[รีวิว] จอมขมังเวทย์ 2020 – หนังแอ็กชันไสยศาสตร์ที่คิดถึง
Our score
7.5

จอมขมังเวทย์ 2020

จุดเด่น

  1. นักแสดงทำหน้าที่ได้ดีมาก
  2. ฉากแอ็กชันเยอะ...มันส์เดือด

จุดสังเกต

  1. บทหนังมีช่องโหว่เยอะมาก และไม่ค่อยอธิบายที่มาที่ไปของตัวละครและพลังอาคมในเรื่อง
  2. งานซีจี ยังไม่เนียนนัก
  • ความสมบูรณ์ของบท

    7.5

  • คุณภาพงานสร้าง

    7.5

  • คุณภาพการแสดง

    7.5

  • ความสนุก

    7.5

  • คุ้มค่าตั๋ว

    7.5

หลังพ่อถูกฆ่าตาย วิน (ปริญ สุภารัตน์) ไอ้หนุ่มนักมวยสุมไฟแค้นออกตามล่าตัวฆาตกร จนได้พบกับองค์กรพลังจักรวาลที่นำโดย ครูเมย์ (สินจัย เปล่งพานิช) ไลฟ์โค้ชสาวใหญ่ผู้มีเบื้องหลังเป็นผู้ค้าวัตถุไสยเวทย์ และ ก็อต (จิรายุ ตันตระกูล) มือขวาครูเมย์ที่ช่วยตามล่าสินค้า โดยทั้งคู่ได้ตกเป็นเป้าหมายสำคัญของ วิน ที่หวังออกตามล่าฆาตกรที่ฆ่าพ่อเขาเพียงเพื่อชิงเหล็กไหลวัตถุมงคลมากพุทธคุณ และสงครามอาคมครั้งนี้ได้นำ หมวดการ์ตูน (ชิชา อมาตยกุล) มือปราบสาวไฟแรงที่ต้องมาต่อกรกับสงครามมนตร์ดำครั้งนี้ แต่เมื่อศึกเริ่มสะเด็ดน้ำ อิทธิ (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) อดีตผู้กองจอมขมังเวทย์ในตำนานก็ปรากฎตัว แต่สงครามไสยศาสตร์คราวนี้จะจบลงเช่นไรต้องติดตาม

Play video

สนับสนุนเนื้อหาโดย Major Cineplex

หลังทิ้งห่างจากภาคแรกไปถึง 15 ปี ต้อม ปิยะพันธุ์ ชูเพ็ชร์ ได้กลับมารื้อปัดภาคต่อหนัง จอมขมังเวทย์ อีกครั้ง โดยสิ่งที่เราสังเกตได้เลยคือการเก็บเล็กผสมน้อยเหตุการณ์บ้านเมืองต่าง ๆ เอามาสอดแทรกไว้ในหนังเสมือนเป็นบทบันทึกประวัติศาสตร์ด้านความเชื่อความศรัทธาหรืองมงายย่อม ๆ ทั้งการบูมของธุรกิจไลฟ์โค้ช ธุรกิจวัตถุมงคลที่มีตลาดระดับหลายพันล้าน หรือแม้กระทั่งการล้อเลียนเหตุการณ์ที่ พลตำรวจเอก ศรีวราห์ ไหว้ นายเปรมชัย (คดีฆ่าเสือดำ) ก็กลายเป็นกลไกหลักในการสร้างให้ผู้ร้ายในหนังดูเหนือมนุษย์และกฎหมายเอื้อมมือไม่ถึง แม้ในภาพรวมต้องยอมรับว่าหนังเองมีจุดบกพร่องแบบ เอาปากกาแดงวงคำผิดก็คงแดงเถือกเป็นหย่อม ๆ ทั้งการไม่อธิบายที่มาที่ไปหรือให้เราได้รับรู้ปมลึก ๆ ในใจตัวละคร หรือกระทั่งการไม่อธิบายกระทั่งการใช้พลังคุณไสย จนคนไม่เคยดูภาคแรกอาจงงกับตรรกะการต่อสู้เชิงอาคมในเรื่องได้ แต่หนังก็เอาตัวรอดและกลบข้อด้อยด้วยพลังของนักแสดงและการอัดฉากบู๊ให้ตื่นเต้นมาแบบแทบไม่ได้พักเลย

ฉัตรชัย เปล่งพานิช

สินจัย เปล่งพานิช

หมาก-ปริญ สุภารัตน์

สำหรับพลังของนักแสดงต้องยอมรับว่า ตั้งแต่ตัวอย่างหนังเราจะเห็นการ “ปล่อยของ” ของเหล่านักแสดงไม่ว่ารุ่นใหญ่อย่างพี่นก ฉัตรชัย หรือ พี่นก สินจัย ที่แทบไม่ต้องห่วงเรื่องฝีมือกันแล้ว แต่ที่น่าจับตามองมาก ๆ คือเหล่านักแสดงรุ่นใหม่จากละครช่อง 3 ทั้ง หมาก-ปริญ ที่ต้องยอมรับเลยว่าการแสดงแบบภาพยนตร์ทำให้หมากได้ใช้แอ็กติงที่ลึกกว่าละครได้อย่างน่าชื่นชม แม้ว่าในภาพรวมคนที่ขโมยซีนหนังทั้งเรื่องกลับตกเป็นของ ก็อต จิรายุ ที่ปล่อยให้ความคลั่งของตัวละครพาเขาไปสุดทางมากกว่า ติดก็แต่ว่าด้วยความโดดเด่นของรูปร่างหน้าตาเลยทำให้ความลับที่หนังต้องการปกปิดกลายเป็นเห็นแว่บแรกก็รู้แล้วว่าคนเดียวกันเท่านั้นเอง ส่วนคิตตี-ชิชา ก็พิสูจน์แล้วว่าใบหน้าสดไม่อาจทำให้เสน่ห์เธอลดลงได้เลย มิหนำซ้ำยิ่งมองเรากลับหลงรักกระทั่งขี้แมงวันบนหน้าเธอเสียอีก ส่วนการแสดงและน้ำเสียงที่ดูเป็นตำรวจสาวแกร่งก็เย้ายวนได้แบบไม่น่าเชื่อเลยล่ะ เสียดายก็แต่ แพร์-พิชชาภา พันธุมจินดา สาวสวยมากความสามารถจากช่อง 3 ที่หนังใช้เธอได้ไม่คุ้มค่าเท่าไหร่นัก

คิทตี้-ชิชา อมาตยกุล

ก๊อต-จิรายุ ตันตระกูล

แพร์-พิชชาภา พันธุมจินดา

ด้านฉากแอ็กชัน แม้หนังจะดูออกว่าได้ทุนสร้างที่จำกัดจำเขี่ย แต่ต้อม ปิยะพันธุ์ ก็อุตส่าห์ใช้ความครีเอทีฟมานำเสนอมุมมองแอ็กชันใหม่ ๆ ได้อย่างน่าชื่นชม แม้ว่าฉากต่อสู้ประชิดตัวจะใช้การตัดต่อมาช่วยเยอะไปหน่อยจนขาดความดิบอันน่าตื่นเต้น แต่ฉากไสยเวทย์ต่าง ๆ ก็จัดเต็ม แม้ว่างานซีจีเราจะสู้ฮอลลีวูดยังไม่ได้แต่ถ้านับจาก ซีจีควายธนู ในหนังภาคแรกแล้วก็ถือว่ามาไกลทีเดียว แถมต้อมยังเหมือนยำใหญ่องค์ประกอบแบบฮอลลีวูดมาจัดให้คนไทยแบบถึงเครื่องโดยเฉพาะสัตว์ไสยเวทย์ที่แทบมีมูฟเมนต์การปรากฏตัวแบบนึกถึง ทรานส์ฟอร์มเมอรส์ ขึ้นมาแบบช่วยไม่ได้เลยหละ

โดยภาพรวมแล้ว จอมขมังเวทย์ 2020  ถือเป็นหนังไทยที่ให้ความบันเทิงได้ไม่ขี้เหร่เลย บทหนังมีองค์ประกอบหลายอย่างที่น่าสนใจ แม้ว่าจะมีช่องโหว่ประปรายแต่ก็ทดแทนด้วยฉากแอ็กชันและพลังการแสดงอันเข้มข้น แนะนำอย่างเดียวคือควรดูภาคแรกก่อนเข้าชมจะได้ไม่งงกับตรรกะด้านอาคมในเรื่องครับ

พระนครฟิล์มได้ซื้อลิขสิทธิ์หนัง จอมขมังเวทย์ภาคแรก และอัปโหลดให้ชมฟรีแล้ว คลิกที่นี่เพื่อชมได้เลย

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส