ยังคงได้รับความนิยมและเสียงตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกตอนสำหรับ The Last of Us ซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากวิดีโอเกมเรื่องล่าสุด และเป็นซีรีส์ที่ล้างอาถรรพ์ หนังหรือซีรีส์ที่ดัดแปลงจากวิดีโอเกมได้สำเร็จ แม้ว่าในตอนที่ 3 นี้ จะเป็นตอนแรกที่เนื้อหาซีรีส์เริ่มฉีกให้ต่างจากเนื้อหาในเกมแล้ว ซึ่งกับเรื่องอื่น ๆ ก่อนหน้า ถ้าเรื่องไหนผู้สร้างเลือกจะเขียนเรื่องราวใหม่ให้ต่างจากเกมต้นฉบับ มักจะถูกแฟนเกมสาดเสียเทเสียกัน แต่กับ The Last of Us ในตอนที่ 3 นี้ ที่ทางทีมเขียนบทเลือกที่จะเขียนเรื่องราวชีวิตของบิลและแฟรงก์ขึ้นมาใหม่ แต่กลับได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากแฟนเกมและแฟนซีรีส์อย่างเกินคาด

The Last of US เป็นผลงานและเขียนบทร่วมกันของ เครก มาซิน (Craig Mazin) และ นีล ดรักแมน (Neil Druckman) รายหลังนี้เป็นผู้เขียนเนื้อหาเกมต้นฉบับ ซึ่งทั้งคู่ได้แสดงให้เห็นตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่า ค่อนข้างให้ความสำคัญกับเพลงประกอบ และมักจะเป็นเพลงในยุค 70s – 80s อย่างในตอนแรกนั้นก็มีเพลง Never Let Me Down Again เพลงปี 1987 ของ Depeche Mode และยังมีการเอ่ยถึงเพลง งWake Me Up Before You Go Goง ซิงเกิลฮิตของ Wham คู่ดูโอยุค 80s อีกด้วย พอมาถึงตอน 3 นี้เอง ที่ให้ความสำคัญกับเพลงเสียยิ่งกว่าการนำมาประกอบซีรีส์ แต่เลือกใช้เพลงเป็นแกนหลักของซีรีส์ตอนนี้ รวมถึงใช้ชื่อตอนว่า “Long Long Time” ตามชื่อเพลงเลย

ลินดา รอนสตัดท์ ดิวาผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล

‘Long Long Time’ เป็นซิงเกิลฮิตของ ลินดา รอนสตัดท์ (Linda Ronstadt) ดิวาผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลของวงการดนตรีอเมริกัน เรียกได้ว่าเป็นศิลปินหญิงที่เป็นความภาคภูมิใจของชาวอเมริกันก็ไม่เกินไปนัก เพราะรอนสตัดท์มีเพลงฮิตมากมายนับไม่ถ้วน ถ้าจำแนกแนวเพลงของเธอแบบกว้าง ๆ ก็น่าจะเรียกว่า คันทรี่-ป๊อป ตัวอย่างเพลงดัง ๆ ของเธอก็อย่างเช่น Blue Bayou, Don’t Know Much, You’re No Good, It’s So easy

รอนสตัดท์เกิดในปี 1946 เข้าสู่วงการเพลงในปี 1967 ตอนนั้นเธออายุแค่เพียง 21 ปี และ 2 ปีถัดมาเธอก็ได้บันทึกเสียงอัลบั้มแรกของตัวเอง เธอออกสตูดิโออัลบั้มมา 24 อัลบั้ม ถ้านับที่ไปร่วมงานหรือไปร้องคู่กับศิลปินอื่นแล้วมีมากกว่า 120 อัลบั้ม อัลบั้มล่าสุดคือ ” Adieu False Heart” ออกมาเมื่อปี 2006

ปัจจุบันเธออายุ 76 ปีแล้ว ยังมีชีวิตอยู่ แต่น่าจะหยุดออกผลงานไปแล้ว ตลอดเส้นทางสายดนตรีของเธอนั้น ประสบความสำเร็จมากมาย ทั้งด้านยอดขายและรางวัล ผลงานของเธอทำยอดขายรวมกันแล้วมากกว่า 100 ล้านแผ่น มีเพลงฮิตเคยเข้าชาร์ตบิลบอร์ดมาแล้ว 38 ซิงเกิล ด้านรางวัลนั้น เธอเป็นเจ้าของรางวัลแกรมมี่ 11 ครั้ง เมื่อปี 2014 ได้รับการบรรจุชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศร็อกแอนด์โรล (Rock and Roll Hall of Fame) รอนสตัดท์ยังมีส่วนสำคัญต่อวงดนตรีระดับโลกอย่าง The Eagles เพราะ ดอน เฮนลีย์, เกล็น ฟราย, เบอร์นี ลีดอน และ แรนดี้ ไมส์เนอร์ ต่างก็เป็นนักดนตรีเล่นแบ็กอัปและออกทัวร์กับเธอในสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 3 “Linda Ronstadt” ปี 1972 หลังจากนั้นทั้ง 4 ก็ไปก่อตั้งวงดนตรี The eagles

ความสำเร็จของ Long Long Time

หน้าปกซิงเกิล Long Long Time

ส่วนเพลง Long Long Time นั้น เป็นซิงเกิลฮิตที่บรรจุอยู่ในอัลบั้ม Silk Purse เป็นอัลบั้มชุดที่ 2 ออกจำหน่ายในปี 1970 ในอัลบั้มนี้ มีเพลงฮิตอย่าง “Will You Love Me Tomorrow?” ที่เธอคัฟเวอร์เพลงของ แคโรล คิง และตัดออกมาเป็นซิงเกิลแรก ส่วนเพลง ‘Long Long Time’ นั้น เป็นผลงานประพันธ์ของ แกรี่ ไวต์ (Gary White) ซึ่งหลังจากรอนสตัดท์ได้อ่านเนื้อร้องเพลงนี้แล้ว เธอเกิดความประทับใจมาก แม้ว่าทางผู้บริหารค่ายแคปปิตอล ได้ฟังเพลงนี้แล้วแต่ไม่ชอบ และตั้งใจจะตัดออกจากอัลบั้ม Silk Purse เสียด้วยซ้ำ เขาบอกว่าสำเนียงมันฟังดูคันทรี่เกินไป แต่รอนสตัดท์ก็ยืนกรานให้บรรจุเพลงนี้เข้าไปในอัลบั้มได้สำเร็จ ไม่แค่นั้นเธอยังคะยั้นคะยอให้ทางค่ายเลือกตัดเพลงนี้เป็นซิงเกิลที่ 2 และเธอก็แสดงให้เห็นว่าวิสัยทัศน์ของเธอไม่ผิดพลาด ‘Long Long Time’ กลายเป็นซิงเกิลแรกของเธอที่เข้าชาร์ตบิลบอร์ด Hot 100 ได้สำเร็จ ขึ้นสูงสุดที่อันดับ 25 และอยู่ในชาร์ตนานถึง 12 สัปดาห์ ไม่แค่นั้น ‘Long Long Time’ ยังเข้าชาร์ตอื่น ๆ อีก 6 ชาร์ต ได้รับการเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ สาขาเพลงที่ขับร้องโดยศิลปินหญิงร่วมสมัยยอดเยี่ยม

ด้วยความสำเร็จมากมาย จึงส่งผลให้ ‘Long Long Time’กลายเป็นเพลงรักอมตะที่อยู่คู่โลกมาจนทุกวันนี้ ภายหลังบทเพลงนี้ถูกศิลปินอื่นนำมาคัฟเวอร์ถึง 6 เวอร์ชัน แต่ด้วยความคลาสสิกและการเข้าถึงหัวใจของบทเพลงอย่างแท้จริง ทางผู้สร้างจึงตั้งใจเลือก ‘Long Long Time’เวอร์ชันดั้งเดิมของ ลินดา รอนสตัดท์ มาใช้ประกอบใน The Last Of Us

เหตุผลที่เลือก Long Long Time มาใช้ในซีรีส์

เครก มาซิน ผู้กำกับเป็นคนที่เลือกเพลงนี้ด้วยตัวเอง เขาย้อนเล่าเขารู้จักเพลงนี้จากคำแนะนำของ เซ็ธ รูเด็ตสกี้ (Seth Rudetsky) ผู้คร่ำหวอดในวงการละครบรอดเวย์
“เรามีไอเดียว่าในตอนนี้เราอยากให้บิลกับแฟรงก์ถูกเชื่อมความรู้สึกกันผ่านบทเพลงสักเพลง ซึ่งมันจะทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้แฟรงก์เริ่มรู้สึกกับบิลเปลี่ยนไป”

“ผมรู้แค่ว่าอยากได้เพลงที่สื่อความรู้สึกของการรอคอยอันยาวนาน ความเจ็บปวดใจ และความรักที่ไม่สมหวัง แต่ผมก็ยังไม่เจอเพลงที่ตรงเป้า แม้จะพยายามหาแล้วหาอีกก็ตาม ในที่สุดผมก็ทักไปหา เซ็ธ รูเด็ตสกี้ เขาเป็นนักจัดรายการวิทยุและรู้จักเพลงเยอะมาก ผมก็บอกเขาไปถึงเพลงที่ผมอยากได้ แค่ 2 วินาที เขาตอบกลับมาว่า ‘Long Long Time’ ของ ลินดา รอนสตัดท์ ผมนี่แบบ นี่เลย ใช่เลย”

เซ็ธ รูเด็ตสกี้ ผู้แนะนำเพลง Long Long Time ให้กับ เครก มาซิน

ในฉากสำคัญที่เพลง ‘Long Long Time’ถูกใช้ เริ่มจากมื้ออาหารที่บิลปรุงเนื้อกระต่ายพร้อมไวน์อย่างดีให้แฟรงก์ทาน พอทานเสร็จแฟรงก์ก็ทำท่าทีดีใจเมื่อเห็นเปียโนโบราณของบิล เขาขออนุญาตบิลก่อนจะนั่งลงหน้าเปียโน และหยิบหนังสือโน้ตดนตรีที่วางอยู่หลายเล่มขึ้นมาเลือกดู ก่อนจะจบที่เล่ม “รวมเพลงฮิตของ ลินดา รอนสตัดท์”
“นี่สิเพลงของคุณ” แฟรงก์พลิกผ่านไปหลาย ๆ หน้าก่อนจะมาหยุดที่หน้าหนึ่ง “โอ้ พระเจ้านี่เพลงโปรดผมเลย”
จากนั้นเขาก็เริ่มกดคีย์เปียโนและร้องเพลง ‘Long Long Time’คลอไปด้วย ทันใดนั้น บิลก็รี่เข้ามาหยุดแฟรงก์ที่กำลังร้องเพลงและเล่นเปียโนอย่างรื่นเริง ทั้งที่เขาเพิ่งร้องไปเพียงแค่ท่อนแรก ด้วยน้ำเสียงที่หยาบกร้าน แต่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด วินาทีนั้นเองที่แฟรงก์เริ่มสังเกตเห็นท่าทีของบิลที่เปลี่ยนไป และทำให้เขามั่นใจถึงรสนิยมทางเพศที่บิลพยายามแอบซ่อนไว้ภายใน จนแฟรงก์กล้าที่จะเริ่มเข้าหาบิลก่อนด้วยการจูบที่ดูดดื่มและมั่นใจว่าบิลจะไม่ปฏิเสธเขา และนั่นก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่กินเวลายาวนานหลายทศวรรษ

