาย

อีกจุดที่น่าชื่นชมคือการเลือกนักแสดงอย่าง ไมโล แวนทิมิเกลีย และ อแมนดา ไซย์ฟรีด มาแสดงนำที่ช่วยให้โทนดราม่าอบอุ่นในเรื่องออกมาละมุนละไมมาก สำหรับ อแมนดา ไซย์ฟรีด เราอาจพอได้เห็นหน้าเธอมาบ้างและเธอก็ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าฝีมือของเธอก็มีดีไม่แพ้หน้าตา ซึ่ง The Art of Racing in the rain ก็ให้โอกาสเธอพิสูจน์ฝีมือด้วยการรับบทดราม่าตั้งแต่ครูสาวแสนสดใสไปจนถึงแม่และเมียที่ต้องเผชิญกับวิบากกรรมชีวิต อันถือเป็นการรับบทที่ดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของเธอเลยก็ว่าได้ ส่วน ไมโล แวนทิมิเกลีย ที่เคยทำสาวๆกรี๊ดกร๊าดจากซีรีส์ Hero เมื่อหลายปีก่อนก็ได้กลับมารับบทนำอีกครั้ง และก็อาจกล่าวได้ว่า The Art of Racing in the Rain น่าจะเป็นผลงานต้อนรับการคัมแบกของเขาได้อย่างสมศักดิ์ศรี เพราะไมโลจะต้องสื่อสารอารมณ์ ความรัก ความผูกพันธ์ ทั้งในฐานะพ่อ และเจ้าของหมาที่พยายามดิ้นรนถีบชีวิตตัวเองทุกทางเพื่อให้พ้นโค้งอันตรายของชีวิต และด้วยฝีไม้ลายมือที่เข้าฝักแล้วก็ทำให้คนดูอดเอาใจช่วยตัวละครของเขาไม่ได้เลยทีเดียว

แม้ว่าปีนี้จะมีหนังที่หมาเป็นจุดขายเรียกแขกกันเกร่อที่สุดปีหนึ่งในวงการหนังฮอลลีวูด แต่ The Art of Racing in the Rain ก็ยืนหยัดท้าทายพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าถ้าหนังมีดีในตัวเองก็ไม่ต้องกลัวโดนเปรียบเทียบ ด้วยเรื่องราวดราม่าจริงจังสุดเข้มข้น ทำให้คอหนังที่อยากดูหนังบทดีๆให้ข้อคิดกับชีวิตสมใจอยากในขณะเดียวกันเหล่าบรรดาทาสหมาก็จะได้ฟินกับความขี้เล่นและได้คำสอนจากเจ้าเอ็นโซ่ หมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่จะอยู่ในใจคอหนังแน่นอน.

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส