ก่อนอื่นขอขอบคุณ ไอฟลิกซ์ (iflix) มาก ๆ นะคะที่ชวนแบไต๋ไปร่วมงาน เปิดตัวซีรีส์ “เพียว จีเนียส (Pure Genius)” จาก NBC Universal และชมตอนแรกก่อนฉายจริง เพียว จีเนียส ซีรีส์ที่นำการใช้นวัตกรรมมาพัฒนาวงการแพทย์ โดยจัดตั้งโรงพยาบาลบังเกอร์ฮิลล์ (Bunkerhill) เพื่อใช้รักษาผู้คนด้วยวิธีที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

เพียว จีเนียส ดูได้แล้ววันนี้ทาง iflix เท่านั้น

และความดีงามครั้งนี้ ไอฟลิกซ์ นอกจากจะเชิญไปให้ดูเป็นน้ำจิ้ม 1 ตอน แล้วก็ไม่ทิ้งช่วงให้แอดมินรู้สึกดีดดิ้น วันนี้ปล่อยทีเดียวครบ 13 ตอนให้ดูตาแฉะรวดเดียวจบสุดสัปดาห์นี้เลย (หรือใครอยากดูวันเดียวจบก็เอาที่สบายใจเนอะ)

เรื่องราวเริ่มต้นจาก เจมส์ เบลล์ (James Bel) มหาเศรษฐีจากบริษัทเทคโนโลยีในซิลิคอนวัลเย์ นำแสดงโดย ออกัสตัส ปริว (Augustus Prew) ต้องการสร้างโรงพยาบาลที่มีเทคโนโลยีล้ำที่สุด เพื่อรักษาโรคร้ายที่หายยากและไร้ทางรักษา จึงร่วมมือกับศัลยแพทย์มือฉมังที่มีอดีแสนอื้อฉาวอย่าง ด็อกเตอร์ วอลเธอร์ วอลเลซ (Dr. Walter Wallace) นำแสดงโดย เดอร์มอต มัลโรนีย์ (Dermot Malroney) ผู้ต้องการล้มล้างระบบอันล้าหลังในวงการแพทย์และปฏิวัติวงการแพทย์ให้ก้าวหน้า เพื่อรักษาคนไข้ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยให้ช่วยเหลือผู้คนรอดชีวิตได้มากที่่สุด โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

  • ชมตัวอย่าง เพียว จีเนียส

Play video

ออกัสตัส ปริว รับบท เจมส์ เบลล์ ผู้เป็น Geek ด้าน IT แถมยังรวบรวมเหล่าคนไฟแรงอื่น ๆ มาเป็นสมาพันธ์อัจริยะที่เรียกว่าครอบครัวอยู่ที่บังเกอร์ฮิลล์เลยก็ว่าได้ เรื่องนี้คาแรคเตอร์ เจมส์ เบลล์ เจ้าของโรงพยาบาลบังเกอร์ฮิลล์ นอกจากเก่งเรื่องไอที มีไอคิวสูง เข้าใจเรื่องของความเจ็บป่วยได้ดีแล้ว ยัง โค-ตะ-ระ รวย ! เป็นอภิมหาเศรษฐี ชนิดชาตินี้ถึงชาติหน้าและบางทีถึงภพต่อ ๆ ไป ก็อาจยังใช้เงินที่มีอยู่ไม่หมด แต่ยังคงมีความเป็นเด็กอยู่ในตัวและสนใจใฝ่รู้ พร้อมกับเปิดรับสิ่งใหม่อยู่เสมอ และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคใดก็ตาม เพราะฉะนั้นระหว่างเรื่องไม่ว่าจะเจอคนไข้อะไรก็ตาม ไม่ต้องลุ้นมาก 90% จากที่ดูคร่าว ๆ คือหายแน่นอน จะว่าไปดูแล้วแอดมินคิดว่าคาแรคเตอร์ตัวละครแอบดูคล้ายกับ เจสซี่ ไอเซนเบิร์ก เหมือนกันค่ะ แต่เรื่องการแสดงอาจไม่ชัดเจนเท่า

เพียว จีเนียส ตอนที่ 1

เพียว จีเนียส ในตอนที่ 1 ค่อนข้างเปิด/ปิดเรื่องได้กระชับ คนไข้ที่เข้ารักษา หลัก 2 เคส ก็คือปิดจ๊อบจบในตอน

  • เคสแรก คนแรกท้อง เป็นเนื้องอกหุ้มบริเวณกล้ามเนื้อหัวใจต้องรับการผ่าตัด และไม่ควรมีลูก แถมดูไปเรื่อย ๆ เธอดันมีปัญหาทางจิตที่ไม่ได้บอกหมอไว้อีก

