[รีวิว]Brahms : The Boy II : ตัวอย่างของความดันทุรังสูง
Our score
3.7

Brahms The Boy II : ตุ๊กตาซ่อนผี 2

จุดเด่น

  1. เลือกนักแสดงเด็กมาได้ดี ดูเหมาะเป็นแม่ลูกกับแคธี โฮล์มส์
  2. ดีที่หนังสั้นเพียง 86 นาที

จุดสังเกต

  1. ไม่มีฉากลุ้นระทึก ไม่น่ากลัว
  2. เด็กผู้ชายโตเกินกว่าจะเล่นตุ๊กตา
  3. ไร้ซึ่งความสมเหตุสมผล ช่องโหว่ และไม่มีคำอธิบาย
  4. ไม่น่าเชื่อว่านี่คือผลงานของทีมสร้างเดิม
  • ความสยอง

    2.0

  • ตรรกะความสมเหตุสมผลของบท

    0.0

  • คุณภาพนักแสดง

    8.5

  • คุณภาพงานสร้าง

    6.0

  • ความคุ้มค่า

    2.0

หนังภาคแรกออกมาตั้งแต่ปี 2016 แม้จะมาในสูตรเดิม ๆ ที่ว่าด้วยเรื่องตุ๊กตาผี แต่ด้วยความน่ากลัว แล้วเฉลยมาได้หักมุมสุดเหวอ ทำให้หนังประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ กวาดรายได้ทั่วโลกไป 74 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างเพียง 10 ล้านเหรียญ แน่นอนว่าทางเจ้าของหนังต้องอยากเข็นภาคต่อ แม้ว่าหนทางภาคต่อมันช่างยากเย็นเหลือเกิน เพราะหนังจบในตัวมันเองไปแล้วอย่างสวยงาม วายร้ายตัวการของเรื่องอย่าง “บราห์มส์” ก็โดนจัดการไปแล้วตอนท้ายเรื่อง แม้จะเผยตอนจบว่ามีบุรุษลึกลับเก็บตุ๊กตา บราห์มส์ ที่โดนฟาดจนแหลกละเอียดมาปะติดปะต่อคืนสภาพเดิม

Brahms : The Boy II

Brahms : The Boy II

มาถึงภาคต่อ หนังก็หยิบมาเงื่อนงำถึงบุรุษลึกลับผู้นั้นล่ะ มาขยายในภาคนี้ เป็นปริศนาหลักของเรื่องที่มาเผยตัวตนกันในฉากไคลแมกซ์ท้ายเรื่อง รอบนี้ใช้คาแรกเตอร์นำชุดใหม่ทั้งหมด ภาคที่แล้วขายชื่อ ลอเร็น โคฮาน จาก The Walking Dead รอบนี้ได้ แคธี โฮล์ม อดีตสาวฮอตในช่วงปลายยุค 90s มารับบทเป็นไลซา คุณแม่ที่มีลูกชายวัยน่าจะประมาณ 10 ขวบ ทั้งแม่และลูกเผชิญเหตุการณ์เลวร้ายในวันที่คุณพ่อต้องทำงานดึก โจร 2 รายบุกเข้ามาทำร้ายเธอถึงในบ้าน จู๊ดเห็นแม่โดนทำร้ายจนสลบ กลายเป็นเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจรุนแรง เขาเลิกพูดตั้งแต่วันนั้น สื่อสารกับทุกคนด้วยการเขียน ส่วนไลซาก็มีอาการประสาทหลอน ฝันร้ายแทบทุกคืน ทั้งครอบครัวจึงตัดสินใจย้ายไปอยู่ชานเมือง แล้วบ้านใหม่ของครอบครัวนี้ก็อยู่ติดกับคฤหาสน์ฮีลไชร์ สถานที่เกิดเหตุการณ์ร้ายในภาคแรก ขณะที่พ่อแม่ลูกเดินสำรวจบ้านใหม่ จู๊ดก็เจอตุ๊กตาบราห์มส์ ฝังอยู่ในพื้นดินตื้น ๆ จึงเอากลับบ้านมาด้วยแล้วก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นเหตุการณ์ที่หลอนครอบครัวนี้

 

Brahms : The Boy II

Brahms : The Boy II

แน่นอนว่าการที่บราห์มส์กลับมาหลอกหลอนครอบครัวใหม่นี้ ต้องเป็นปริศนาชวนสงสัยใหกับคนดูอย่างหนัก เพราะเราต่างเห็นว่าบราห์มส์ตายไปแล้ว ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สยองนี้กันล่ะ ใช้เวลาติดตามเรื่องราวไปอีกไม่นานครับ หนังก็พาเข้าสู่จุดเฉลย เพราะหนังภาคนี้ยาวแค่ 86 นาทีเท่านั้นเอง ไม่ถึงชั่วโมงครึ่งเลยด้วยซ้ำ แล้วก็เป็นบทเฉลยที่ เฮ้อออออ มาก ถึงแม้ผมจะแตะต้องกับบทเฉลยไม่ได้เพราะมันจะเป็นการสปอยล์ แต่บทเฉลยมันก็ไร้ซึ่งเหตุผลสิ้นดี เป็นการเฉลยที่ยัดเยียดแล้วก็ยังทิ้งคำถามไว้อีกมากมาย ที่ผู้สร้างก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้ครบถ้วน

แม้หนังจะสั้น ๆ แต่ก็เดินหน้าแบบที่สร้างจุดขัดใจระหว่างทางเต็มไปหมด โดยเฉพาะการเลือกคริสโตเฟอร์ คอนเวรี มารับบท จู๊ด อย่างแรกคือน้องเป็นเด็กผู้ชายที่ตัวสูงยาวมาก ก่อนที่จะมาผูกพันกับตุ๊กตาบราห์มส์ น้องก็ติดตุ๊กตาหมีชื่อบราวน์ ด้วยรูปร่างและวัยของจู๊ดมันจึงดูขัดกับที่เด็กผู้ชายโตขนาดนี้แล้วติดตุ๊กตา โดยมาตรฐานแล้วน้องเล่นดีครับ ลื่นไหล หน้าตาหล่อเหลาเลยล่ะ แล้วที่ชอบคือน้องมีเค้าหน้าเหลี่ยม ๆ ของแคธี โฮล์มส์ ดูแล้วเชื่อได้เลยว่านี่แม่ลูกกัน

Brahms : The Boy II

Brahms : The Boy II

มองตามมาตรฐานของหนังสยองขวัญแล้ว Brahms : The Boy II มีปริมาณช่วงเวลาให้ลุ้นระทึกค่อนข้างน้อย ไม่มีฉากที่ลุ้นเกร็งถึงกับต้องปิดตาเลย มีตุ้งแช่ประปราย ไม่มีฉากเสียวหรือแหวะ ไม่มีเลือด ฉากน่ากลัวสุดก็หยิบยืมมาจากภาคที่แล้ว คือตุ๊กตาบราห์มส์ หันหน้าได้ กลอกตาได้ มองเห็นบราห์มส์นั่งอยู่ พอหันไปมองอีกทีหายไปอีกทีหายไปแล้ว ระหว่างดู ตกใจแบบสะดุ้งโหยงอยู่ 2-3 ครั้ง แล้วทุกครั้งที่สะดุ้งคือ “เสียง” ครับ ไม่ใช่ภาพเลย เงียบ ๆ แล้วเสียงเอฟเฟกต์ก็ดังโพล่งขึ้นมา เล่นท่าไม้ตายแบบนี้เป็นใครก็ตกใจล่ะนะ

น่าผิดหวังตรงที่ว่าภาคนี้ไม่ได้ทีมนักแสดงจากภาคที่แล้วมาเลย แต่ก็ยังชวนให้คาดหวังได้ที่วิลเลียม เบรนต์ เบลล์ ผู้กำกับและ สเตซี เมเนียร์ มือเขียนบท 2 ตำแหน่งหลักจากภาคที่แล้ว กลับมาทำหน้าที่เดิม แต่ผลงานที่ออกมา มันช่างต่างกับภาคที่แล้วลิบลับ บทเฉลยนอกจากไม่ว้าวและยังดูไม่เข้าที่เข้าทาง ทิ้งช่องโหว่และคำถามค้างคาไว้อีกมาก ก็เข้าใจล่ะนะ ภาคที่แล้วสรุปจบไว้แบบปิดสนิท ถ้าต้องสานเรื่องราวต่อมันก็เลยต้องออกมาดูดันทุรังแบบนี้ล่ะ

Brahms : The Boy II

Brahms : The Boy II

หนังมีวี่แววของความหายนะมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้ Brahms : The Boy II ตอกย้ำทฤษฎี 2 ข้อ ที่กำหนดเค้าลางหนังแย่ไว้ได้อีกเรื่อง

  1. หนังเลื่อนฉายแล้ว เลื่อนอีก กำหนดเดิมคือ กรกฎาคม 2019 เลื่อนมาเป็น ธันวาคม 2019 แล้วก็เลื่อนมาเป็น มีนาคม 2020
  2. หนังที่มีความยาวไม่ถึง 90 นาที มักจะบ่งบอกคุณภาพหนัง เพราะคนเขียนบทไม่รู้จะเล่าอะไร คุณสมบัตินี้มักตรงเสมอ ยกเว้นกับหนังแอนิเมชันนะ
    เจ้าของหนังก็ไม่ได้ฝืนหรอกนะ ค่อนข้างรับรู้คุณภาพหนังตัวเองเลยปล่อยหนังลงแผ่นดีวีดีไปแล้วในสเปน

หาอะไรอย่างอื่นทำดีกว่านะครับ

 

 

Play video