หลายคนอาจจะรู้จัก ‘พลอยชมพู ญานนีน ภารวี ไวเกล’ ในมาดของนักร้องและนักแสดง แต่แท้จริงแล้ว เธอเองก็มีความรักและหลงใหลในการเล่นเกมไม่ต่างจากเรา ๆ ชาว Thailand Game Show ซึ่งบทสัมภาษณ์นี้จะพาไปเจาะลึกถึงแนวคิดของเธอที่มีต่อเกมว่าเป็นเช่นไร แล้วทำไมเกมถึงไม่เรียกร้องความเท่าเทียม


• ตอนนี้พลอยชมพูเป็นทั้งนักร้องและนักแสดง แล้วก็ทำ YouTube ไปด้วยค่ะ ก็เริ่มต้นจากการ Cover เพลงก่อน หลังจากนั้นก็เริ่มทำคอนเทนต์หลากหลายมากขึ้น เช่นทำ Vlog บ้าง แล้วก็เริ่มทำคลิปแคสต์เกมด้วยค่ะ เพราะว่าเราเองก็ชอบดูอยู่แล้ว ก็เลยอยากลองทำดูบ้าง

พลอยชมพู

• จริง ๆ พลอยชมพูเริ่มแคสต์เกมมาตั้งแต่ปี 2016 ค่ะ ช่วงนั้นเราเองก็ชอบดูนักแคสต์เกมอยู่แล้ว ที่ชอบดูประจำก็อย่างเช่น ‘PewDiePie’ แต่ถ้าเป็นคนไทยก็จะชอบดูพี่เอก ‘Heartrocker’ อะไรแบบนี้ ช่วงนั้นเราก็จะอินพวกเกมผี เพราะว่าเราเป็นคนที่ชอบอะไรระทึกขวัญอยู่แล้ว พอเราดูแล้วมันน่าเล่นมากเลย เราก็เลยคิดว่า อยากลองแคสต์เกมดู แต่เราก็รู้ตัวว่าเราเป็นคนเล่นเกมไม่เก่ง

• หนูชอบเล่นเกมระทึกขวัญเพราะว่ามันตื่นเต้น คือกลัวก็กลัวนะ แต่มันตื่นเต้น มันได้กรี๊ดอะไรแบบนี้ และหนูเป็นคนที่ชอบอะไรแบบดาร์ก ๆ อยู่แล้ว อย่างเวลาดูหนัง หนูก็จะชอบดูหนังผี ก็เลยรู้สึกว่า เวลาเล่นเกมผีแล้วมันเร้าใจดี

• จริง ๆ แล้วกลุ่มคนดูของหนู เวลาเล่นเกมอะไรเขาก็อยากดูกันนะคะ แต่เหมือนเขาจะชอบเวลาหนูเล่นเกมสยองขวัญเป็นพิเศษ เพราะว่าหนูกรี๊ดดังมาก (หัวเราะ) เขาก็จะรอดูกัน ถึงแม้ว่าบางที อย่างเกม ‘Resident Evil’ หนูเพิ่งมาเริ่มเล่นภาค 7 เลย เพราะว่าไม่เคยเล่นมาก่อน แฟนคลับหนูเขาดูแล้วก็ไม่ได้หงุดหงิดอะไร แต่เขาก็จะพยายามช่วย ตรงไหนที่เราผ่านไม่ได้ เขาก็จะพยายามช่วยใบ้ว่าทำยังไงเราถึงจะผ่านด่านต่อไป เหมือนว่าต่างคนต่างช่วยกันอะไรแบบนี้ค่ะ (หัวเราะ)

• เวลาหนูเล่นเกมออนไลน์ ก็จะใช้อยู่ไม่กี่ชื่อ อย่างเช่น ‘AWAY G’ เขียนเป็นภาษาอังกฤษแบบ AWAY แล้วก็ตัว G แล้วก็ชื่อว่า ‘กาลกิณี’ (หัวเราะ) เพราะว่าเวลาเราเล่น เราเป็นคนเล่นห่วยไง เราก็รู้สึกว่าเราเป็นตัวกาลกิณีของทีมนะ อะไรแบบนี้ (หัวเราะ)

พลอยชมพู

• จริง ๆ รอยสักล่าสุดตรงนี้ (ชี้ไปที่รอยสักบริเวณแขนซ้าย) ก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก ‘CS:GO’ (Counter-Strike: Global Offensive) หน่อย ๆ แล้วก็พวกมีดบาลิซองที่เขาควงกัน หนูเห็นมาจากในเกมแล้วก็ชอบมาก จนบางทีหนูก็ซื้อตัวมีดมาสะสมเลย

• และสุดท้ายก็เอามาเป็นรอยสัก เพราะหนูรู้สึกว่า อย่างรอยสักนี้มันมีความหมาย ถ้าเอาแบบสั้น ๆ ก็คือ ท่ามกลางสิ่งที่เจ็บปวด มันจะมีสิ่งที่สวยงามงอกงามออกมา นั่นก็คือผีเสื้อ ซึ่งผีเสื้อก็คือ Butterfly Knife หรือมีดบาลิซอง เป็นความหมายเดียวกันอะไรแบบนี้ค่ะ

• ส่วนตัวรู้สึกว่าเกมเมอร์ผู้หญิงมีมานานมากแล้ว เราเริ่มต้นดูคลิปแคสต์เกมมาตั้งแต่สมัย 10 -11 ขวบ ถ้าเป็นต่างประเทศมันมีมาตั้งนานแล้ว แต่ในไทยอาจจะยังไม่ได้นิยมอะไรมากขนาดนั้น แต่ช่วงหลัง ๆ หนูรู้สึกว่า เหมือนคนจะเริ่มเปิดใจมากขึ้นว่า เกมไม่ใช่เฉพาะผู้ชายที่เล่นแล้วนะ แต่ผู้หญิงก็เล่นด้วย ส่วนตัวหนู หนูไม่ได้รู้สึกว่าการที่ผู้หญิงมาแคสต์เกมมันเป็นเรื่องที่แปลก หรือแคสต์แค่เกมน่ารัก ๆ แต่พวกเกมแนวยิงกัน เราก็เห็นมานานแล้ว ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่ามันแปลก

พลอยชมพู

• หนูว่าที่หนูสังเกตเห็นในสังคมของเรา หนูรู้สึกว่าเวลาที่เราไปร้านเกม ส่วนใหญ่เรามักจะเห็นกลุ่มเด็กผู้ชายนั่งเล่นเกมด้วยกัน ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีผู้หญิง หนูว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนมองว่า เกมเป็นอะไรที่ผู้ชายเล่น ผู้หญิงไม่ใช่ของคู่กัน การที่มีเกมมือถือ หรืออะไรต่าง ๆ ทำให้เรื่องพวกนี้เปิดกว้างขึ้น ถ้าเราเกิดนึกว่า ถ้าเราอยากเล่นเกม แล้วไปร้านเกมที่มีแต่ผู้ชาย เราก็ไม่กล้าเข้าเหมือนกัน (หัวเราะ) มันจึงเป็นอะไรที่เป็นภาพติดตาของหลาย ๆ คนว่า ร้านเกมจะมีแต่ผู้ชาย เพราะฉะนั้น เกมก็ต้องคู่กับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงอยู่แล้วในความรู้สึกของหนู

• หนูคิดว่าความคิดที่ว่าผู้ชายต้องเล่นเกมเก่งกว่าผู้หญิง มันไม่จริง เพราะว่ายิ่งเรามีชั่วโมงบินเยอะ เราก็จะเก่งไปตามชั่วโมงบินของเรา ถ้าเราเล่นทุกวัน เล่นเยอะ คอยพยายามศึกษา หนูไม่ได้คิดว่ามันจะต้องเกี่ยวกับเรื่องเพศว่าจะต้องเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง

• แต่ว่าในมุมมองของหนูนะ ด้วยโครงสร้างทางสังคม ผู้หญิงอาจจะมีความคาดหวังในการดำเนินชีวิตทึ่สูงกว่าผู้ชายมาตั้งแต่เด็ก ๆ ผู้หญิงจะต้องเป็นลูกสาวที่ดี เรียนต้องได้เกรดดี ๆ หนูรู้สึกว่าความกดดันในส่วนอื่น ๆ ของชีวิตของเพศหญิง จะมีมากกว่าของเพศชาย เพราะว่าหลาย ๆ อย่างที่หนูได้ยินมาว่า ผู้ชายจะโตช้ากว่าผู้หญิง หนูว่ามันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไปนะ มันอยู่ที่แต่ละคนด้วย พอมีแนวคิดนี้ ความกดดันของผู้หญิงก็เลยมีมากขึ้น

พลอยชมพู

• เราก็เคยเจอแรงกดดันอะไรแบบนี้ จริง ๆ ก็เจออยู่เรื่อย ๆ ค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการบันเทิง อาจจะไม่ได้พูดถึงเกี่ยวกับเกม แต่พูดถึงการเป็นนักร้อง เราต้องปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลา เราต้องหาอะไรใหม่ ๆ ถ้าสมมติว่าเราไม่เปลี่ยนสไตล์ของเรา เราก็จะล้าหลัง เหมือนว่าเราต้องคอยพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่จริง ๆ เราก็รู้สึกเหนื่อยอยู่เหมือนกัน

• เวลาเราดูดาราชายบางคน เราจะรู้สึกว่าเขาอาจจะไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเยอะขนาดนั้น ต่อให้เป็นสไตล์เดิม ๆ คนก็ยังดู แต่ว่าเราต้องคอยเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ตลอดเวลา ต้องใช้แรงในการพัฒนาตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม ไม่งั้นเราจะไม่อยู่ในกระแส เพราะการแข่งขันระหว่างผู้หญิงสูงกว่า ความคาดหวังมันสูงกว่า ซึ่งหนูก็รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่แอบน่าเศร้านิดหนึ่ง (หัวเราะ)

• บางคนอาจจะคิดว่าลองเอาดีทางอื่นดูบ้าง แต่หนูรู้สึกว่าคนเรามีหลายด้าน หลายมิติ หลายคนอาจจะรู้จักหนูในฐานะน้กร้อง เห็นเราเป็นศิลปินแต่สุดท้าย หนูไม่ได้เป็นแค่นักร้องอย่างเดียว แต่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความชอบหลาย ๆ อย่าง ก็แค่นำเสนอความชอบของเราสู่สาธารณะแค่นั้นเอง อาจจะไม่ได้จำกัดอยู่แค่การร้องเพลง อาจจะเป็นการแสดงหรือการเล่นเกมก็ได้ ซึ่งหนูเป็นคนที่ชอบทำอะไรหลาย ๆ อย่างอยู่แล้ว

• บางอย่างที่หนูทำแล้วอาจจะไม่เก่งบ้าง แต่หนูก็แค่อยากจะทำอะไรที่รู้สึกว่าหนูทำแล้วมีความสุข ใครที่ไม่ได้ชอบหนู หนูก็ไม่ได้รู้สึกใส่ใจอะไรขนาดนั้น เขาเป็นใครเราก็ไม่รู้ สุดท้ายเราก็แค่อยากทำอะไรที่เรามีความสุขแค่นั้นก็พอ

พลอยชมพู

• หนูเจอคอมเมนต์ในเชิงลบมาค่อนข้างนานแล้วก็เยอะ ก็จะมีทั้งแบบด่าอย่างเดียว กับติเพื่อก่อด้วย ซึ่งก็ถือว่าดี เพราะเราสามารถที่จะนำมาปรับปรุงตัวเองได้ แต่เราจะไม่ฟังในจุดที่คนอื่นติว่าเสียงไม่ดี หรือเสียงเหมือนโน่นเหมือนนี่ เราจะไม่ใส่ใจอะไรขนาดนั้น เพราะว่าหลายคนก็มีหลายความคิดเห็น เราคงไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อทุกคนได้ มันจะต้องมีคนที่ไม่ชอบเราอยู่แล้ว แต่เราจะพยายามปรับปรุงในส่วนที่เราจะเปลี่ยนแปลงได้ เช่น วิธีการร้องให้พัฒนาขึ้น และพยายามที่จะสนใจในส่วนที่เราทำแล้วมีความสุขดีกว่า

• หนูอยากจะเป็นกำลังใจให้กับคนที่อยากจะเป็นยูทูบเบอร์ เป็นคนเล่นเกม หรือสตรีมเมอร์ หรืออะไรก็แล้วแต่ อยากให้ลงมือทำเลย ต่อให้เราอาจจะไม่ได้มีอุปกรณ์หรืออะไรต่าง ๆ ไม่ได้พร้อมเท่ากับมืออาชีพ แต่ว่าก็อยากให้ลองทำไปก่อน เพราะว่าถ้าเรามัวแต่กังวลอุปสรรคโน่นนี่นั่น ถ้าใจเราอยากทำจริง ๆ เดี๋ยวมันจะมีวิธีแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และทำสิ่งต่าง ๆ ที่เราอยากทำได้

• ใครที่อยากมาทางนี้จริง ๆ แล้วมั่นใจ ก็อยากให้ลองทำไปเลย ไม่ต้องกลัวว่าใครจะว่า ถ้าเขาติเพื่อก่อ เราก็รับไปปรับปรุง แต่ถ้าเป็นเสียงด่าก็ไม่ต้องไปสนใจ เพราะสุดท้าย มันก็เป็นความชอบ เป็นอาชีพของเรา คนที่ไม่ชอบเรา สุดท้ายเขาก็ไม่ได้อยู่กับเราไปตลอด แต่ความชอบของเราจะติดตัวเราไปตลอด


พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส