ในชีวิตเรา ๆ นั้น ต่างก็มีวันสำคัญที่ควรค่าแก่การจดจำไม่มากนัก วันรับปริญญา วันคลอดลูก แล้วก็วันที่เข้าพิธีแต่งงานนี่แหละครับ ไม่ว่าจะประกอบพิธีตามหลักศาสนาใด บุคคลที่เรา ๆ อยากให้อยู่ร่วมรับรู้เป็นสักขีพยานในเวลาสำคัญเช่นนี้ก็คือคือพ่อและแม่ของเรานั่นเอง แต่สำหรับ เจนี สเทพีน (Jeni Stepien) เจ้าสาววัย 30 ปีคนนี้ พ่อของเธอได้จากไปตั้งแต่ 10 ปีก่อนเล้ว แต่ในวันประกอบพิธีนั้นเธอก็ยิ้มออกได้ เมื่อหัวใจของพ่อเธอได้มาร่วมงานด้วย ในร่างของชายคนหนึ่งที่ได้รับบริจาคหัวใจจากพ่อของเธอ ทำให้ต่อชีวิตเขามาได้ และยินดีมาทำหน้าที่แทนพ่อผู้ให้กำเนิดในการเดินควงแขนบุตรสาวผู้มีพระคุณของเขาในพิธีเดินส่งตัวเจ้าสาว

เหตุการณ์สุดตื้นตันนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2016 กับ เจนี สเทพีน เจ้าสาวชาวเมืองสวิสเวล รัฐเพนซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอเป็นคุณครูโรงเรียนประถม คุณพ่อของเธอ ไมเคิล สเตพีน ได้จากไปในเดือนกันยายน ปี 2006 และเป็นการจากไปอย่างน่าสะเทือนใจต่อเธอและครอบครัวอย่างมาก ในวันนั้นไมเคิลวัย 53 ปี กำลังเดินกลับบ้านจากร้านอาหารที่เขาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพ่อครัว ระหว่างที่เดินเข้าซอยลัด ซึ่งมืดและเปลี่ยว เขาก็โดนปล้นโดย เลสลี แอล. บราวน์ เด็กหนุ่มวัยเพียงแค่ 16 ปี ไมเคิลอาจจะแสดงท่าทีขัดขืน บราวน์ก็เลยยิงไมเคิลเข้าที่ศีรษะในระยะเผาขน ร่างของไมเคิลถูกนำส่งโรงพยาบาล แต่แพทย์ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตไม่ได้ แต่ไมเคิลทำการบริจาคอวัยวะไว้กับหน่วยงานชื่อ The Center for Organ Recovery and Education ซึ่งภรรยาและลูก ๆ ก็ต้องรับดำเนินการตามเจตนาที่ไมเคิลทำไว้ ส่งมอบอวัยวะให้กับหน่วยงานไป

ส่วน เลสลี แอล. บราวน์ นั้นถือว่าจบอนาคต เพราะตำรวจรวบตัวได้หลังจากนั้นไม่นาน บราวน์ต้องโทษข้อหา ฆาตกรรมโดยเจตนาแต่ไมได้เตรียมการไว้ก่อน ศาลตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 40 ปี

หัวใจของไมเคิลถูกส่งต่อไปให้ผู้รอรับบริจาคในคิวลำดับแรก นั่นก็คือ อาร์เธอร์ โธมัส (Arthur Thomas) คุณพ่อลูก 4 แห่งเมืองลอว์เรนซ์วิลล์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งหัวใจของไมเคิลก็เดินทางไปหาอาร์เธอร์ทันทีภายในเวลาเพียง 1 วัน ก็เริ่มทำการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายหัวใจ อาร์เธอร์นั้นเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาประจำวิทยาลัยในเมืองลอว์เรนซ์วิลล์ เขาได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรค หัวใจเต้นผิดจังหวะ (ventricular tachycardia) มาตั้งแต่ 16 ปีก่อนแล้ว หนทางเดียวที่จะได้รับการรักษาให้หายขาดได้ คือต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายหัวใจเท่านั้น

“ทางเดียวที่ผมจะได้ขึ้นมาอยู่คิวแรก คือผมต้องอาการหนักแล้วเท่านั้น แล้วในวันที่ผมได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายหัวใจแล้ว แน่นอนล่ะ สิ่งแรกที่ผมต้องทำคือเขียนไปขอบคุณครอบครัวเขา”

ก็นับเป็นเรื่องดีที่องค์กรผู้รับหน้าที่ตัวกลางนั้น ยินดีที่จะให้ครอบครัวของผู้บริจาคและครอบครัวที่ได้รับบริจาคได้สานสัมพันธ์กันไว้ ซึ่งโธมัสก็สำนึกในบุญคุณอันนี้ และโทรไปทักทายกับครอบครัวสเทพีนเป็นประจำทุกเดือน นอกจากนั้นเขาก็ยังส่งอีเมลหา และเขียนจดหมายด้วยลายมือไปหาอีกด้วย ซึ่งเบนีซภรรยาของไมเคิล และผู้เป็นแม่ของเจนีก็ยินดีรับไมตรีจิตอันดีงามของอาร์เธอร์ไว้ ทั้งสองครอบครัวก็เลยได้แลกเปลี่ยนการ์ดคริสต์มาส และช่อดอกไม้ในวันเกิดซึ่งกันและกันอย่างสม่ำเสมอ พ่อแม่สองครอบครัวยังได้แลกเปลี่ยนไอเดียในการเลี้ยงดูบุตรหลานซึ่งกันและกันด้วย แต่ทั้งสองครอบครัวก็ยังไม่เคยมีการนัดหมายมาพบปะกันสักครั้ง จนกระทั่งในวันที่ เจนี สเทพีน ในวัย 33 ปี กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับ พอล เมนเนอร์ วิศวกรวัย 34 ปี ในเดือนตุลาคม 2016

“สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของฉันคือ ‘แล้วใครจะทำหน้าที่เดินส่งตัวฉันละเนี่ย ?’ ฉันก็คิด คิด แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า โอ้ พระเจ้า มันต้องเป็นเรื่องที่วิเศษอย่างมากถ้าอวัยวะส่วนหนึ่งของพ่อได้มาร่วมพิธีด้วย”
เจนี สเทพีน เล่าถึงที่มาไอเดียของเธอ

เจนีก็เลยเขียนจดหมายไปหาอาร์เธอร์ วันนี้เขาอายุ 72 ปีแล้ว ขอร้องให้เขาทำหน้าที่เดินส่งตัวเธอในพิธีสมรส พออาร์เธอร์รู้เข้าก็ตอบตกลงทันที แต่ก็ต้องถามความเห็นจากแจ็กกี้ ลูกสาววัย 30 ปีของเขาเสียก่อน ซึ่งเธอก็เห็นชอบเป็นอย่างยิ่ง

“แจ็กกี้เองก็คิดว่ามันเป็นไอเดียที่เยี่ยมยอดมาก”

อาร์เธอร์ยังบอกว่า แจ็กกี้แนะนำให้เขาซ้อมเดินส่งตัวก่อนไปทำหน้าที่จริงอีกด้วย แต่ก่อนจะบินไปหาเจนีนั้น อาร์เธอร์ก็เตือนเจนีไว้ก่อนเลยว่าเมื่อถึงเวลาเดินส่งตัวอารมณ์เขาอาจจะเอ่อล้นจนกลั้นไว้ไม่อยู่ก็เป็นได้ เจนีก็บอกว่าเธอเองก็น่าจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน แล้วเธอก็ปลอบอาร์เธอร์ว่า “ไม่ต้องห่วงฉันจะอยู่ตรงนั้นกับคุณ”

พิธีสมรสจัดขึ้นที่โบสถ์ในเมืองสวิสเวล เป็นโบสถ์เดียวกันกับที่พ่อและแม่ของเจนีก็แต่งงานกันที่นี่ ส่วนอาร์เธอร์นั้นบินมาก่อนล่วงหน้าแล้ว 1 วัน อาร์เธอร์แนะนำเจนีว่า ในระหว่างพิธีเดินส่งตัวนั้น ให้เธอจับที่ข้อมือของเขา จะสัมผัสได้ถึงชีพจรของเขาได้ดีที่สุด
“ผมคิดว่านั่นคือวิธีที่เธอจะรู้สึกว่าได้ใกล้ชิดกับพ่อของเธออีกครั้ง เธอจะรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจของพ่อ”

หลังพิธีส่งตัว สองครอบครัวก็ได้ถ่ายรูปด้วยกัน เจนีเอามือแตะที่หน้าอกของอาร์เธอร์เพื่อสัมผัสถึงหัวใจของพ่อที่เต้นอยู่ภายใน อาร์เธอและเจ้าสาวยังได้เต้นรำด้วยกันด้วย บรรดาแขกเหรื่อในงานก็ทักทายต้อนรับอาร์เธอร์แ และแนนซี่ ภรรยาของเขาอย่างเป็นกันเอง หลังงานนี้ทั้งสองครอบครัวให้สัญญาแก่กันว่าจะรักษาความสัมพันธ์อันดีต่อกันไว้ แล้วยังมีแผนจะไปเที่ยวด้วยกันด้วย

“ผมรู้สึกดีมาก ๆ ที่ได้พาหัวใจของพ่อเธอกลับมาเยี่ยมบ้าน ต่อให้ต้องเดินมา ผมก็จะมานะ”
อาร์เธอร์กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา ที่มา