หัวใจและเนื้อร้าย ที่ถูกจำลองออกมาให้ฝึกผ่าก่อนเจอเคสจริง

ระหว่างรักษาคนไข้ร้ายนี้ทำให้เราได้เห็นถึงความตั้งใจในการทำการบ้านอย่างดีของคนเขียนบท ได้ข่าวว่ามีทีมจากหมอเฮาส์มาทำเรื่องนี้ด้วย น่าดูต่อทันที ! (ฮา) เทคโนโลยีที่จะได้เห็นคือ การอัลตร้าซาวด์แบบโคตรไฮเทค คาดว่าน่าจะเป็นการต่อยอดจากการอัลตร้าซาวด์ 4มิติ ในปัจจุบัน อีกอย่างที่เห็นคือ การสั่งพิมพ์โมเดลเสมือนจริง สามารถจำลองชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์มาฝึกซ้อมก่อนลงสนามจริง (ภาพด้านบน) ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ยังไม่รวมระบบประมวลผลอัจฉริยะ ที่ดึงเอาข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับประวัติคนไข้ทุกโรคบนโลกใบนี้ มาเปรียบเทียบเพื่อใช้ในการรักษาคนไข้ปัจจุบันที่กำลังเจอ

เจมส์ เบลล์ กำลังอธิบายถึงวิธีการทำงานของเครื่องส่งผ่านความคิดทางสมอง เพื่อใช้ในการรักษาคนไข้

  • เคสที่สอง คนไข้เด็กหญิงที่กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราทั้ง ๆ ที่ไม่เคยป่วยมาก่อน

อาการของเด็กหญิงคนนี้จะเรียกง่าย ๆ ก็คงคล้ายกับเจ้าหญิงนิทราในเทพนิยาย ดูเหมือนกำลังหลับอยู่ ไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าด้วยการขยับร่างกายได้ เจมส์ เบลล์ จึงไปหางานวิจัยที่เคยมีเกี่ยวกับการเชื่อมต่อความคิดทางสมอง คล้าย ๆ กับที่ โปรเฟสเซอร์ เอ็กซ์ จาก เอ็กซ์เม็น ใช้พูดคุยกับมิวแทนท์อื่น ๆ นั่นแหละ แต่อันนี้มีการวิจัยเกิดขึ้นในความเป็นจริง และด้วยลูกบ้าพ่อหนุ่มเจมส์ เบลล์ ก็ไปซื้องานเค้ามาเพื่อรักษาคนไข้โดยไม่คิดเงินแม้แต่บาทเดียว !

ทำไมถึงเปิดบังเกอร์ฮิลล์ ?

ระหว่างเรื่องบทก็ทิ้งเหตุจูงใจให้ หมอวอลเลซ มาหยอดถาม(แทนเรา)ถึงประวัติของ เจมส์ เบลล์ เป็นเส้นเรื่องสานต่อถึงอาการป่วยของ เจมส์ เบลล์ ให้เรารู้สึกอยากติดตามตอนต่อไป(นิด ๆ) เนื่องจากจับพิรุธในการเลือกคนไข้ที่เป็น โรคจีเอสเอส หรือ อัลไซเมอร์ ตามบันทึกยังไม่เคยมีใครรักษาให้หายได้ เข้ามาอย่างไม่บังเอิญ ซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เปิด บังเกอร์ฮิลล์ ขึ้นมา

อุปกรณ์สุดไฮเทค บังเกอร์ฮิลล์ส่งไปให้เด็กที่ป่วยใส่ แต่กลับไปติดที่คอเจ้าตูบแทนซะงั้นน่ะ

เรื่องราวของความไฮเทคของอุปกรณ์รักษาในตอนที่ 1 ไม่ได้มีแค่นี้นะคะ ยังมีอุปกรณ์ที่คอยวัดชีพจรและความผิดปกติของร่างกายที่หน้าตาเหมือน แอปเปิ้ลวอทช์ ต้องใส่ติดตัวตลอดเวลาเพื่อที่ทีมแพทย์ของ บังเกอร์ฮิลล์ จะได้รับรู้ถึงอาการและเข้าช่วยเหลือได้ทัน แต่ยังไม่ได้รับการยอมรับจากผู้ป่วยเท่าไหร่นัก เนื่องจากทำให้รู้สึกเหมือนถูกเข้าถึงข้อมูลตลอดเวลา

สุดท้ายนี้แอดมินหวังเพียงอย่างเดียวว่า.. ตอนต่อ ๆ ไปจะไม่เลยเถิดออกทะเลจนกู่ไม่กลับ เอาล่ะจบแล้วจ้าแอดมินจะไปดูอีก 12 ตอนที่เหลือให้จบแล้วมาเล่าให้ฟังอีกที

ปล. ลืมพูดถึงเรื่องฉากการผ่าตัดไปเลย แอดมินว่ามันไม่ได้รู้สึกหวาดเสียวและดุเดือดเท่าเรื่องอื่น มีมาให้ดูแค่นิดนึงไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ แต่ขอรอดูตอนต่อ ๆ ไปก่อนแล้วค่อยมาพูดถึงเรื่องนี้อีกรอบนะคะ

ติดตามเรื่องราวของซีรีส์น่าดูอีกเพียบได้ที่ >> iflix