[รีวิวซีรีส์] Netflix BODYGUARD บอดี้การ์ด พิทักษ์หักโหด – มินิซีรีส์การเมืองสุดระทึก เจ้าของลูกโลกทองคำสาขานำชาย
Our score
9.0

Netflix Bodyguard

จุดเด่น

  1. ซีรีส์ผสานการเมืองเข้ากับความระทึกได้ดีเลย
  2. ริชาร์ด แมดเดน สามารถเอาคนดูอยู่หมัดจริงๆ
  3. แต่ละตอนคือชวนติดตามตลอด

จุดสังเกต

  1. ซีรีส์มีเพียง 6 ตอน คนชอบดูยาวๆอาจมีบ่นได้
  • ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท

    9.0

  • ความสมบูรณ์ของงานสร้าง

    9.0

  • ความสนุก น่าติดตามในแต่ละตอน

    9.0

  • ความมีสเน่ห์ของตัวละคร ชวนให้ติดตาม

    9.0

  • ความคุ้มค่าเวลาในการชม

    9.0

Play video

  • สร้างสรรค์โดย เจด เมอคูริโอ
  • เหมาะสำหรับ คอซีรีส์ทริลเลอร์การเมือง
  • สตรีมมิง 6 ตอนแล้วทาง Netflix (คลิกเพื่อชมซีรีส์ได้เลย)
หลังสร้างวีรกรรมหยุดเหตุวินาศกรรมบนรถไฟ เดวิด บัดด์ (ริชาร์ด แมดเดน) ได้ข้อเสนอให้เป็นองครักษ์พิทักษ์ จูเลีย มอนเตกิว (คีลีย์ ฮอว์ส) รัฐมนตรีมหาดไทยผู้เต็มไปด้วยความลับมากมายแถมเธอยังดึงเขาสู่เกมลับลวงพรางที่มีกฎหมายริดรอนเสรีภาพอย่าง ริป้า 18 เป็นตัวจุดชนวน เดวิดต้องจำต้องหาหนอนบ่อนไส้ที่หมายหัว จูเลีย ให้เจอก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป 

ความจริง Netflix ได้สตรีม Bodyguard มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018 แม้ในระยะแรกตัวซีรีส์จะไม่ได้รับการพูดถึงนักแต่จากกระแสบอกปากต่อปากก็ทำให้มันได้รับความสนใจมากขึ้นโดยเฉพาะการแสดงของริชาร์ด แมดเดน ที่นอกจากหน้าตาอันหล่อเหลาแล้วยังสามารถถ่ายทอดบทบาทของตำรวจที่เคยผ่านเรื่องสะเทือนใจจากสนามรบในอีรักได้เป็นอย่างดี จนล่าสุดก็ได้ครอบครองรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำชายประเภทซีรีส์ดราม่า และตัวซีีรีส์เองยังได้เข้าชิงสาขาซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยมอีกด้วย

ข้อดีหลักๆของ Bodyguard เลยคือจำนวนตอนที่น้อยเพียง 6 ตอนแต่ยาวตอนละประมาณ 1 ชั่วโมงทำให้ตัวซีรีส์สามารถลงลึกในรายละเอียดต่างๆและดำเนินเรื่องได้อย่างกระชับฉับไวไม่มียืดเยื้อ และนอกจากนี้ซีรีส์เองยังเอาใจคอหนังแอ็คชั่นด้วยซีนมันส์ๆทั้งการขับรถหลบสไนเปอร์บนถนนปิดโล่ง การไล่ล่ามือปืน หรือฉากที่พระเอกถูกติดระเบิดแสวงเครื่องไว้กับตัวก็ช่วยสร้างความระทึกให้ทั้ง 6 ตอนโดยที่ยังสามารถพัฒนาการเล่าเรื่องให้ทวีความซับซ้อนจากบทซีรีส์ที่ให้พระเอกเป็นโรค PTSD หรือคนที่มีอาการทางจิตจากการผ่านเหตุการณ์สะเทือนใจในอดีต ซึ่งตัวเดวิด บัดด์ เคยไปร่วมรบสงครามที่อีรักและยังมีอาการหวาดระแวงต่างๆนานแต่จำต้องปกปิดไว้เพื่อไม่ให้กระทบกับงานอารักขา

อีกส่วนที่คิดว่า Bodyguard เล่าเรื่องได้อย่างลึกซึ้งคือการเล่นกับแอพโพรช หรือ คำสำคัญที่ใช้กำหนดวิถีการเล่าเรื่องโดยซีรีส์เลือกความเหลื่อมล้ำระหว่างการป้องกันกับการปกปิดตลอดเวลา ทั้งการที่เดวิด บัดด์ ดันมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับรัฐมนตรีเสียเอง หรือกระทั่งการที่เขาแอบสืบความลับของจูเลียเสียเองก็ทำให้นอกจากการต้องตามหาตัวผู้ก่อการร้ายแล้ว เรายังต้องตามสืบเสาะเลาะปมที่ซีรีส์วางไว้ว่าตกลงแล้วคนที่เดวิด บัดด์ต้องคุ้มกันแท้จริงเป็นคนดีหรือไม่ หรือกระทั่งในช่วงท้ายซีรีส์ถึงกับเอาล่อเอาเถิดกับความคิดคนดูถึงขั้นโยนสมมติฐานว่าหรือเดวิด บัดด์จะกลายเป็นบุคคลอันตรายเสียเองด้วย

และไม่พูดถึงไม่ได้คือ ริชาร์ด แมดเดน ที่สามารถดึงความสนใจเราได้ตั้งแต่ตอนแรกยันตอนสุดท้าย บทเดวิด บัดด์ ด้วยคาแรกเตอร์ ด้วยหน้าที่การงานของตัวละครสุ่มเสี่ยงจะทำให้ดูเท่ๆแบบดาดๆ หรือกระทั่งโรคจิตแบบเสแสร้ง แต่ ริชาร์ด แมดเดน สามารถบาลานซ์อาการ PTSD ของตัวละครเข้ากับหน้าที่บอดี้การ์ดได้อย่างกลมกล่อม แม้ว่า….เอ่อ…ยังไงก็ดูเท่อยู่ดี (ฮ่าาาาา)