[รีวิว]  Fast & Feel Love – ความเจ็บช้ำ จะทำให้เราเติบโต

Release Date

06/04/2022

แนว

Comedy/ Action & Lifestyle

เรตผู้ชม

General

เวลา

2 ชั่วโมง 12 นาที

ผู้กำกับ

นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์

[รีวิว]  Fast & Feel Love – ความเจ็บช้ำ จะทำให้เราเติบโต
Our score
7.5

จุดเด่น

  1. ณัฏฐ์ กิจจริต ในโหมดลูกบ้าเต็มกำลัง จ้างร้อยเล่นล้าน
  2. เป็นหนังเต๋อที่เข้าใจง่ายกว่าเรื่องอื่น
  3. ใครชอบดูหนัง จะสนุกกับ Easter Egg เวลาแซวหนังเรื่องอื่นมาก

จุดสังเกต

  1. มีนักแสดงอยู่มากมาย แต่ใช้ได้ไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ ซึ่งการที่มีตัวละครมากไป ทำให้ลำดับความสำคัญของบทค่อนข้างกระจัดกระจายจนไปกลบแรงจูงใจของตัวละครหลัก เป็นเหตุให้ตัวละครดูหลงทางในบางครั้ง
  • ความสมบูรณ์ของบท

    7.0

  • คุณภาพนักแสดง

    8.5

  • การเล่าเรื่อง

    7.5

  • โปรดักชัน-การถ่ายทำ

    7.5

  • ความคุ้มค่าในการรับชมตามแนวหนัง

    7.0

เดินทางมาสู่เรื่องที่ 8 กันแล้วสำหรับงานกำกับภาพยนตร์ขนาดยาวของ เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ผู้กำกับหน้าเดด ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการภาพยนตร์มาอย่างยาวนาน นวพลผ่านทั้งงานเขียนบทและกำกับมามากมาย ซึ่งรางวัลต่าง ๆ ที่นวพลได้รับมาก็สามารถการันตีเลยว่าหนังของเขาจะแตกต่างจากใคร ๆ อย่างแน่นอน

Fast & Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ เล่าถึง ‘เกา’ ชายหนุ่มผู้มีความฝันว่าจะเป็นนักกีฬาสแต็ก (Sport Stacking) อันดับ 1 ของโลก เขาใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อทุ่มเทให้กับสแต็กจนไม่เป็นอันทำอะไร ซึ่งข้างกายของเขานั้นมี ‘เจ’ แฟนสาวที่คอยดูแลทุกอย่างในชีวิตให้เกามาอย่างยาวนาน ประหนึ่งแบทแมนที่ต้องมีอัลเฟรดดูแลอยู่ข้างกายอย่างไรอย่างนั้น แต่ทว่าวันหนึ่งก็เกิดเรื่องราวให้เจต้องเดินออกจากชีวิตเกา ทำให้เขาต้องประสบปัญหาจุกจิกในชีวิตมากมายตามมา เพราะเกาไม่เคยเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตด้วยตนเองเลย 

จะเป็นอย่างไรเมื่อชายหนุ่มที่ในชีวิตไม่เคยได้ทำอะไรเอง ต้องเริ่มเติบโตเป็นผู้ใหญ่ครั้งใหม่ในวัย 30 นี่คือเรื่องย่อคร่าว ๆ ของ Fast & Feel Love

ภาพยนตร์เรื่องนี้ ถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์รสชาติใหม่ของเต๋อ นวพลซึ่งยังคงคอนเซ็ปต์เป็นหนังคำคมของเหล่าสายเฮิร์ต ผสมผสานการเปิดโลกกีฬาสแต็ก ที่วัดกันด้วยความเร็วแบบวิต่อวิ และคราวนี้หนังของเขาก็ ’แรง’ ขึ้นกว่าเดิมมากจริง ๆ จนมีสปีดพอ ๆ กับหนังแอ็กชันเลยล่ะ

หากใครเป็นคอหนังคงปลื้มปริ่มไม่น้อยเพราะทั้งเรื่องนั้นอุดมไปด้วยการล้อภาพยนตร์ต่าง ๆ มากมาย ทั้งหนังตัวเองหรือคนอื่นก็ตาม ซึ่งนวพลก็ล้อกันแบบจัดเต็ม ชนิดที่ว่าหยิบไดอะล็อกมาใช้แบบไม่ต้องแคร์อะไรทั้งสิ้น

ด้านนักแสดงก็ได้ณัฏฐ์ กิจจริตมารับบทเป็น ‘เกา’ ชายหนุ่มวัย 30 ผู้ไม่รู้จักโต ที่คราวนี้สลัดลุคเด็กอาชีวะจาก ‘4 King’ ออกมาได้อย่างฉีกขาด แถมมีลูกบ้าอันเดือดดาลชนิดที่ว่า นวพลดึงศักยภาพของณัฏฐ์ออกมาใช้ได้อย่างคุ้มค่าเลยทีเดียว 

อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือตัวละครอย่าง ‘เจ’ ซึ่งรับบทโดย ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ ผู้สลัดคราบสาวหวานกลายร่างเป็นหญิงแกร่ง Working Woman อย่างเต็มตัว ซึ่งเคมีของทั้งณัฏฐ์และญาญ่าก็เข้าคู่กันได้ดีมาก ชนิดว่าเมื่อ 2 คนนี้เริ่มเปิดฉากต่อทะเลาะกันเมื่อไหร่ สายตาของเราแทบจะถูกสะกดไว้ที่จอหนังเลยล่ะ

อีกหนึ่งคนสุดแย่งซีนที่โผล่มาทีไรก็สะกดคนดูตลอดก็คือแม่บ้านอย่าง ‘เมทัล’ รับบทโดย โปเต้-อนุสรา กอสัมพันธ์ ผู้กำกับจาก Salmon House ซึ่งเดบิวท์งานแสดงครั้งแรกกับเต๋อ นวพล 

ในเรื่องนี้ ถือได้ว่าเธอฉายแววโดดเด่นเป็นอย่างมาก เรียกเสียงฮาให้ผู้ชมในโรงไม่ขาดสาย สมกับที่มี DNA ความตลกร้าย จาก Salmon House อยู่ในตัวจริง ๆ 

และคนที่ออกมาน้อยแต่ต่อยหนักทุกฉากคือ ‘น้องไผ่หลิว’ ซึ่งรับบทโดย น้องเพลง-คีตภัทร ป้องเรือ ตัวละครผู้เป็นอาวุธลับ ที่จะทำให้เกาสามารถเอาชนะการแข่งขันในครั้งนี้ และน้องไผ่หลิวก็เอาอยู่แทบทุกฉาก จนเราก็อยากเห็นเลยว่าอนาคตน้องอาจมีสิทธิ์โตไปเป็นนักแสดงที่เก่งมาก ๆ ได้เลย

แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะมีความฉีกจากแนวเดิมที่นวพลเคยทำมา แต่หนังก็ยังคง DNA ความเป็นนวพลไว้อย่างครบถ้วน ทั้งเรื่องราวของการเติบโตของชีวิตและความสัมพันธ์ที่เป็นดั่งแก้วอันเปราะบาง เพราะเมื่อไหร่ที่มันแตกสลาย ก็จะไม่มีวันกลับไปเป็นแก้วได้ดังเดิมอีก

รวมไปถึงเรื่องราวความหลังสุดบีบหัวใจ ที่นวพลได้ซ่อนการจิกกัดสังคมไทยไว้ภายใต้ความเป็น ‘หนังกวนส้นตีน’ ของเขา ซึ่งสะท้อนมุมมองให้เราต้องฉุกคิดอยู่ตลอด ที่แม้ว่าโลกของเราในยุคนี้จะเร็วเพียงใด แต่กรอบบางอย่างก็ยังคงถูกฝังรากไว้ไม่เปลี่ยนแปลง  

อีกประเด็นที่หนังยังเน้นคงเน้นหนักคือ การทำให้ตัวละครอย่างเกากลายเป็นตัวละครที่ Coming of Age ในวัย 30 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของอีโก้ผู้ใหญ่ที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง จนวันหนึ่งอีโก้เหล่านั้นจะทำลายตัวเขาเองในที่สุด เกาจึงเป็นภาพสะท้อนของการยอมรับตัวตนว่า Coming of Age นั้นไม่ใช่เพียงแค่การเป็นผู้ใหญ่เพราะวัย แต่คือการก้าวพ้นตัวตนเก่า ยอมรับความผิดพลาด ใช้ประสบการณ์ น้ำตา และความเจ็บปวด บ่มเพาะให้เติบโตเป็นคนที่ดีกว่าเดิม

อย่างที่เต๋อเคยพูดไว้ในรายการ Off the Record ของทางแบไต๋ Buzz 

‘ต่อให้เราจะเรียนรู้อะไรหลายอย่างแล้ว เราก็พร้อมจะเรียนรู้ใหม่’ เต๋อ นวพล

เต๋อ นวพล

โดยรวมแล้ว Fast and Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ โดดเด่นในแง่ของการนำเสนอรสชาติใหม่ในหนังของเต๋อ นวพล ซึ่งค่อนข้าง ‘ย่อยง่าย’ กว่าหนังเรื่องอื่น ๆ ของเขา แถมหนังยังอุดมไปด้วยกองทัพนักแสดงที่ตบเท้าเข้ามารับส่งมุกกันอย่างพร้อมเพรียง และยังเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สอดแทรกการ Coming of Age  ของผู้ใหญ่ได้อย่างดีมาก จนเราอยากรู้เลยว่าหนังเรื่องต่อไปของเขา จะเอาอะไรมาเล่าอีก

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส