[รีวิวซีรีส์] The Naked Director โป๊ บ้า กล้า รวย – ซีรีส์ซึ้งสยิว 18+ ที่มีดีมากกว่าแค่ความเสียว
Our score
9.5

The Naked Director

จุดเด่น

  1. ซีรีส์ทำให้เรารู้เบื้องลึกของธุรกิจสยิวได้รอบด้าน
  2. ฉากอัศจรรย์ถูกถ่ายทำอย่างมีรสนิยม
  3. ดูแล้วได้แนวคิดในการทำธุรกิจแบบเข้าใจง่าย.
  4. ซีรีส์ครบรสมาก ทั้งฮา ดราม่า และแอบสยองขวัญอยู่นิดๆ

จุดสังเกต

  • บทและเรื่องราวน่าสนใจชวนติดตาม

    9.5

  • คุณภาพนักแสดง

    9.5

  • คุณภาพงานสร้าง

    9.5

  • ความน่าติดตามแต่ละตอน

    9.5

  • ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม

    9.5

ช่วงเวลาที่สื่อปลุกใจเสือป่ากำลังเบ่งบานและเป็นที่ถกเถียงกันในเชิงกฎหมาย โทรุ มุรานิชิ (ทาคายูกิ ยามาดะ)อดีตเซลล์แมนขายสารานุกรมภาษาอังกฤษได้พลิกโฉมหน้าสื่อสยิวของญี่ปุ่นตั้งแต่หนังสือโป๊ไปยันหนังโป๊ ท่ามกลางอุปสรรคสำคัญคือทัศนคติทางเพศของสังคม กฎหมายและอิทธิพลมืด โชคชะตาได้พาเขาไปพบกับผู้ร่วมอุดมการณ์มากมายโดยหนึ่งในนั้นได้แก่ เมกูมิ (มิซาโตะ มอริตะ) เด็กสาวที่หนีความอึดอัดของครอบครัวสู่นางเอกเอวีคู่บุญ

Play video

ต้องยอมรับว่าแว่บแรกที่เห็นตัวอย่างซีรีส์เรื่องนี้ก็กระตุ้นต่อมความสนใจของคนดูได้อย่างชะงัดนัก เพราะต่อให้เราจะเติบโตมาท่ามกลางการเลี้ยงดูแบบไหน แต่เชื่อว่าซักครั้งหนึ่งในชีวิตย่อมต้องเคยมีประสบการณ์แอบดูหนังโป๊ที่ฝั่งอนุรักษ์นิยมมักตีตราคำว่าสื่อลามกและอยากให้เราหลีกเลี่ยง แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหนังโป๊มีบทบาทในการเรียนรู้เรื่องเพศของทุกคน เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เราค้นพบความใคร่และรสนิยมทางเพศในตัวเอง และสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อนอย่างที่มาของหนังเอวีญี่ปุ่นที่หนุ่มๆชอบดูนั้นกลับเคลือบแฝงด้วยที่มาของธุรกิจทั้งด้านมืดด้านสว่างและประวัติศาสตร์การต่อสู้กับอคติทางเพศในสังคมญี่ปุ่นอย่างดุเดือด ซึ่งในซีรีส์ The Naked Director ได้บอกเล่าที่มาที่ไปและเรื่องราวที่เราไม่เคยรู้ได้อย่างน่าสนใจทั้ง 8 ตอนเลยล่ะ

แม้เราจะยังไม่แน่ใจนักว่าข้อมูลต่างๆมีความถูกต้องเพียงใด แต่เรื่องราวที่มันบอกเล่าตั้งแต่ตอนแรกที่เริ่มปูพื้นตัวละครอย่าง โทรุ มุรานิชิ ในฐานะเซลล์แมนที่ครอบครัวพังเพราะเมียมีชู้ ไปพร้อมกับการพาตัวละครเข้าสู่ธุรกิจสายสยิวได้อย่างน่าสนใจและชวนติดตาม ซึ่งจะว่าไปก็มีส่วนคล้ายคลึงกับหนัง The Wolf of Wallstreet  ของ มาร์ติน สกอร์เซซี ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะการที่ซีรีส์นำเสนอไอเดียของตัวละคร โทรุ มุรานิชิ ที่ต้องการนำความใคร่มาเป็นสินค้าขายแก่ชายชาวญี่ปุ่น และยังทำให้เห็นความเซียนในการขายที่เริ่มจากการกวาดหนังสือโป๊ไปขายต่อ ลามไปจนการเปลี่ยนร้านหนังสือธรรมดาให้กลายเป็นห้องสมุดแห่งความกำหนัดกลัดมันจนขยายสาขาใหญ่โต และมันยังบอกเล่าเกร็ดประวัติศาสตร์สื่อสยิวได้อย่างน่าสนใจทั้งขนาดโมเสกบนหน้าหนังสือโป๊ กฎควบคุมการผลิตหนังโป๊ ไปจนถึงที่มาของการให้นักแสดงสอดใส่กันจริงๆในหนังเอวีที่เปลี่ยนจากการถ่ายเซ็กส์ปลอมๆ ที่ทำให้เห็นว่าสังคมญี่ปุ่นยุค 80 มีความน่าสนใจทั้งในแง่สังคมกับความคิดเรื่องเพศที่ถูกเก็บกดไว้ การเมืองระหว่างผู้มีอิทธิพลและคนรักษากฎหมายที่ส่งผลต่อธุรกิจหนังโป๊ได้อย่างน่าสนใจ

และแน่นอนเพื่อความสนุก ซีรีส์เองก็ใส่ผู้ร้ายที่เรียกได้ว่าพอดวงของ มุรานิชิ จะขึ้นทีไรต้องถูกขัดขวางทุกทีผ่านตัวละคร ทาเคอิ (ลิลลี แฟรงค์กี) ตำรวจกังฉินที่มุ่งจับสื่อลามกแหกคอกแต่กลับมีเบื้องหลังรับใช้ผู้มีอิทธิพลที่เชื่อได้ว่าหากมาอยู่เมืองไทยลุงแกอาจโดนเปลือกทุเรียนแน่ๆเพราะเล่นได้น่าหมั่นไส้มากๆ ตลอดไปจนถึงด้านมืดของสังคมญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยอันตรายในธุรกิจสีเทาทั้งการค้าประเวณีและยาเสพย์ติดที่เดินไปคู่กับวงการหนังใต้ดินที่ถูกตั้งมาท้าทายกับหนังโป๊ที่ขายบนดินอีกทีจนทำให้เห็นว่า แม้หนังจะดูยกย่องมุรานิชิในฐานะผู้บุกเบิกวงการหนังโป๊ แต่กลับนำเสนอบริบทแวดล้อมให้เห็นด้วยว่า นอกจากมอบความสยิวเป็นสินค้า ธุรกิจแบบนี้ยังมักหลีกเลี่ยงด้านมืดอันน่ากลัวไม่พ้น ซึ่งซีรีส์ก็นำเสนอได้อย่างน่ากลัวมากๆ

ไม่เพียงชีวิตของ มุรานิชิ เท่านั้น ซีรีส์ยังมุ่งสำรวจชีวิตของ คาโอรุ คุโรกิ นักแสดงเอวีคู่บุญของเขาโดยเริ่มตั้งแต่การปูพื้นครอบครัวที่แม่เป็นคนเข้มงวดและพยายามให้ลูกอยู่ในกรอบจนเธอเริ่มค้นพบความต้องการลึกๆของตัวเองที่เคยถูกกดเก็บมาตลอด และเริ่มต้นการเข้าสู่นักแสดงเอวีจากการพบ มุรานิชิ แม้จะต้องหมายถึงการหันหลังให้กับแม่ครอบครัวเพียงคนเดียวของเธอก็ตาม ซึ่งเรื่องราวในส่วนนี้ ซีรีส์บอกเล่าได้อย่างละเอียดและเต็มไปด้วยความรู้สึก แสดงให้เห็นอีกด้านของคนที่คิดจะก้าวมาเป็นนักแสดงเอวีที่ต้องเผชิญวิบากกรรมตั้งแต่ครอบครัวจนถึงอนาคตในการทำงานสำหรับนักแสดงเอวีที่คิดผันตัวไปทำงานธรรมดา

สำหรับสิ่งที่จะต้องคำนึงหากคิดดูซีรีส์เรื่องนี้คงหนีไม่พ้น ฉากเซ็กส์อันร้อนแรง โดยบรรดานักแสดงสาวสวยในเรื่องเองก็ใจกล้าแก้ผ้าถ่ายเปลือยอกกันอย่างพร้อมเพียง แต่หากคิดว่าการดูซีรีส์เรื่องนี้คงมีแต่ฉากเซ็กส์สนองตัณหาผู้ชายขอให้คิดใหม่ เพราะอันที่จริงฉากเซ็กส์แต่ละฉากในเรื่องยังเป็นตัวบอกเล่าภาวะความคิดของตัวละครได้เป็นอย่างดี โดยฉากที่น่าจะถือว่าโรแมนติกที่สุดคงหนีไม่พ้นฉากเซ็กส์ระหว่าง มุรานิชิ กับแม่หม้ายเจ้าของร้านอาหารที่เขาปลอบประโลมเธอด้วยการสวมบทบาทเป็นสามีที่ตายไปแล้วในระหว่างที่มีเซ็กส์ เคล้าคลอกับเพลง Mr. Lonely ของ บ็อบบี วินตัน จนเกิดฉากอัศจรรย์ที่ดูมีรสนิยมและโรแมนติกมากๆ หรือจะเป็นฉากเซ็กส์ในหนังเอวีที่ มุรานิชิ ถ่ายก็ช่วยให้เราเข้าใจได้เลยว่าทำไมเขาถึงถูกยกย่องจากวงการหนังเอวีมากมายจนได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับสารคดีหลายเรื่องก่อนมาเป็นซีรีส์  The Naked Director เรื่องนี้

สำหรับนักแสดงต้องบอกเลยว่าการได้ ทาคายูกิ ยามาดะ มารับบทมุรานิชิ ถือเป็นการแคสติงที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในโลก โดยยามาดะสามารถถ่ายทอดได้ทั้งความเฉลียวฉลาดและบทดราม่าอุปสรรคต่างๆที่ตัวละครต้องเผชิญได้อย่างน่าลุ้นตามจริงๆ ซึ่งฝีไม้ลายมือของศิษย์เก่าซูซูรันจาก The Crow เรียกข้าว่าอีกา ก็คงไม่ต้องบรรยายอะไรมากอยู่แล้ว และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ มิซาโตะ มอริตะ ผู้รับบท คาโอรุ คุโรกิ นักแสดงเอวีแนว เอ็สแอนด์เอ็มตัวแม่ ที่ร้อนแรงตั้งแต่ใบหน้าแสนเย้ายวน แถมเธอยังใจกล้าเปลือยอกเล่นฉากเซ็กส์ที่ถือได้ว่าชวนคอแห้งที่สุดฉากหนึ่งได้อย่างร้อนแรงเลยทีเดียว นอกจากนี้ซีรีส์ยังได้นักแสดงมากฝีมือมาตบเท้าร่วมจออย่างคับคั่ง ซึ่งแต่ละคนก็ไม่มีใครยอมกันประชันบทบาทกันแบบขอมากกว่า 8 ตอนได้มั้ย(ฮ่าาาา)

ใครที่อายุเกิน  18 ปีและสนใจดูซีรีส์เรื่องนี้ติดตามได้ที่ Netflix 

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส