Play video

  • สร้างสรรค์โดย แพทริค ซอเมอร์วิลล์ และ แครี โจจิ ฟูคุนากะ
  • เหมาะสำหรับ คอซีรีส์ตลกร้ายและชื่นชอบปรัชญาชีวิต
  • สตรีมได้ทาง Netflix 

เมื่อ โอเวน (โจนาห์ ฮิลล์) หนุ่มที่เป็นโรคจิตเภทและกำลังถูกครอบครัวบังคับให้แก้ต่างคดีพี่ชายล่วงละเมิดทางเพศพนักงานและ แอนนี (เอมมา สโตน) หญิงสาวที่ติดในวังวนความผิดบาป ต้องมาพัวพันกันในการทดลองยาโรคประสาทที่มีคอมพิวเตอร์กำลังเป็นโรคซึมเศร้าคอยกุมชะตากรรของกลุ่มตัวอย่าง จนคนแปลกหน้าทั้งสองได้รับประสบการณ์แปลกประหลาดร่วมกันทั้งอดีตอันเจ็บปวดและเรื่องราวพิลึกพิลั่นที่ทำให้ทั้งคู่ไม่อาจแน่ใจว่าสิ่งไหนจริงสิ่งไหนลวงอีกต่อไป และปัญหาดังกล่าวก็เกิดขึ้นผ่านสายตาของ ดร.อาซึมิ (โซโนยา มิซูโน) นักวิทยาศาสตร์สาวที่แอบโปรแกรมความรู้สึกให้คอมพิวเตอร์จนเกิดข้อผิดพลาดที่อาจคร่าชีวิตกลุ่มตัวอย่างทุกคนจนต้องตามตัว ดร.เจมส์ (จัสติน เทอโรซ์) นักประสาทวิทยาอดีตคนรักเก่ากลับมาแก้ไขสถานการณ์ก่อนสมองของกลุ่มตัวอย่างจะถูกเผาไหม้เป็นจุล

จะว่าไปแล้วด้วยไอเดียเริ่มเรื่องของ Maniac เองก็มีส่วนคล้ายกับการนำ Inception (2010) หนังจารกรรมฝันของ คริสโตเฟอร์ โนแลน มาปนๆกับ Eternal Sunshine of the spotless mind (2004) ของผู้กำกับมิเชล กอนดรี้ไม่น้อยในแง่ของการพาคนดูเข้าไปผจญภัยในหัวสมองของตัวละครซึ่งมีความคิดและความฝันที่ซ้อนทับหลายๆชั้น โดยมีไอเดียเรื่องภัยร้ายของเครื่องจักรที่มีตัวพ่ออย่างหนัง 2001 : A Space Odyssey (1968) ของผู้กำกับ สแตนลี คูบริค มาเป็นปมปัญหาสำคัญของเรื่องราวที่ทำให้เราต้องลุ้นว่า โอเวน และ แอนนี จะตื่นขึ้นมาในโลกความจริงได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ ซึ่งการนำมาทำเป็นลิมิเต็ด ซีรีส์ความยาว 10 ตอนจบก็ยิ่งท้าทายว่าพลอตที่ขายไอเดียขนาดนี้จะรอดหรือไม่ ซึ่งเราจะมาว่ากันเป็นข้อๆเลยนะครับ

ว่ากันถึงแครี โจจิ ฟูคูนากะ ที่เพิ่งได้รับการประกาศให้เป็นผู้กำกับหนังพยัคฆ์ร้าย 007 คนใหม่ โดย ฟูคูนากะเป็นผู้กำกับและร่วมสร้างสรรค์ซีรีส์(ฟูคูนากะ ร่วมสร้างสรรค์กับ แพทริค ซอเมอร์วิลล์)  ซึ่งจากเครดิตสำคัญในวงการทีวีของเขาอย่าง True Detective (2014) ซีีรีส์นักสืบแฝงปรัชญาของช่อง HBO น่าจะการันตีได้ว่าเรื่องราวที่เขาจะบอกเล่าย่อมไม่ธรรมดา และก็ไม่ผิดหวังเลย เพราะเพียงตอนแรกเท่านั้น ฟูคูนากะ ก็ทำให้เราแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ หลายปริศนาโยนใส่คนดูแบบไม่ยั้ง และการปูพื้นตัวละครทั้งแอนนี และ โอเวน ก็เปี่ยมมิติมาก เราแทบเดาอะไรไม่ถูกเลยเพราะทั้งคู่ถูกบอกเล่าในฐานะคนมีปัญหาทางจิ และพอมาผสมผสานกับเรื่องราวไซไฟเชิงปรัชญาอย่างการใส่ความรู้สึกให้คอมพิวเตอร์ก็ยิ่งทำให้เกิดอารมณ์ตลกขบขันแต่ชวนขบคิด โดยแต่ละตอนไม่เพียงทักทอเรื่องราวได้อย่างสร้างสรรค์ บางตอนก็หลุดโลก แต่ยังสามารถตบเข้าประเด็นดราม่าในตอนท้ายๆได้ดีอีกด้วย

และแน่นอนสำหรับผู้ชมทั่วไปอย่างเราๆ ลำพังแค่ผู้กำกับคงไม่อาจดึงดูดให้อยากสตรีมมาดูเท่าไหร่หรอก แต่เพราะนี่คือผลงานล่าสุดของ 2 นักแสดงคนสำคัญแห่งยุคทั้ง โจนาห์ ฮิลล์ (superbad) และ เอมมา สโตน (La La Land) พลิกบทบาทจากหนุ่มทะเล้นและสาวสวยมาดแพง สู่บทชายและหญิงที่มีบาดแผลในจิตใจได้อย่างน่าเชื่อถือ อย่างในกรณีของ โจนาห์ ฮิลล์ อาจไม่ได้เซอร์ไพรส์นัก เพราะเขาเคยรับบทดราม่าหนักๆมาแล้วทั้ง Moneyball (2011) และเคยบ้าสุดขั้วใน The Wolf of Wallstreet (2013) มาแล้ว แต่บท โอเวน กลับเรียกร้องการแสดงที่ละเอียดละออกว่าทุกเรื่องที่ผ่านมา เพราะไม่ใช่แค่คนเป็นโรคจิตเภท (schizophrenia) แต่ยังต้องต่อสู้กับความผิดบาปและอิทธิพลของครอบครัวต่อความถูกต้อง ส่วนเอมมา สโตน บทแอนนีน่าจะเป็นบทที่เธอต้องไม่ห่วงสวยที่สุดแล้ว เพราะทั้งต้องรับบทกึ่งๆขี้ยาและยังต้องสวมบทบ้าๆบอๆอย่างกับหลุดมาจากซีรีส์ Game of Throne ในตอนท้ายๆอีก แต่นั่นก็พิสูจน์ให้เห็นถึงฝีมือการแสดงที่ทำให้สโตนมีดีกว่าแค่หน้าตาน่ารัก

และเชื่อแน่ๆว่าหนุ่มๆคงต้องหลงรักนักแสดงสาวลูกครึ่งญี่ปุ่นสำเนียงอังกฤษสุดเซ็กซี่อย่าง โซโนยา มิซูโน ในบท ดร.อาซึมิ นักวิทยาศาสตร์สาวสวมแว่นที่ปรากฎกายในชุดเสื้อกาวน์โคร่งๆพร้อมคาบบุหรี่ที่ปาก ที่กลายเป็นจุดสนใจในเรื่องได้ทุกซีนที่ปรากฎตัวจริงๆ

สรุปแล้ว Maniac น่าจะเหมาะกับคอซีรีส์ที่ต้องการชมความแปลกใหม่ มีทั้งอารมณ์ขันร้ายๆและปรัชญาลึกๆให้ขบคิดแทบทุกตอน แต่อาจไม่เหมาะกับการชมรวดเดียวจบนะครับ ควรชมสักวันละตอนสองตอนแล้วหาคนถกเถียงแชร์ความคิดกันแล้วค่อยดูต่อ เพราะนี่เป็นซีรีส์ที่ถกเถียงวิพากษ์กันได้สนุกปากเลยทีเดียวล่ะ