[รีวิวซีรีส์] Altered Carbon ซีซัน 2: แก้จุดอ่อน ลดทอนจุดแข็ง
Our score
7.5

Altered Carbon Season 2

จุดเด่น

  1. เหมาะกับแฟนซีซันแรก หรือดูซีซันแรกมาแล้วมากกว่า
  2. เล่าเรื่องได้ชัด กระชับขึ้น ไม่ค่อยมีจุดสงสัยสับสน
  3. เอารายละเอียดเดิมมาต่อยอดได้โอเค
  4. ได้ดาราดังมาร่วมแสดง
  5. ตัวละครยังมีเสน่ห์น่าติดตามโดยเฉพาะแก๊งเอไอ

จุดสังเกต

  1. รสนิยมด้านโพรดักชันไม่ดีเท่าซีซันแรก เหมือนถ่ายเซ็ตกรีนสกรีนแห้ง ๆ
  2. นักแสดงนำกับบททำตัวละครไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่
  3. ขาดเสน่ห์การเล่าเรื่องแบบเก่าไป ง่ายขึ้นแต่ว้าวน้อยลง
  4. ฉากฮาร์ดคอร์สะใจแฟนซีซันแรกหายเกลี้ยง จากติดเรตจะกลายเป็นซีรีส์เรต ท.ทั่วไป อยู่แล้ว
  • ความสมบูรณ์ของบท

    8.0

  • คุณภาพนักแสดง

    7.5

  • คุณภาพการผลิต

    7.0

  • ความสนุก

    7.5

  • คุ้มค่าเวลาในการรับชม

    7.5

เรื่องย่อ อดีตยังคงตามหลอกหลอน ทาเคชิ โคแวช  เอนวอยคนสุดท้าย ซีซันนี้เขาต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้นอย่างดาวฮาร์แลนด์เวิลด์ เพื่อตามหาร่องรอยของอดีตคนรักอย่าง เคล ที่เชื่อว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือเขาต้องเข้าไปพัวพันกับสงครามระหว่างผู้ปกครองและกลุ่มปฏิวัติในยุคปัจจุบันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และแน่นอนยังมีความลับซ่อนอยู่ใต้พรมอีกมากมายให้เราติดตามเปิดเผยเช่นเคย

Play video

ความสำเร็จของซีรีส์แนวไซเบอร์พังก์ซีซันแรกเมื่อปี 2018 จากการดัดแปลงหนังสือชื่อเดียวกันในปี 2002 ของนักเขียนชาวอังกฤษนาม ริชาร์ด เค. มอร์แกน ซึ่งก็ได้กลิ่นอายที่แตกต่างจากหนังที่กลับมาบูมในช่วงใกล้กันอย่าง Blade Runner 2049 (2017) แต่มีพลอตตั้งต้นที่แตกต่างกันก็ทำให้กลุ่มแฟนไซไฟสายไซเบอร์พังก์สนอกสนใจกับซีรีส์อย่าง Altered Carbon อยู่ไม่น้อย และสำหรับใครที่ไม่เคยดูภาคแรกก็ขอเล่าเพียงเล็กน้อยประกอบการรีวิว ซึ่งถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ดูซีซันแรกก่อนด้วย

ใครดูซีซันแรกมาแล้วข้ามตรงนี้ไปได้
ในซีซันแรกจะเล่าถึงโลกในปี 2384 ตัวเอกนาม ทาเคชิ โคแวช หรือ ทัค อดีตทหารซีแทคที่ทิ้งหน้าที่เพื่อช่วยน้องสาวที่เป็นสมาชิกแก๊งยากูซ่านามว่า เรลีน คาวาฮาระ หรือ เรย์ จนต้องหนีไปเข้าร่วมกับกลุ่มกบฏและได้รับการฝึกจากผู้นำปฏิวัตินามว่า เควลคริสต์ ฟาลคอนเนอร์ หรือ เคล กลายเป็นนักรบเอนวอยที่จิตใจกล้าแกร่งและมีสัญชาตญาณเฉียบคม พื้นฐานของโลกอนาคตคือมีการค้นพบการทำ แสตก ชิปที่เก็บความทรงจำหรือตัวตนของมนุษย์ไว้ได้ราวกับผลรวมของวิญญาณ และร่างกายก็เป็นเปลือกที่มีการซื้อขายเช่าแลกเปลี่ยนได้ การถูกทำลายแสตกจึงถือเป็นการตายที่แท้จริงในยุคนั้น โดยกลุ่มชนชั้นผู้ปกครองที่เรียกว่า เมธ คือผู้กำหนดนโยบายและคุมทรัพยากรส่วนใหญ่ของโลก ทำให้พวกเขาเปลี่ยนเปลือกที่เป็นร่างโคลนตนเองและมีชีวิตอยู่อย่างเป็นอมตะ โดยมีการแคสต์ข้อมูลต่าง ๆ แบ็กอัปขึ้นดาวเทียมอยู่เสมอแม้ว่าแสตกจะโดนทำลายพวกเขาก็ยังจะกลับมาได้เรื่อย ๆ พระเอกของเราถูกจองจำโดยการเก็บแสตกไว้นานหลายร้อยปีหลังจากการล่มสลายของกลุ่มปฏิวัติในสงครามสตรองโฮลด์ที่กลุ่มทหารโพรเทกโทเรตใช้ไวรัสทำลายกลุ่มเอนวอยจนสิ้นซาก ก่อนจะถูกเมธนามว่า ลอเรนส์ แบรนครอฟต์ ปลุกให้ตื่นและนำใส่ในเปลือกใหม่เพื่อให้โคแวชซึ่งเป็นเอนวอยคนสุดท้ายของโลกรับข้อเสนอที่จะพ้นโทษและมีชีวิตต่อไปได้ หากสืบสวนได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตก่อนหน้าของแบรนครอฟต์ที่ตายอย่างไม่ปกติ นั่นทำให้โคแวชต้องเข้าไปพังพันกับความฉ้อฉลมากมายในเมืองเบย์ซิตี้มหานครแห่งโลกยุคอนาคต
Altered Carbon 2

โจเอล คินนาแมน ในบทบาท ทาเคชิ โคแวช ในซีซันแรก

ในซีซันแรกตัวซีรีส์จึงมีความผสมผสานในแบบไซเบอร์พังก์ โลกอนาคตที่ฟุ้งเฟ้อในกลุ่มชนชั้นสูงที่อาศัยบนนครลอยฟ้าแตกต่างราวกับเหวในสังคมเดินดินที่พังทลาย ในขณะเดียวกันเนื้อหาก็เป็นไปในแบบนัวร์ฟิล์มที่พระเอกเป็นคนบุคลิกสีเทาไม่แคร์สิ่งใดหรือใครที่ผูกพันเลยเพราะกลุ่มปฏิวัติที่เขาเคยอยู่เชื่อว่าการมีเวลาตายคือคุณสมบัติที่รักษาความเป็นมนุษย์ของเราไว้ โคแวชจึงต่อต้านการรับใช้เมธที่มีอมตะแต่สุดท้ายสถานการณ์ต่าง ๆ ก็บีบเขาให้ทำงานนักสืบนี้จนได้ และในเรื่องหลักก็เดินไปพร้อมเส้นเรื่องรองที่ซับซ้อนหลายเส้น ทั้งครอบครัวแบรนครอฟต์ที่แต่ละคนก็มีปมประหลาด ตำรวจสาวที่มีอดีตกับเปลือกที่โคแวชสวมใส่อยู่ นักฆ่าไร้เงาที่กล้องไม่อาจบันทึกตัวได้ผู้รับใช้องค์กรใต้ดินขนาดใหญ่ที่เข้าไปโปรยความตายในทุกที่ทุกคนที่โคแวชไปเยือน ซึ่งปัญหาสำคัญในซีซันแรกเลยก็คือเส้นเรื่องต่าง ๆ ที่ชวนสับสน แม้พอจะเข้าใจว่าสุดท้ายน่าจะไปขมวดรวมเกี่ยวข้องกันในท้ายสุดแต่การเดินทางระหว่างนั้นก็ชวนสับสนในข้อมูลมากเช่นกัน ส่วนข้อดีก็คือบรรยากาศของเรื่อง โพรดักชันที่รสนิยมดูดีมาก ๆ และการสร้างตัวละคร/นักแสดงที่ดีน่าติดตาม

Altered Carbon

การจัดแสง ศิลป์ สี สถาปัตยกรรม ทุกอย่างลงตัวสวยงามมากแม้แต่ในสังคมชั้นล่างของเมืองก็ยังดูทรามแต่สวย สำหรับซีซัน 1

มาถึงในซีซันที่ 2 นี้ เนื้อเรื่องได้ไปจับประเด็นเรื่องในอดีตของโคแวชที่เป็นปมใหญ่ของตัวเขาเองเป็นหลัก ทั้งการกลับไปดาวบ้านเกิดอย่างฮาร์แลนด์เวิลด์ที่เขาหนีจากมาตั้งแต่เด็ก การกลับไปเผชิญหน้าทหารซีแทคกลุ่มที่เคยตามจับเขาสำเร็จ ตลอดจนการกลับไปหาร่องรอยของเคลซึ่งในท้ายซีซัน 1 เรย์ได้เผยว่าเธอยังเก็บข้อมูลตัวตนของเคลคนรักของโคแวชเอาไว้ที่ใดที่หนึ่งที่เขาจะหาไม่พบ และความลับเบื้องหลังของโลกยุคใหม่เกี่ยวกับตัวตนของแสตกและการกำเนิดอารยธรรมอมตะขึ้นด้วย ซึ่งก็บอกตามตรงว่าคงน่าสนใจสำหรับแฟนที่ติดตามมาในซีซันแรกแล้วมาก ๆ ด้วยนั่นเอง แต่ใครที่คิดจะเริ่มดูจากซีซันที่ 2 ก่อนก็ต้องบอกว่าน่าจะงงกับสารพัดศัพท์เทคนิคต่าง ๆ ในเรื่องแน่ ๆ ทางที่ดีไปดูซีซันแรกหรือหาอ่านคำอธิบายต่าง ๆ ก่อนจะดีกว่า

Altered Carbon 2

แสตก ชิปที่ฝังบริเวณท้ายทอยเปรียบเหมือนวิญญาณของมนุษย์ในอนาคต

Altered Carbon 2

เผชิญหน้าศัตรูที่ไม่เคยเอาชนะได้

ปัญหาใหญ่ในซีซันแรกนั้นถูกแก้ไขอย่างดี เส้นเรื่องชัดเจนขึ้น และเส้นรองก็มีไม่มากและไม่ดูโดดออกไปจนชวนสับสนนัก เรียกว่าดูย่อยง่ายขึ้นมาก จำนวน 8 ตอนก็ไม่ถูกว่าเยอะเกินไปเมื่อเทียบกับซีซันแรกที่มีถึง 10 ตอน ดูยาว ๆ รวดเดียว ก็แค่ประมาณ 5-6 ชั่วโมงก็จบแล้ว แต่ข้อเสียก็มีตรงเอกลักษณ์ความนัวร์แบบมีรสนิยมแบบในซีซันแรกหายไปหมดเหมือนกัน เราไม่เห็นความเรียบหรูและต่ำทรามอย่างชัดเจนในโลกอนาคตอีกแล้ว กลับดูเหมือนหนังไซไฟฝั่งตะวันตกแนว ๆ นี้เรื่องอื่น ๆ ที่มีทำออกมามากมาย ยังดีว่าซีรีส์ยังมีฐานเรื่อง แสตก เปลือก อะไร ๆ ที่ทำให้แกนกลางของเนื้อหาแตกต่างน่าสนใจอยู่บ้าง ทั้งการสวมจิตคนเดียวในสองเปลือกที่เป็นจุดเด่นในซีซันแรก การสอบสวนผ่านจิตในโลกเสมือน และเอไอที่มีเอกลักษณ์มาก ๆ อย่าง โพ ที่เป็นคู่หูพระเอกมาจนถึงซีซันนี้

Altered Carbon 2

โคแวช ที่ต้องตื่นมาสะสางหนี้กรรมเก่า ๆ

Altered Carbon 2

โพ เอไอมากเสน่ห์

ในขณะที่ข้อเสียใหญ่ถูกแก้ไข ข้อดีในซีรีส์ซีซันแรกก็ถูกลดทอนลงด้วย อย่างแรกคือดีไซน์ โพรดักชันที่รสนิยมดูทื่อลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเข้าสู่ฮาร์แลนด์เวิลด์ไป ฉากต่าง ๆ ที่ผสมศิลป์สวย ๆ ลงไปกลายเป็นฉากที่ดูใช้กรีนสกรีนทื่อ ๆ ไปหมดราวกับลดต้นทุน การดีไซน์หน้าตาตัวละคร หรือเทคนิคการถ่ายให้ได้ภาพล้ำ ๆ แบบแปลก ๆ อย่างฟิชอาย 360 องศา หรือการทำสีแบบนีออนก็หายไปหมด เหลือแต่การถ่ายซีรีส์ตามมาตรฐานที่ไม่ได้เหลือเอกลักษณ์เท่ ๆ เอาไว้อีกต่อไป ความรุนแรงก็ลดลงฮวบ ๆ ภาพแหวะจะ ๆ คาตาหายไปหมด ฉากติดเรตทั้งหลายก็เหมือนโดนหั่นทิ้งไม่เหลือ อาจจะอยากให้เข้าถึงกลุ่มคนดูเด็ก ๆ มากขึ้นมั้ง แต่เอาตามจริงถ้าไม่ได้ดูซีซันแรกมาใครจะมาดูซีซันสองจนจบแล้วเข้าใจ คนที่ดูก็แฟนกลุ่มเดิมที่ชอบอะไรฮาร์ดคอร์อย่างซีซันแรกนั่นล่ะ นอกจากนี้อาจด้วยเพราะเปลี่ยนทีมผู้กำกับเซ็ตใหม่ยกเซ็ต และการเหลือทีมเขียนบทแค่ 2 คนจากเดิมที่มีช่วยกันคิดช่วยกันเขียนถึง 8 คนเลยทีเดียว

Altered Carbon 2

งบน่าจะน้อยลงล่ะ ดูแล้วงานสร้างดรอปลงมาก

ข้อต่อมาคือการเปลี่ยนนักแสดงแทบจะยกชุด โดยเฉพาะเมื่อการสวมเปลือกใหม่เปิดช่องให้เปลี่ยนพระเอกจาก โจเอล คินนาแมน ในซีซันแรกที่ดูบึกหล่อคมขรึมมีความลึกลับแบบเป็นธรรมชาติ กลายมาเป็น แอนโธนี แมคคี หรือ ฟาลคอน จากหนังมาร์เวล ซึ่งเห็นได้ชัดว่าขาดความน่าเชื่อไปพอสมควร ทั้งนี้ไม่อาจโทษนักแสดงได้ว่าแสดงไม่ดีเพราะแมคคีก็แสดงได้ไม่ขี้ริ้วอะไรเลย แต่เมื่อเนื้อหาในซีซันนี้คือเขาต้องแสดงเป็น โคแวช ซึ่งผู้ชมติดตาตัวตนมาจากการแสดงของ คินนาแมน (และ วิล ยุนลี ในฉากแฟลชแบ็กร่างเดิมแต่กำเนิดของโคแวช) มาแล้ว ยิ่งเมื่อบทพยายามทำให้โคแวชในซีซันนี้หวั่นไหวง่ายและเจ้าอารมณ์เข้าไปอีก ทำให้เราแทบไม่เชื่อได้เลยว่า แมคคี คือโคแวชที่เรารู้จักมา ปัญหาใหญ่อีกอย่างที่อาจไม่ชัดมากแต่ก็ยังรู้สึกคือ ในบทซีซันนี้โคแวชจะได้รับการสวมเปลือกที่เป็นเกรดทหารคือสมรรถภาพดีกว่าที่ผ่านมาทั้งหมด แต่การเข้าฉากแอ็กชันของแมคคีกลับดูไม่เฉียบคมนัก ยิ่งเมื่อเทียบชัด ๆ กับการแสดงของ วิล ยุนลี ที่มีพูดถึงในช่วงท้าย เรียกว่าดูไปภาวนาไปว่าโคแวชช่วยกลับไปสวมเปลือกของวิล ยุนลีที่เถอะ

Altered Carbon 2

แอนโธนี แมคคี

Altered Carbon 2

วิล ยุนลี

ส่วนนักแสดงสมทบคนอื่น ๆ ก็เรียกว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรมากเพราะถ้าตัวละครเก่าก็ยังได้นักแสดงเดิมมาเล่น อย่าง โพ เอไอที่ขโมยซีนได้ตลอดซีซันที่แสดงโดย คริส คอนเนอร์ มาในซีซันนี้เขาได้ถ่ายทอดอารมณ์มากขึ้นและน่าสงสารน่าหลงรักมากขึ้นด้วย นักแสดงอีกคนที่ได้กลับมารับบทเดิมก็คือ เรเน่ อีลิเซ โกลด์สเบอร์รี ที่มารับบท เคล ซึ่งก็สามารถถ่ายทอดบทบาทของคนที่มี 2 บุคลิกได้ดี แม้โดยรวมจะประเมินฝีมือการแสดงยากเพราะบทเธอไม่ค่อยมีฉากโชว์ของนักตั้งแต่ซีซันแรกแล้ว ส่วนตัวละครใหม่ก็ดีตามมาตรฐานที่ควรเป็นแต่ยังไม่มีโดดเด่นจนอยากหยิบมาพูดถึงนัก ถ้าจะเลือกสักคนก็ต้องขอเลือก ดิ๊ก 301 เอไอนักโบราณคดีที่มาช่วยสร้างสีสันให้เรื่องได้พอสมควร นักแสดงอย่าง ไดนา ชิฮาบิ ก็มีฉากที่ต้องโชว์การแสดงจากภายในที่น่าสนใจดี และยังมีโอกาสได้ไปต่อในฐานะคู่หูใหม่ของโพด้วยถ้ามีซีซันต่อไป

Altered Carbon 2

คริส คอนเนอร์ กับ ไดนา ชิฮาบิ

Altered Carbon 2

เรเน่ อีลิเซ โกลด์สเบอร์รี

สรุป สำหรับซีซันที่ 2 นี้เหมือนทำมาตอบโจทย์แฟนกลุ่มเดิมที่อยากรุ้ความเป็นไปต่อไปของโคแวชมากกว่า โดยยังได้ช่วยเฉลยที่มาของเทคโนโลยีหลายอย่างในเรื่องให้กระจ่างขึ้นด้วย แม้การเล่าเรื่องปริศนาซับซ้อนสนุก ๆ จะหายไป แต่ซีรีส์ก็ยังมีจุดหักมุมสนุก ๆ ให้ติดตามยันฉากสุดท้ายเลยทีเดียว ใครจะนึกล่ะว่าทีมงานจะกล้า…. (ไปดูเอง) และก็เปิดช่องให้มีภาคต่อได้สบาย ๆ ถ้าเน็ตฟลิกซ์ยังอยากทำน่ะนะ (แต่จบตรงนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรด้วยล่ะ) อย่างไรก็ดีก็เป็นอีกซีรีส์ที่มาตรฐานดีน่าดูครับ ถ้าซีซันแรกได้ 9/10 ซีซันนี้น่าจะราว ๆ 6.5/10 (แค่คะแนนเชิงเปรียบเทียบกับซีซันแรกนะครับ)

Altered Carbon 2

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส