[รีวิวซีรีส์] Netflix’s Russian Doll – เกิด ตาย วนเวียน เรียนรู้ชีวิตวนลูปทั้งฮาทั้งซึ้งไปกับมนุษย์พังๆ
Our score
9.5

Netflix Russian Doll

จุดเด่น

  1. เป็นซีรีส์ที่กล้าเอาพลอตแบบวนลูปมาเล่าแบบไม่กลัวจนใจ
  2. การแสดงของนาตาชา ลีโอนน์ คือหัวใจของเรื่องราวได้อย่างแท้จริง
  3. รายละเอียดต่างๆในบทผูกมาดีมาก

จุดสังเกต

  1. ระวังเสียน้ำตาให้ชะตากรรมตัวละคร
  • ความน่าสนใจของพลอตเรื่อง

    9.5

  • ความสมเหตุสมผลของบท

    9.5

  • ความสนุก น่าติดตามในแต่ละตอน

    9.5

  • เสน่ห์ของตัวละคร

    9.5

  • ความคุ้มค่าเวลาในการชม

    9.5

นาเดีย (นาตาชา ลีโอนน์) พบตัวเองใช้ชีวิตวนลูปกลับมาที่งานปาร์ตี้วันเกิดของเธอแบบไม่มีวันสิ้นสุด ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนก็ไม่มีทางหนีพ้นความตายที่พาเธอกลับมายังกระจกบานเดิมได้เช่นเดียวกับ อลัน (ชาร์ลี บาร์เน็ตต์) ชายหนุ่มที่ต้องผจญกับวันขอแต่งงานแฟนสาวที่แอบนอกใจ จนความตายพาเขากลับมายังกระจกห้องน้ำบานเดิมที่บ้าน เขาและเธอจำต้องหาทางออกจากวังวนเกิด ตาย วนเวียนก่อนจะไม่มีพรุ่งนี้สำหรับพวกเขาอีกต่อไป 
  • สร้างสรรค์โดย นาตาชา เฮดแลนด์, นาตาชา ลีโอนน์ และ เอมี่ โพห์เลอร์
  • เหมาะสำหรับ คนชอบซีรีส์ดราม่า คอมเมดี้ ใช้ความเป็นแฟนตาซีมาอธิบายปรัชญาชีวิต
  • สตรีมมิงทั้ง 8 ตอนทาง Netflix

 

ความจริงพลอตชีวิตวนลูปแบบนี้เราสืบย้อนไปได้ถึง Groundhog Day (1993) หนังตลกชื่อดังที่ตัวละครต้องติดลูปวันเดิมๆ ซึ่งต่อมามันกลับส่งอิทธิพลต่อหนังหลายแนวทั้ง หนังไซไฟอย่าง Source Code (2011) หนังแอ็คชั่นอย่าง Edge of Tomorrow (2014) หนังดราม่าอย่าง Before I Fall (2017) หรือกระทั่งหนังสยองขวัญที่จะมีภาคต่อฉายปีนี้อย่าง Happy Death Day (2017) แต่กระนั้นสำหรับซีรีส์ Russian Doll กลับท้าทายความยากในการคิดพลอตและดำเนินเรื่องแบบวนลูป แถมยังไม่ได้จบในเวลาชั่วโมงครึ่งเหมือนหนังได้อย่างมั่นอกมั่นใจ ซึ่งต้องยอมรับว่าการคิดคาแรกเตอร์ นาเดีย ที่เป็นผู้หญิงไม่ได้ดีพร้อม มีดีมีเลวในตัวเอง ทำให้เราเข้าถึงตัวละครได้ง่ายขึ้น และการเลือกเหตุการณ์ที่ชีวิตติดลูปเป็นวันเกิดก็ยิ่งทำให้เราได้เรียนรู้สัจธรรมชีวิตที่แฝงอยู่ในการวนลูปได้ชัดเจนขึ้นด้วย เช่นเดียวกับชะตากรรมของอลันที่ทำให้เราได้ใคร่ครวญทางเลือกเมื่อต้องผิดหวังในความรักหรือเรื่องใดก็ตามได้เป็นอย่างดี

ความชาญฉลาดของบทยังรวมถึงการใช้ สัญญะต่างๆมาเป็น โมทีฟ หรือสิ่งที่เกิดซ้ำๆให้คนดูจดจำและสังเกตทั้งกระจกที่ทั้งคู่มักกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ก็แทนการสะท้อนให้เห็นทางเลือกในชีวิตที่ส่งผลต่อชะตากรรมของตัวละคร และที่โดดเด่นมากๆคงหนีไม่พ้นการใช้เพลง Gotta Get Up ของ แฮรี นิีลสัน ทุกครั้งที่นาเดียกลับมาเริ่มชีวิตใหม่ก็ยังแฝงความหมายถึงการตื่นรู้ได้เป็นอย่างดี หรือแม้กระทั่งรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอย่างการตามหาแมวของนางเอกก็ดูเป็นเป้าหมายชีวิตที่แม้จะดู แอบเซิร์ด หรือ ไร้เหตุผลแต่ท้ายที่สุดมันกลับกลายเป็นกลไกในการขมวดเรื่องราวที่ถูกปูไว้ตั้งแต่ต้นได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญมันสามารถหาทางลงให้เรื่องราวอย่างสมเหตุสมผลในทุกจุดพลิกผันของเรื่องราวอีกด้วย

และสำหรับหัวใจของเรื่องราวคงหนีไม่พ้น นาตาชา ลีโอนน์ ที่นอกจากรับบท นาเดีย แล้ว เธอยังเป็นมันสมองสำคัญในฐานะผู้สร้างสรรค์เรื่องราวและร่วมเขียนบทที่ได้รับความไว้วางใจจากทาง เน็ตฟลิกซ์ หลังร่วมงานใน Orange is a new black มาต่อเนื่องกันถึง 6 ซีซัน  ก็นับว่าเธอมาไกลจากแค่ตัวประกอบในหนังชุด American Pie มากเลยทีเดียว เพราะแม้รูปลักษณ์ภายนอกของเธอจะไม่ได้ถึงขั้นสวยโดดเด่นอะไรนัก แต่เสน่ห์ในการแสดงของเธอก็มากพอจะดึงเราให้อยู่กับตัวละครและเรื่องราวที่เธอจะเล่าได้เป็นอย่างดีจนน่าจะได้เข้าชิงรางวัลด้านรายการโทรทัศน์ในปีหน้าแน่ๆ เพราะเรื่องราวใน Russian Doll ไม่เพียงนำไอเดียสุดโต่งอย่างการวนลูปชีวิตมาสร้างจุดขายเท่านั้น ตรงกันข้ามมันกลับทำให้เราเห็นว่าในเหตุการณ์เดียวกันมีทางเลือกหลายด้าน หากเราเลือกทางผิดก็มีแต่ทำร้ายตัวเองและผู้อื่นได้อย่างเห็นภาพเพราะแต่ละตอนไม่ได้มีแต่วนไปมาซ้ำๆเพราะทุกการตัดสินใจของ นาเดียและอลัน จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมทั้งคู่ไปอีกทางหนึ่งโดยสิ้นเชิง ซึ่งขอบอกว่าตอนสุดท้ายของซีรีส์สามารถทำให้คนดูเสียน้ำตาและเอาใจช่วยทั้งคู่แบบสุดลิ่มทิ่มประตูจริงๆ

เพลง Gotta Get Up ที่ใช้ในซีรีส์

ดูซีรีส์คลิกที่รูปด้านล่างได้เลย