[รีวิว] Tomorrow War ความมันส์ระดับ 200 ล้านที่หนีลงจอสตรีมมิง Amazon Prime
Our score
7.6

Release Date

02/07/2021

PG-13

2h 20min

Action, Adventure, Scifi

Director Chris McKay

Writer Zach Dean

Stars Chris PrattYvonne StrahovskiJ.K. Simmons

[รีวิว] Tomorrow War ความมันส์ระดับ 200 ล้านที่หนีลงจอสตรีมมิง Amazon Prime
Our score
7.6

[รีวิว] Tomorrow War ความมันส์ระดับ 200 ล้านที่หนีลงจอสตรีมมิง Amazon Prime

จุดเด่น

  1. หาช่องทางการเล่าเรื่องสัตว์ต่างดาวได้ไม่ซ้ำของเดิม
  2. ออกแบบสัตว์ต่างดาวได้ดูดุ น่ากลัว โหด ตัวบอสก็ร้ายสมศักดิ์ศรี
  3. สอดแทรกสัดส่วนดราม่าได้ดี ไม่รู้สึกยัดเยียด
  4. ได้เห็น เจ เค ซิมมอนส์ ในหนังเอาใจตลาดแบบนี้ ก็ช่วยยกระดับให้หนังดูมีสาระน่าสนใจขึ้นหน่อย

จุดสังเกต

  1. สงสัยงบหมดไปกับงานสร้าง ถึงได้ทำโปสเตอร์ออกมาดูยังกับหนังเกรดบี
  2. งาน CGI ภาพเมืองอนาคตยังดูลวก ๆ
  3. เสียดายที่ไม่ได้ดูบนจอใหญ่
  • คุณภาพงานสร้าง

    7.5

  • ตรรกะความสมบูรณ์ของบทภาพยนตร์

    8.5

  • คุณภาพนักแสดง

    7.0

  • ความสนุกตามแนวหนัง

    8.0

  • คุ้มค่าเวลาที่จะดู

    7.0

เราผ่านหนังสัตว์ประหลาดต่างดาวบุกโลกกันมาหลายเรื่องแล้วนะ ตั้งแต่ ID4, War of the World, Predator, Clover Filed, Edge of Tomorrow และไม่นานมานี้ก็ The Quiet Place ฉะนั้นการที่ฮอลลีวูดจะสร้างหนังแนวนี้ขึ้นมาอีก ก็ต้องมั่นใจแล้วว่าหาช่องทางที่แตกต่างได้และสามารถดึงความสนใจผู้ชมได้ ก็ถือว่าพาราเมาท์มั่นใจกับโปรเจกต์นี้ถึงกับเททุนสร้างให้มหาศาลถึง 200 ล้านเหรียญ แต่ชะตากรรมของหนังก็เหมือนกับอีกหลาย ๆ เรื่อง ที่เจอกับสถานการณ์โควิด-19 แต่พาราเมาท์เลือกจะไม่เลื่อนแล้วก็ไม่เสี่ยงเอาเข้าโรงฉายในช่วงที่โรงหนังทั่วโลกยังไม่กลับมาเปิดเต็มอัตราด้วย ก็เลยเลือกทางออกด้วยการขายให้กับช่องสตรีมมิง Amazon Prime แบบเท่าทุนไปที่ 200 ล้านเหรียญ แล้ว Amazon Prime ก็อาศัยฤกษ์ดีปล่อยสตรีมมิงไปเมื่อ 2 ก.ค. รับเทศกาลวันชาติอเมริกา ถ้าเอาเข้าโรงฉายในช่วงนี้ก็ต้องชนกับ Fast9 เลยล่ะ

คริส แพรตต์ เป็น แดน ฟอร์เรสเตอร์

ก็น่าสงสาร คริส แพรตต์ (Chris Pratt) นะ Tomorrow War ได้ขึ้นแท่นเป็นพระเอกหนังฟอร์มใหญ่แบบขายชื่อเด่น ๆ เป็นเรื่องแรก แถมยังควบตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างเองด้วยทั้งที สุดท้ายหนังก็ไม่ได้ฉายโรงซะงั้น เรื่องนี้แพรตต์รับบทเป็น แดน ฟอร์เรสเตอร์ ทหารผ่านศึกผู้มีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ พอปลดประจำการมาก็เลยได้เป็นอาจารย์สอนวิชาวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนมัธยม เขามีครอบครัวที่อบอุ่น มีภรรยาที่สวย มีมูริลูกสาวที่น่ารักและฉลาด แต่แล้วในวันที่ชีวิตดำเนินไปเฉกเช่นปกติก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคนทั้งโลก ขณะที่ดูถ่ายสดบอลโลกอยู่นั้น ก็เกิดเหตุการณ์ชวนตื่นตะลึง เมื่อมีประตูมิติโผล่ขึ้นกลางสนามฟุตบอล มนุษย์โลกกลุ่มใหญ่ในชุดทหารเดินกรูกันออกมา และหัวหน้าที่เป็นทหารหญิงก็แนะนำตัวว่า เธอและกองทหารนั้นมาจากโลกอนาคตอีก 30 ปีข้างหน้าที่มีวิทยาการสร้างไทม์แมชชีนได้แล้ว โลกในปี 2050 นั้น โดนสัตว์ต่างดาวรุกราน มนุษย์เหลือเพียงแค่ประมาณ 500,000 คนเท่านั้น จุดประสงค์ที่เธอมาในวันนี้ก็เพื่อขอกำลังคนจากโลกในปีนี้ ให้ไปร่วมรบกับสัตว์ต่างดาวเพื่ออนาคตของมนุษยชาติ

ตรงนี้ล่ะที่ถือได้ว่า Tomorrow War เลือกทิศทางการเล่าเรื่องได้ต่างจากหนังสัตว์ต่างดาวหลายสิบเรื่องที่เคยผ่านตามา มีการเอาเรื่องเดินทางข้ามกาลเวลามาผสมกับวิกฤติการณ์สัตว์ต่างดาว กับการปูความให้แดนมีความเชี่ยวชาญทางด้านวิทยาศาสตร์ก็เลยปูพื้นไปถึงการศึกษากายภาพของสัตว์ต่างดาวเพื่อหาจุดอ่อนและหาวิธีการกำจัดมัน

ฉากใหญ่ขายซีจี

พูดได้เต็มปากว่า Tomorrow War เป็นหนังแอ็กชัน-ไซไฟ ในสไตล์ ID4 ที่สร้างมาเอาใจผู้ชมวงกว้างและหวังผลทางด้านการตลาดอย่างจริงจัง เห็นได้ชัดว่าเงิน 200 ล้านเหรียญฯ หมดไปกับอะไรบ้าง หนังนำเสนอฉากมุมกว้างบ่อย ๆ และเป็นฉากที่ใช้ CGI แบบหนักหน่วง ด้วยความที่หนังเลือกเล่าเรื่องราวในสเกลใหญ่ เมื่อมนุษย์ทั้งโลกโดนสัตว์ต่างดาวโจมตี หนังก็เลยมีทั้งฐานทัพ เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ อาวุธหนัก และกองทัพสัตว์ต่างดาว ก็เลยเป็นฉากปะทะแบบเล่นใหญ่ สาดกระสุน อาวุธหนัก ระเบิดตูมตามวินาศสันตะโร หนังยาว 2 ชั่วโมง 20 นาที แต่อัดแน่นด้วยฉากแอ็กชัน เรียกได้ว่ามาทุก 10 นาทีเลย ทำให้ไม่รู้สึกว่าหนังยืดยาว แต่ก็ต้องแลกกับสิ่งที่ขาดหายไป คือฉากลุ้นแบบ Quiet Place ที่ตัวละครต้องเล่นแอบซ่อนกับสัตว์ต่างดาว

โฉมหน้าของ ไวต์สไปก์

เนื้อหาทางด้านไซไฟก็เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน ชอบที่หนังใช้เวลาครึ่งชั่วโมงแรกปูพื้นกับความน่ากลัวสัตว์ต่างดาว ที่ถูกตั้งฉายาว่า “ไวต์สไปก์” (WhiteSpike) แปลได้ว่า “หนามสีขาว” เพราะไอ้พวกนี้มันยิงหนามแหลมเข้าใส่ศัตรูจากระยะไกลได้ และตัวมีสีขาว ด้วยกิตติศัพท์ที่ถูกเล่าผ่านทหารจากโลกอนาคต แต่ไม่มีภาพให้เห็น ก็เลยทำจินตนาการไปถึงพิษสงของมัน นั่นก็ส่งผลให้ฉากเปิดตัวไวต์สไปก์นั้นค่อนข้างน่ากลัวและชวนลุ้น เสียดายว่าถ้าได้ดูในโรงจะได้อรรถรสกว่านี้มาก แต่นับจากนาทีที่เปิดตัวไวต์สไปก์แล้ว จากนั้นก็ไม่มีการกั๊กแล้วล่ะ ได้เห็นหน้าตาเนื้อตัวกันจะ ๆ ไปเลย ฝ่ายมนุษย์ก็ต้องยิงไปโกยแน่บไป นับเป็นสัตว์ต่างดาวอีกตัวของฮอลลีวูดที่ออกแบบมาได้ดี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รับรู้ได้ถึงความโหดร้ายน่ากลัวของมัน เพราะมันไม่ได้ฆ่าคนเล่น ๆ แต่มันกินคนด้วยนี่สิ หนังก็เลยมีกลิ่นอายของหนังเชือดพอควร กับการแนะนำตัวละครฝ่ายมนุษย์มาหลายคน พอมันออกมาแต่ละครั้งก็ต้องลุ้นว่าตัวละครไหนจะกลายเป็นเหยื่อมันไปบ้าง

อีวอนน์ สตราฮอฟสกี ในบทนำหญิงของเรื่อง

ผู้ที่รับผิดชอบงานเขียนบทคือ แซค ดีน (Zach Dean) ชื่อไม่ค่อยคุ้นหูเพราะผ่านงานเขียนบทมาแค่ 2 เรื่องเท่านั้น 24 Hours to Live และ Deadfall แม้ว่าดีนจะเล่าเรื่องราวของ Tomorrow War ได้เหมือนเดินตามเส้นทางของ ID4 ที่มีทั้งมนุษย์ต่างดาว ภาครัฐหามาตรการรับมือ มีนักวิทยาศาสตร์หาวิธีการเอาชนะมนุษย์ต่างดาว มีวีรบุรุษในสถานการณ์คับขัน แต่หนังก็ทิ้งช่วงห่างจาก ID4 มาแล้วถึง 25 ปี ก็เลยไม่รู้สึกว่าได้ดูเรื่องราวซ้ำ ๆ เดิมในระยะกระชั้นเกินไป

เจ.เค. ซิมมอนส์ ในบท เจมส์ ฟอร์เรสเตอร์

อีกจุดที่พึงพอใจกับงานเขียนของ แซค ดีน ก็คือการสอดแทรกดราม่าที่ไม่รู้สึกว่ายัดเยียดเกินไป กับการเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของพ่อลูก 3 เจเนอเรชัน โดยมี แดน ฟอร์เรสเตอร์เป็นจุดศูนย์กลาง เขามีปัญหาบาดหมางกับ เจมส์ พ่อของเขาเองที่ทิ้งครอบครัวไปตั้งแต่เขายังเด็ก บทเจมส์นี่น่าสนใจขึ้นมาเยอะเลย เมื่อได้ เจ.เค. ซิมมอนส์ (J.K. Simmons) มารับบท ขณะเดียวกันเขาก็ตั้งปณิธานว่าจะเป็นพ่อที่ดีให้กับมูริ ลูกสาวของเขา ไม่ให้ลูกต้องโดนทอดทิ้งเหมือนที่เขาเผชิญมา แน่นอนว่าหนังยังคงเดินตามสูตรที่ว่าด้วยครอบครัวได้มีโอกาสสานสัมพันธ์กันระหว่างที่เกิดวิกฤตการณ์ แต่ก็ไม่ได้เดินตามสูตรสำเร็จเสียทีเดียว มีบางฉากบางตอนที่เล่นกับการคาดเดาคนดู แล้วก็ เฮ้ย! เดาผิดวุ้ย

ที่ชอบอีกอย่างก็คือหนังไม่ได้วางบทลูกสาวในเรื่องนี้ให้เป็นภาระน่ารำคาญ อย่างที่เราเคยเจอมาในหนังหายนะหลาย ๆ เรื่อง ลูกสาวเรื่องนี้มีบทบาทสำคัญกับเรื่องราวเลยล่ะ ฉากไคลแมกซ์ก็ถือว่าทำได้สนุก สมคุณค่ากับการเป็นฉากปิดท้ายเรื่อง ลากกันยาว ๆ 20 กว่านาที เห็นได้ชัดว่าผ่านกระบวนความคิดมาอย่างดี เป็นภารกิจที่ยากเย็นพอตัว ตัวบอสของเรื่องก็ทำหน้าที่ได้สมศักดิ์ศรีลาสต์บอสดีจริง

ในขณะที่ดูหนังฮอลลีวูดเมนสตรีมแบบนี้ ก็เปิดโหมดรับความเวอร์วังอยู่แล้วนะ เพราะเรามักจะเห็นช่องโหว่ใหญ่ ๆ ในบทเป็นปกติ แต่ Tomorrow War กลับไม่มีช่องโหว่ในบทให้รู้สึกหงุดหงิดใจเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะการเปิดเผยที่มาของสัตว์ต่างดาวเหล่านี้ ลามไปลบข้อสงสัยของสัตว์ต่างดาวในหนัง Quiet Place ได้ด้วยที่เราเคยสงสัยว่ามันดูเป็นสัตว์มากกว่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มีอารยธรรม แล้วมันขับยานข้ามแกแล็กซีมายังโลกมนุษย์ได้อย่างไรกัน

คริส แพรตต์ และผู้กำกับ คริส แม็กเคย์

สุดท้ายก็ขอชื่นชม คริส แม็กเคย์ (Chris McKay) ผู้กำกับที่มาจากสายหนังเอาใจเด็กอย่าง The Lego Batman Movie ทั้งสองภาค แต่เมื่อมาจับหนังแอ็กชันฟอร์มใหญ่ ก็ถือว่าแม็กเคย์เอาอยู่ ดูจบแล้วรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ดูในโรง มันเป็นหนังที่เหมาะดูบนจอใหญ่มาก ๆ ความสนุกจะเพิ่มขึ้นกว่านี้อีกหลายเท่าตัว ก็ยังคิดนะว่าพาราเมาท์ตัดสินใจผิดที่ขายลงช่องสตรีมมิง หนังองค์ประกอบครบถ้วนแบบนี้ ได้ดู คริส แพรตต์ ถือปืนสู้กับสัตว์ต่างดาว CGI อัดแน่น พระเอกเก่งแบบรอบด้านมาในมาดวีรบุรุษสุด ๆ มีฉากเท่ ๆ ชวนให้ลุกตบมือให้หลาย ๆ ฉาก เชื่อว่ายอดขายตั๋วทั่วโลกทำได้เกิน 200 ล้านเหรียญสบาย ๆ แค่อย่าเอามาฉายชนกับ Fast 9 แค่นั้นแหละ