แม้จะเป็นฉากสำคัญที่แฝงไปด้วยอารมณ์มากมาย แต่ เครก มาซิน ก็เล่าว่าเบื้องหลังฉากนี้มีเรื่องน่าขันอยู่
“มันมีเรื่องน่าสนใจตรงที่เราพลิกความคาดหมายของคนดู เพราะตอนเริ่มฉากนี้คนดูจะคิดว่าแฟรงก์นี่ต้องเป็นนักเปียโนที่เก่งมากและมีน้ำเสียงที่ไพเราะสุด ๆ แต่ที่ไหนได้เขากลับเล่นได้ห่วยมาก แต่ในทางตรงกันข้าม เมอร์เรย์ บาร์ตเล็ตต์ ตัวจริงนั้นเขาเป็นนักเปียโนที่เก่งมากและมีน้ำเสียงที่ยอดเยี่ยมสุด ๆ สำหรับพวกเราตอนนั้นมันก็เลยดูน่าขันที่ต้องเห็นเขาแกล้งเล่นเป็นนักเปียโนห่วย ๆ และร้องเพลงแย่ ๆ ออกมา”

ความหมายของ Long Long Time ที่มีต่อเนื้อหาของซีรีส์ในตอนนี้

เนื้อหาของเพลง ‘Long Long Time’โดยฝีมือประพันธ์ของ แกรี่ ไวต์ นั้น เล่าเรื่องราวของความรักที่ไม่สมหวังของหญิงคนหนึ่ง แต่ในฉากเปียโนนั้น แฟรงก์ได้ร้องแค่เพียงท่อนแรก แล้วบิลก็เข้ามาห้ามเขาก่อนที่เขาจะร้องเพลงท่อนที่ 2 และ 3 ซึ่งเนื้อเพลงในท่อนต่อไปจะเริ่มเอ่ยถึงความเจ็บปวดกับความรักที่ไม่สมหวัง การที่ตัดจบเพลงแค่เพียงท่อนแรกนี้ ทำให้เนื้อหาในซีรีส์ได้สานต่อไปกับเรื่องราวความรักของบิลและแฟรงก์ โดยเลี่ยงที่จะไปเอ่ยถึงความรักที่หดหู่ที่เพลงได้กล่าวถึง

จากนี้ผู้ชมก็ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในชีวิตคู่ที่ยาวนานหลายทศวรรษของบิลและแฟรงก์ นับตั้งแต่วันแรกทีได้พบกับจนถึงวันที่ได้ตายจากกัน แล้วก็เชื่อมต่อกับเรื่องราวของโจลและเอลลี่ เมื่อทั้งคู่มาถึงบ้านของบิลและแฟรงก์หลังจากเหตุการณ์ชวนช็อกของทั้งคู่ได้ผ่านไปไม่นาน โจลได้อ่านจดหมายที่บิลเขียนถึงเขา แล้วโจลก็ขนเสบียงขึ้นรถของบิลและขับออกไปกับเอลลี่ ระหว่างนั้นเอลลี่ก็เจอเทปคาสเซ็ตต์ที่เขียนว่า “รวมเพลงสำหรับบิล” เธอก็ยัดเทปเข้าใส่วิทยุหน้ารถทันที โจลรีบบอกห้าม แต่ก็ไม่ทันซะละ เพราะเพลงที่เล่นออกมาก็คือ ‘Long Long Time’ ทำเอาโจลเปลี่ยนใจ

“โอ้ อย่าเพิ่ง รอก่อน โอเคปล่อยเพลงเล่นต่อไปเหอะงั้น เพลงนี้ดีเลยละ นี่คือ ลินดา รอนสตัดท์”

แล้วเราก็ได้เห็นภาพรถของทั้งคู่วิ่งห่างออกไปจากบ้านของบิลและแฟรงก์ แล้วเพลง ‘Long Long Time’เวอร์ชันดั้งเดิมของ ลินดา รอนสตัดท์ ก็ขึ้นมาปิดท้ายตอนนี้ เพลงที่เป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของบิลและแฟรงก์ และจากนี้มันก็จะทำหน้าที่อีกครั้ง ด้วยการเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของโจลที่จะต้องปกป้องและผูกพันกับสาวน้อยที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน และจะกลายเป็นคนสำคัญในชีวิตของเขาจากนี้ไปไปอีกนานแสนนาน………………….. Long Long Time

เพียงแค่ไม่กี่นาทีหลัง The Last Of Us ตอนที่ 3 นี้ได้แพร่ภาพออกไป ทาง Spotify ก็ได้ทวีตว่า ยอดสตรีมมิงเพลง ‘Long Long Time’ โดดขึ้นไปจากเดิม 4,900 % นี่สินะพลังของซีรีส์ที่สามารถฟื้นคืนชีพเพลงอายุ 50 กว่าปีได้

Love will abide, take things in stride
Sounds like good advice but there’s no one at my side
And time washes clean love’s wounds unseen
That’s what someone told me but I don’t know what it means
‘Cause I’ve done everything I know to try and make you mine
And I think I’m gonna love you for a long long time
Caught in my fears
Blinking back the tears
I can’t say you hurt me when you never let me near
And I never drew one response from you
All the while you fell all over girls you never knew
‘Cause I’ve done everything I know to try and make you mine
And I think it’s gonna hurt me for a long long time
Wait for the day
You’ll go away
Knowing that you warned me of the price I’d have to pay
And life’s full of flaws
Who knows the cause?
Living in the memory of a love that never was
‘Cause I’ve done everything I know to try and change your mind
And I think I’m gonna miss you for a long long time
‘Cause I’ve done everything I know to try and make you mine
And I think I’m gonna love you for a long long time

——————————————————

ความรักจะคงอยู่กับเรา พาเราก้าวข้ามพ้นสิ่งต่าง ๆ ไป
ฟังดูเป็นคำแนะนำที่ดี แต่ไม่เห็นมีใครอยู่เคียงข้างฉันเลย

เวลาจะสามารถเยียวยาบาดแผลแห่งรักที่มองไม่เห็น
มีคนบอกฉันแบบนี้แต่ฉันก็ไม่รู้ความหมาย
นั่นเพราะฉันได้ทำหมดแล้วทุกหนทางเพื่อให้คุณเป็นของฉัน

และฉันคิดว่าฉันจะรักคุณไปอีกนานแสนนาน
ทำให้ฉันคงอยู่ในความกลัวตลอดไป
ได้แต่ย้อนรอยน้ำตา

ฉันไม่สามารถกล่าวได้ว่าคุณทำร้ายฉัน เพราะฉันไม่เคยได้ชิดใกล้คุณเลย
ไม่เคยได้รับการตอบรับใด ๆ จากคุณ

ในขณะที่คุณตกหลุมรักสาว ๆ ที่คุณไม่เคยรู้จัก
ฉันก็ได้แต่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้คุณเป็นของฉัน
และฉันคิดว่ามันจะทำร้ายฉันไปอีกนานแสนนาน

ได้แต่รอวัน
ที่คุณจะจากฉันไป
รู้ดีว่าจะเจ็บแต่ฉันก็ยอมแลก
จากนี้ไปชีวิตเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว

แต่ใครละจะล่วงรู้
การที่ต้องมีชีวิตอยู่กับความทรงจำกับรักที่ไม่เคยได้สัมผัส

ฉันทำทุกอย่างแล้วเพื่อจะเปลี่ยนใจคุณ
และฉันคิดว่าฉันคงคิดถึงคุณไปอีกนานแสนนาน
ฉันก็ได้แต่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้คุณเป็นของฉัน
และฉันคิดว่าฉันจะรักคุณไปอีกนานแสนนาน

ที่มา ที่มา