[รีวิวซีรีส์] YOU เธอ – เรื่องรักลุ่มหลงในสังคมดิจิตอลสตอล์คเกอร์
Our score
5.7

YOU

จุดเด่น

  1. ซีรีส์ตอนเปิดเล่าเรื่องได้น่าสนใจดี
  2. นักแสดงโดยเฉพาะสาวๆมีเสน่ห์มาก
  3. มีการทำซีจีแชตเฮดภาษาไทยแทนคำบรรยายไทย ดูตื่นตาตื่นใจดี
  4. ซีรีส์เล่าแต่ละตอนได้น่าติดตามดี

จุดสังเกต

  1. ตรรกะของเรื่องดูจะพังที่สุด
  2. นิยายปี 2014 เทคโนโลยีในเรื่องเลยไม่เมคเซนส์ เมื่อมาดัดแปลงเป็นซีรีส์ในปีนี้
  3. คาแรกเตอร์ตัวนำไร้เสน่ห์ไปหน่อย
  • ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท

    6.0

  • งานสมบูรณ์ของงานสร้าง

    7.0

  • ความแปลกใหม่

    8.0

  • ความสนุก บันเทิงแบบซีรีส์ทั่วไป

    7.5

  • ความคุ้มค่าเวลา

    0.0

Play video

  • สร้างสรรค์โดย เกร็ก เบอร์แลนติ และ ซารา แกมเบิล
  • เหมาะสำหรับ คอหนังและซีรีส์แนวโรแมนติกผสมระทึกขวัญ
  • สตรีมมิง 10 ตอนทาง Netflix (คลิกเพื่อชมซีรีส์ได้เลย)
เพียงแรกพบกับ เบ็ค (เอลิซาเบ็ท เลล) ก็ทำให้ โจ โกลด์เบิร์ก (เพนน์ แบดจ์ลีย์) ผู้จัดการร้านหนังสือในนิวยอร์กตกหลุมรักและลุ่มหลงในตัวเธอ จนเขาใช้เล่ห์กลค่อยๆสืบประวัติเธอและคนรอบข้างจากโซเชียล มีเดียไปจนถึงจัดฉากจนได้เธอมาเป็นแฟน แต่ยิ่งนานวันบรรดาเพื่อนๆของเธอก็ยิ่งสงสัยในตัวโจมากขึ้นโดยเฉพาะ พีช (เชย์ มิตเชลล์) เพื่อนสาวไฮโซที่ไม่ยอมแบ่งเบ็คให้ใคร จนทำให้ โจ ต้องทำทุกทางเพื่อให้รักแท้ของเขาสมดังใจแม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตของใครก็ตามที่มาขวางทางความรักครั้งนี้  

YOU สร้างจากนิยายของ คาโรไลน์ เคปเนส (Caroline Kepnes)ในปี 2014 ที่จับเอาความรักความลุ่มหลงอันเกินพอดีมาผูกโยงกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน โดยเฉพาะประเด็นตัวตนดิจิตอลของแต่ละบุคคลในปัจจุบันที่ดูจะเล่นบทบาทสำคัญในเรื่องเหมือนที่โจ วิเคราะห์ เบค ตั้งแต่ตอนแรกๆผ่านการเลื่อนดูสิ่งที่เธอโพสต์ลง เฟซบุค และ อินสตาแกรม เพื่อวิเคราะห์ถึงชีวิตและทัศนคติของ เบ็ค ได้อย่างเห็นภาพ

แต่กระนั้นเมื่อนำมาทำเป็นซีรีส์ 10 ตอนสิ่งที่ดูเป็นปัญหาที่สุดก็กลับกลายเป็นการสร้างความผูกพัน ,ความเห็นใจ หรือกระทั่งสเน่ห์ให้ตัวละครนำทั้งสองไปอย่างน่าเสียดาย เพราะเอาเข้าจริงแม้เปิดเรื่องมา เหมือน โจ จะทำให้เราเห็นตัวตนพระเอกแบบแอนตี้ฮีโร่ พูดถึง เบ็ค แบบผู้ชายฉลาดๆกำลังวิเคราะห์ผู้หญิงไร้สมอง แต่พอทุกอย่างถูกเบนเข้าสู้เป้าหมายเพียงแค่เพื่อเอาชนะใจ เบ็ค เท่านั้น หลายการกระทำเลยดูไร้เหตุผลสิ้นเชิงทั้งการจับแฟนของเบ็คมาขังหรือลอบทำร้ายเพื่อนของเธอแบบไร้สติจนแทนที่จะทำให้เราเห็นเสน่ห์ผู้ชายวร้ายๆแบบหนังดาร์คโรแมนติกแบบ Fear (1996) หรือเรื่องอื่นๆที่ทำให้เราค่อยๆเห็นภาพผู้ชายแสนดีก่อนจะค่อยๆเผยสันดานอันตรายออกมาจนสร้างความระทึก และเมื่อหนังให้ข้อมูลเราว่า โจ คือผู้จัดการร้านหนังสือที่มีึความรู้ในเรื่องการเก็บรักษาหนังสือเป็นอย่างดี แถมนำมาใช้กับการฆาตกรรมด้วยก็ยิ่งทำให้เราคาดหวังว่าเขาจะทำอะไรฉลาดๆจนน่ากลัว แต่ไปๆมาๆยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่า โจ เป็นแค่ผู้ชายไร้สเน่ห์ที่ดันโรคจิตแถมทำอะไรแบบสติแตกจนเราลำไยได้เป็นระยะเลยเชียวแหละ

ทีนี้มาพูดถึงตัวละคร เบ็ค กันบ้างยอมรับนะว่าการได้ เอลิซาเบ็ท เลล สาวผมบลอนด์หุ่นอึ๋มมาก็ทำให้ตัวละครดูน่ามองไปแล้วครึ่งนึง และยังเพิ่มปมชีวิตลำเค็ญเป็น TA ผู้ช่วยสอนในมหาลัยแถมยังเป็นครูโยคะอีกก็ยิ่งทำให้เราเห็นใจตัวละครได้ไม่ยาก แต่พอซีรีส์ดำเนินผ่านไปสักตอน 2-3 ก็ยิ่งเห็นว่าคาแรคเตอร์ เบ็ค ถูกพัฒนาได้ค่อนข้างไร้ทิศทางยิ่งเพิ่มปมอดีตไม่สวยหรูเกี่ยวกับพ่อยิ่งไปกันใหญ่เพราะท้ายสุดมันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการดำเนินเรื่องเลย มิหนำซ้ำหลายต่อหลายเหตุการณ์เราแทบไม่เชื่อเลยว่าคนที่เป็นปัญญาชนอย่างเธอจะมองไม่ออก ทั้งเพื่อนที่แอบคลั่งไคล้เธอหรือกระทั่งการที่ โจ มักจะทำทุกอย่างแบบรู้ใจเธอไปเสียหมด อย่างมากเธอก็แค่ เอ๊ะ แล้วเลิกสงสัยจนไปๆมาๆจากเห็นใจจะกลายเป็นสมน้ำหน้าซะมากกว่า

โดยความน่าสนใจกลับไปอยู่ที่ตัวละครสมทบทั้ง พีช ซาลิงเจอร์ ที่เชย์ มิตเชล จาก Pretty Little Liars แสดงได้อย่างเซ็กซี่ ชวนค้นหา และดูฉลาดกว่าตัวละครนำทั้งสองเยอะเลย รวมถึงเหล่าเพื่อนๆที่มาสร้างสีสันทั้ง แอนนิกา ที่ได้ แคตเธอรีน กัลลาเกอร์ มารับบทเพื่อนสาวหุ่นอวบสุดฮา และ ลินน์ ที่ได้ นิโคล คัง มารับบทเพื่อนสาวเอเซียหน้ามึนแต่แอบฮอตให้หนุ่มๆได้ตาโตเวลาพวกเธอปรากฎตัว

ส่วนในเรื่องเทคโนโลยีที่ซีีรีส์ชูเป็นจุดขาย อีกทั้งยังใช้เป็นกิมมิคในการโปรโมตซีรีส์ ไปๆมาๆ พอดูในเรื่องราวจริงๆเรากลับเห็นช่องโหว่เพียบเลย เป็นไปได้ว่าตัวนิยายถูกเขียนในปี 2014 ที่โซเชียลมีเดียเริ่มดังขึ้นมา แต่หารู้ไม่ว่าในยุค 2018 การเป็น ไซเบอร์สตอล์คเกอร์ มีการใช้เทคโนโลยีที่รุดหน้ามากกว่าแค่ตามจากสมาร์ตโฟนที่ลงทะเบียนกับเครือข่ายไว้แบบในเรื่อง จนตัวซีรีส์ดูขาดความน่าเชื่อถือไปอย่างน่าเสียดายทีเดียว จะมีน่าตื่นตาตื่นใจหน่อยก็คือความตั้งใจของเน็ตฟลิกซ์ที่ทำซีจีเป็นแชตเฮดข้อความภาษาไทยแทนการทำคำบรรยายไทยใต้ภาพแบบดั้งเดิมเท่านั้นเอง

ข่าวล่าสุดคือตัวซีรีส์ได้อนุมัติทำซีซัน 2 เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ต้องลุ้นทั้งเรื่องราวว่าจะทำให้น่าสนใจได้มากกว่าเดิมหรือไม่ รวมถึงการเดินเกมผลิต คอนเทนต์ สำหรับสตรีมมิงของ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ภายใต้ชื่อ วอร์เนอร์ ฮอริซอน เทเลวิชั่น จะยังประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องหรือไม่ก็ต้องติดตามกันต่อไป