Play video

กำกับโดย แพทริค เกรแฮม

เหมาะสำหรับ คอหนังหรือซีรีส์สยองขวัญ

รับชมได้ทาง Netflix

เป็นกระแสคลื่นใต้น้ำที่มาแรงจริงๆสำหรับซีรีส์อินเดีย ที่เริ่มครองพื้นที่ในผังรายการโทรทัศน์ในช่วง 1 ปีมานี้อย่างต่อเนื่อง โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมคงหนีไม่พ้นแนวเรืื่องเล่าในศาสนา หรือเอาปีศาจในตำนานมาเป็นจุดขาย ซึ่งจะว่าด้วยหน้าหนังแล้ว GHOUL ก็นับว่าไม่ผิดแผกจากซีรีส์อันเป็นที่นิยมนัก จะผิดหูผิดตาชัดเจนก็เห็นจะเป็นความยาวของมินิซีรีส์ที่มีเพียง 3 ตอน และถูกนำเสนอด้วยโทนเรื่องแนวสยองขวัญและดำเนินเหตุการณ์ในโลกอนาคตแบบดิสโทเปียที่ประชาชนต้องอยู่ภายใต้รัฐบาลเผด็จการ ห้ามการแสดงออกทางการเมืองและมีการกำหนดแม้กระทั่งข้อบังคับในหลักสูตรเพื่อมิให้การศึกษาทำให้คนแข็งขืน แถมยังอ้างอิงกับสังคมอินเดียปัจจุบันที่ยังแบ่งวรรณะตามความเชื่อของพราหมณ์และกีดกันคนศาสนาอื่น

โดยเรื่องราวจะมีศูนย์กลางอยู่ที่ นิดา (ราธิกา อัปเต) เจ้าหน้าที่สอบสวนคนใหม่ที่เคยส่งพ่อที่เป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลให้ทางการ หลังเธอได้มาประจำยังสถานกักกันผู้ก่อการร้ายก็ต้องเผชิญเหตุการณ์สุดสยองเมื่อเธอต้องสอบสวน อาลี ซาอิด (มาเฮช บัลราจ) ผู้ก่อการร้ายตัวเอ้ ที่การมาถึงของเขาอาจพาอำนาจมืดเหนือมนุษย์ติดตัวมาเพื่อเปลี่ยนคุกให้กลายเป็นนรกที่ทุกคนพร้อมถูกกลืนกินจากปีศาจโบราณนาม ‘กูล’  ทำให้ นิดา ต้องไขปริศนาให้ได้ว่าใครเป็นคนทำพิธีเรียก กูล มาสร้างความสยอสยองครั้งนี้ ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป

แน่นอนว่าแม้หน้าตานักแสดงจะดูอินเดี๊ย อินเดีย แค่ไหน แต่โทนเรื่องมันคือหนังสยองขวัญฝรั่งชัดๆทั้งการสร้างบรรยากาศและการปูโทนเรื่อง แถมยังได้ทีมงานฮอลลีวูดอย่าง บลัมเฮาส์ ผู้สร้างหนังฮิตอย่าง Insidious และ Get Out แต่เนื่องด้วย แพทริค เกรแฮม เป็นผู้กำกับชาวอังกฤษที่ทำงานในโปรดักชั่นหนังอินเดียมานาน จึงสามารถผสมผสานการเล่าเรื่องแบบสากลให้เข้ากับแนวคิดวิพากษ์การเมืองอินเดียได้อย่างลุ่มลึก โดยเฉพาะประเด็นเรื่องศาสนาอย่างการให้ นิดา เป็นมุสลิมที่ต้องมาทำงานในสถานกักกันของรัฐบาลที่แม้จะไม่ได้มีกฎห้ามด้านศาสนาแต่เธอก็ยินยอมถอด อิญาป ในการปฏิบัติหน้าที่ หรือการปูให้ผู้ก่อการร้ายอยู่ในเขตพวกจัณฑาลก็สร้างบรรยากาศความขัดแย้งระหว่างชนชั้นที่ล้อไปกับการปรากฎตัวของ ปีศาจ กูล ในสถานกักกันที่มาสร้างความสยองด้วยเหตุผลบางอย่าง

สำหรับการดำเนินเรื่องของซีรีส์ต้องยอมรับว่าคนดูอย่างเราๆ อาจต้องอดทนสักนิดกับตอนแรกของซีีรีส์ที่เน้นปูที่มาที่ไปของ นิดา และระบบสังคมในสถานกักกันนานเสียหน่อย ก่อนจะทิ้งเชื้อความระทึกกันท้ายตอน แต่พอเข้าสู่ตอน 2 เท่านั้นแหละ มีแต่ปมเรื่องและฉากที่ชวนลุ้นแบบแทบลืมหายใจเสิร์ฟกันอย่างจุใจ และต้องยอมรับการออกแบบปีศาจ กูล ที่ทำได้น่ากลัวพร้อมจุดหักมุมตอน 3 ที่ต้องบอกว่าบ้าดีเดือดแท้ๆ

นับว่าไม่บ่อยนักที่จะมีซีรีส์อินเดียสยองขวัญสนุกๆที่เดินเรื่องเร็ว ไม่เน้นร้องเพลงวิ่งไล่จับข้ามภูเขาเหมือนแต่ก่อน แต่กลับมีทั้งเลือดและอวัยวะกระเด็นกระดอนมาเสิร์ฟคอหนังสายโหดแทน