16 พฤศจิกายน Moderna บริษัทพัฒนายาและเทคโนโลยีวัคซีนของสหรัฐอเมริกาเผยผลการทดลองวัคซีน COVID-19 ว่ามีประสิทธิภาพ 94.5% ซึ่ง Dr. Anthony Fauci ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ (NIAID) กล่าวว่าเห็นได้ชัดว่าเป็นผลลัพธ์ที่น่าตื่นเต้นอย่างมาก นับว่าเป็นวัคซีนที่โดดเด่นจากบริษัทที่เปิดตัวรายที่ 2 หลังจากรายแรกคือบริษัท Pfize เผยในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าวัคซีนได้ผล 90%

วัคซีนของ Moderna เกิดจากความร่วมกับ NIAID และหน่วยงานวิจัยและพัฒนาทางชีวการแพทย์ขั้นสูง (BARDA) ได้ทดลองวัคซีน 3 เฟสด้วยกันโดยมีผู้เข้าร่วมในสหรัฐฯ มากกว่า 30,000 คน

เฟสแรกได้ทดลองกับผู้ป่วย 95 ราย โดยผู้ป่วย 90 รายจะใช้ยาหลอกและ 5 รายได้รับวัคซีนของ Moderna ต่อมาในเฟสที่ 2 ได้มีการวิเคราะห์ผู้ป่วยขั้นรุนแรงที่เข้าร่วม 11 ราย ซึ่งใช้ยาหลอกและในกลุ่มผู้เข้าร่วมทดลองไม่ได้รับวัคซีนจริง เฟสที่ 3 ได้ทดลองกับผู้ป่่วย 95 คนต่อโดยให้วัคซีนจริงกับผู้ป่วย 5 รายและ 90 รายใช้ยาหลอก หลังจากนั้น 2 สัปดาห์จึงนำผลจากผู้ป่วย 2 กลุ่มนี้มาเปรียบเทียบกัน พบว่ากลุ่มที่ได้รับวัคซีนจริงรักษาได้ผลดีกว่า 94.5%

วันศุกร์ที่ผ่านเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่าบริษัท Pfize เจ้าของวัคซีนที่เปิดตัวรายแรกกำลังยื่นขออนุญาตใช้ในกรณีฉุกเฉินจาก อ.ย. ของสหรัฐฯ (FDA) ซึ่งจะช่วยให้มีวัคซีน COVID-19 ออกมารองรับคนอเมริกันได้ถึง 20 ล้านคนภายในเดือนธันวาคม

หลังจากนี้ Moderna จะยื่นขออนุญาตใช้วัคซีนในกรณีฉุกเฉินจาก อ.ย. ของสหรัฐฯ เช่นเดียกัน ดังนั้นสหรัฐฯ จะมีวัคซีน COVID-19 ที่ได้ผลดีออกมาสมทบอีก และเชื่อว่าจะได้รับอนุมัติอย่างแน่นอน เพราะขณะนี้ยอดผู้ป่วย COVID-19 ทั่วโลกมีสูงถึง 55 ล้านคน ซึ่งสหรัฐฯ ครองอันดับ 1 มียอดป่วย 11.5 ล้านคนและเสียชีวิตแล้ว 252,651 คน ขืนรอส่งมอบต้นปีหน้าตามที่เคยคาดการณ์ไว้ก็จะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มมากกว่านี้

ที่มา : cnet

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส