อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง เปิดมหกรรมช็อปปิงระดับโลก 11.11 อย่างเป็นทางการ ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 โดยธีมในปีนี้เน้นเรื่องความยั่งยืนและการให้คนทุกกลุ่มเข้ามามีส่วนร่วม (Inclusiveness)

คริส ต่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการตลาด อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า “ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา มหกรรม 11.11 ได้แสดงให้เห็นถึงกำลังซื้ออันมหาศาลของผู้บริโภคจีน และการก้าวข้ามขีดจำกัดของวงการค้าปลีกทั่วโลก ในปีนี้ มหกรรม 11.11 ได้ก้าวไปอีกขั้นเพื่อใช้ศักยภาพของงานในการช่วยโปรโมตเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน และกระตุ้นให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในอีคอมเมิร์ซ ทั้งผู้บริโภค ร้านค้า และพันธมิตรทางธุรกิจในอีโคซิสเท็มของเรา”

มหกรรม 11.11 ปีนี้ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจัดมา โดยมีแบรนด์เข้าร่วมมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 290,000 แบรนด์ และทีมอลล์ยังจะนำเสนอดีลสุดพิเศษมากกว่า 14 ล้านดีลไปยังผู้บริโภคในจีนมากกว่า 900 ล้านคน ในปีนี้ยังคงเพิ่มการจัดงานเป็น 2 ช่วง โดยช่วงแรกจะจัดระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน ส่วนช่วงที่สองซึ่งเป็นมหกรรมหลักจะจัดขึ้นในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้

ไลฟ์สตรีมจะเป็นช่องทางหลักที่แบรนด์และผู้ขายสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภค ทั้งสร้างความรับรู้และกระตุ้นยอดขาย โดยตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม ไปจนถึงสิ้นสุดมหกรรม 11.11 ทางเถาเป่า ไลฟ์ จะมีอินฟลูเอนเซอร์ชั้นนำ เซเลบริตี้ และตัวแทนจากแบรนด์รวมกัน 700 คน หมุนเวียนเข้ามาไลฟ์สตรีมอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้เถาเป่ายังเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถแชร์ “ตะกร้าช้อปปิ้ง” ให้เพื่อนและครอบครัวเห็นได้ เพื่อสร้างประสบการณ์โซเชียลช้อปปิ้งให้มากขึ้น

ให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์สีเขียว และการบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ในมหกรรม 11.11 ปีนี้ ทีมอลล์ ได้ยกระดับการรณรงค์เรื่องไลฟ์สไตล์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเพิ่มหน้าเฉพาะสำหรับสินค้าที่ลดการใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อโลก นอกจากนี้ยังแจกคูปองช็อปปิง “สีเขียว” มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท เพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ไช่เหนียว เน็ตเวิร์ค ซึ่งเป็นบริษัทโลจิสติกส์ของอาลีบาบา ยังเปิดตัวจุดรับรีไซเคิลกล่องบรรจุภัณฑ์ภายในศูนย์บริการของไช่เหนียว 10,000 แห่ง ใน 20 เมืองทั่วจีน เพื่อช่วยลดการสร้างรอยเท้าคาร์บอนในมหกรรม 11.11 โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน หรือวันแรกของมหกรรมช้อปปิ้งช่วงแรก

อาลีบาบายังนำเทคโนโลยีสีเขียวเข้ามาใช้มากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อคำสั่งซื้อในมหกรรม 11.11 ปีนี้ ได้มากขึ้น

ร่วมทำดีในทุกครั้งที่ช็อป

การสนับสนุนกลุ่มที่ถูกละเลย ถือเป็นอีกหนึ่งธีมหลักของงานปีนี้ โดยก่อนการเปิดตัวมหกรรม 11.11 เถาเป่าได้แนะนำฟีเจอร์ใหม่ในแอป คือ “โหมดผู้สูงอายุ” ที่ออกแบบมาให้มีอินเตอร์เฟซการใช้งานที่ผู้สูงวัยเข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการสั่งงานด้วยเสียง ปุ่มคำสั่งที่ไม่ซับซ้อน รวมถึงการใช้ตัวอักษรและไอคอนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น  นอกจากนี้ที่หน้าโฮมเพจของแอปยังมีเกมให้ผู้สูงอายุสามารถเล่นเพื่อปลดล็อคส่วนลดพิเศษสำหรับซื้อของใช้ นับเป็นการสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบมีส่วนร่วมมากขึ้นให้กับกลุ่มคนสูงวัยนี้

อาลีบาบายังสนับสนุนให้ผู้บริโภคแชร์การซื้อ “สินค้าเพื่อสังคม” (Goods for Good) ให้กับเพื่อนและครอบครัวได้รับรู้ผ่านโซเชียลมีเดีย โดยอาลีบาบาจะบริจาคเงิน 1 หยวน ต่อทุกการแชร์หนึ่งครั้ง ให้กับองค์กรการกุศล

ทั้งนี้ โครงการ “สินค้าเพื่อสังคม” หรือ Goods for Good ของอาลีบาบา เริ่มต้นขึ้นในปี 2549 เพื่อเปิดโอกาสให้ร้านค้าสามารถร่วมสมทบทุนบริจาคเงินจากยอดขายให้กับองค์กรการกุศลที่ตนเลือกได้ ในขณะเดียวกันผู้ซื้อก็สามารถช่วยสนับสนุนองค์กรการกุศลที่ชื่นชอบด้วยการซื้อสินค้าจากร้านค้าเหล่านั้น สำหรับในปีนี้โครงการจะเน้นสนับสนุนองค์กรการกุศลที่ช่วยเหลือคนใน 3 กลุ่ม คือ ผู้สูงอายุที่อยู่โดดเดี่ยว เด็กที่ถูกทอดทิ้ง และคนทำงานรายได้น้อยในพื้นที่ห่างไกล

อาลีบาบา กรุ๊ป จัดงานแถลงข่าวออนไลน์เกี่ยวกับมหรรมช็อปปิงระดับโลก 11.11 (11.11 Global Shopping Festival) ปีที่ 13 สำหรับสื่อมวลชนจากภูมิภาคเอเชีย

ผู้บริหารนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และขนาดของงานในปีนี้ รวมถึงการสนับสนุนผู้ขายในมหกรรม 11.11 จากอีโคซิสเท็มของอาลีบาบา และไฮไลท์สำคัญในมหกรรมซึ่งเป็นครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจัดมา

ในระหว่างกล่าวเปิดงาน คริส ต่ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด อาลีบาบา กรุ๊ป ได้กล่าวถึงพัฒนาการของมหกรรม 11.11 นับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเรียบง่ายเมื่อ 13 ปีก่อน จนถึงปัจจุบันที่กลายเป็นมหกรรมช็อปปิงระดับโลก ซึ่งปีนี้มีแบรนด์เข้าร่วมมากกว่า 290,000 แบรนด์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 40,000 แบรนด์ และมากที่สุดนับตั้งแต่จัดมหกรรมช็อปปิงนี้มา

จากนั้น คริส ต่ง ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของมหกรรม 11.11 ในอดีตที่ผ่านมา ที่เปลี่ยนจากเพียงงานช็อปปิงมาเป็นการสร้างคุณค่าให้ผู้ซื้อและผู้ขาย โดยในปีนี้มาพร้อมธีมการมีส่วนร่วม (inclusivity) และความยั่งยืน ซึ่งทำให้การจัดงานมีความหมายมากขึ้นไปอีก โดยมุ่งมีบทบาทในการส่งเสริมเรื่องความยั่งยืนและการมีส่วนร่วมของทุกคนในสังคม

โครงการใหม่ด้านความยั่งยืนและสินค้าเพื่อสังคมในมหกรรม 11.11 ปีนี้

เพื่อสิ่งแวดล้อม

  • โปรโมตสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อม นับเป็นครั้งแรกที่ทีมอลล์ (Tmall) จะเพิ่มส่วนที่แสดงสินค้าประหยัดพลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ อีกทั้งยังแจกคูปอง “สีเขียว” มูลค่ารวม 500 ล้านบาทให้กับลูกค้า เพื่อสนับสนุนการซื้อสินค้าที่ส่งเสริมไลฟ์สไตล์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  • ร่วมกับแบรนด์ในการลดรอยเท้าคาร์บอน – อาลีบาบาจะทำงานร่วมกับแบรนด์พันธมิตรในปีนี้เพื่อพัฒนาสินค้าที่สร้างรอยเท้าคาร์บอน (carbon footprint) น้อยลง และใช้บรรจุภัณฑ์จากพลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้
  • รีไซเคิลกล่องพัสดุ – ไช่เหนียว เน็ตเวิร์ค ซึ่งเป็นบริษัทโลจิสติกส์ของอาลีบาบา ยังเปิดตัวจุดรับรีไซเคิลกล่องบรรจุภัณฑ์ 60,000 จุด ภายในศูนย์บริการของไช่เหนียว 10,000 แห่ง ใน 20 เมืองทั่วจีน ให้ผู้ซื้อนำกล่องพัสดุมารีไซเคิลได้
  • อาลีบาได้เริ่มให้ความสำคัญกับสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมมาตั้งแต่มหกรรมช็อปปิ้งกลางปี 618 ซึ่งในมหกรรม 11.11 ก็ถือเป็นโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยลดรอยเท้าคาร์บอนเช่นกัน โดย หลี่ เช็ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี อาลีบาบา กรุ๊ป คาดว่าเทคโนโลยีสีเขียวของอาลีบาบาจะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนต่อหนึ่งคำสั่งซื้อในมหกรรม 11.11 ได้สูงสุด 30% เมื่อเทียบกับงานในปีที่แล้ว

ช่วยเหลือสังคมผ่านโครงการ “สินค้าเพื่อสังคม”

  • โครงการ “สินค้าเพื่อสังคม” หรือ Goods for Good ของอาลีบาบา เริ่มต้นขึ้นในปี 2549 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อก็สามารถช่วยสนับสนุนองค์กรการกุศลที่ชื่นชอบด้วยการซื้อสินค้าจากร้านค้าที่สนับสนุนองค์กรเหล่านั้น
  • นับจนถึงปัจจุบัน โครงการ “สินค้าเพื่อสังคม” ได้ช่วยเหลือองค์กรการกุศลต่าง ๆ แล้วมากกว่า 3 ล้านครั้ง ทั้งการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ และติดตั้งระบบกรองน้ำให้โรงเรียนในชนบท 20,000 โรง รวมถึงเลี้ยงอาหารกลางวันผู้สูงอายุในจีนที่อยู่โดดเดี่ยว 500,000 มื้อ

จากนั้น หลีชิง เฉิน หัวหน้าฝ่ายการตลาดของมหกรรม 11.11 ปีนี้ ขึ้นมากล่าวถึงความสำคัญของการจัดงานให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อบนแพลตฟอร์มที่มีอยู่มากกว่า 900 ล้านคน และเป้าหมายในการมอบประสบการณ์ค้าปลีกแบบมีปฏิสัมพันธ์และตรงใจ ซึ่งในการเตรียมงานของมหกรรมปีนี้มีแนวทาง 3 ด้านที่อาลีบาบาใช้เพื่อสนับสนุนลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น

จุดเด่นของมหกรรมช็อปปิงระดับโลก 11.11 ปี 2564

  • เปิดให้พรีเซลล์สินค้าก่อนงานจริง มหกรรม 11.11 ในปีนี้ยังคงเพิ่มการจัดงานเป็น 2 ช่วงเหมือนในปีที่แล้วเพื่อเพิ่มความสนุกในการช็อปปิงให้กับผู้บริโภค แต่ที่มากไปกว่านั้นคือการเริ่มเปิดช่วงพรีเซลล์ก่อนเริ่มขายจริง 4 ชั่วโมง คือตั้งแต่ 20.00 น. ตามเวลาจีน ซึ่งเร็วกว่าทุกปีที่จะเริ่มตอนเที่ยงคืน เพื่อให้ลูกค้าไม่ต้องรออยู่จนดึกเพื่อซื้อสินค้า
  • เพิ่มส่วนลดและของแถม มหกรรมในปีนี้เพิ่มการซื้อสินค้าเพื่อรับส่วนลดมากขึ้นได้จากหลายร้าน ลูกค้าจึงสามารถรับส่วนลดมากขึ้นจากการซื้อสินค้าหลาย ๆ ร้านหรือแบรนด์ได้
  • เพิ่มฟีเจอร์เพื่อแชร์ไปยังเพื่อนและครอบครัว จากความต้องการของผู้บริโภคที่อยากแชร์สิ่งที่ตนซื้อในมหกรรม 11.11 ให้คนอื่น ๆ ได้เห็นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ อาลีบาบาจึงเปิดตัวส่วนที่แสดงสินค้าที่พลาดไม่ได้ในมหกรรม 11.11 และฟีเจอร์ที่ผู้ใช้สามารถแชร์ตะกร้าสินค้าไปบนโซเชียลมีเดียของตนได้

ยกระดับประสบการณ์ช็อปปิงให้คนทุกวัย

  • เปิดตัว “โหมดสำหรับผู้สูงวัย” ในแอปเถาเป่า (Taobao) ตามธีมในปีนี้ที่เน้นการมีส่วนร่วมของคนทุกกลุ่ม ก่อนมหกรรม 11.11 ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เถาเป่าจึงได้เปิดตัว “โหมดสำหรับผู้สูงวัย” สำหรับผู้สูงอายุที่ซื้อสินค้าบนเถาเป่า ฟีเจอร์นี้ขนาดตัวอักษรและไอคอนที่ใหญ่ขึ้น มีรูปแบบการใช้ไม่ซับซ้อน และมีเทคโนโลยีสั่งงานด้วยเสียงบนแอป
  • แนะนำสินค้าสำหรับคน Gen Z เนื่องจากคนกลุ่ม Gen Z กำลังเข้ามามีบทบาทในการช็อปปิงมากขึ้น ทีมอลล์จึงเพิ่มการแนะนำสินค้าที่กำลังมาแรง ซึ่งตรงกับความสนใจของคนกลุ่มนี้ เช่น สินค้าในธีมจีนดั้งเดิม ของเล่นแนวอาร์ต และกล่องสุ่ม

อนิต้า อู๋ ผู้จัดการทั่วไป ทีมอลล์ โกลบอล กล่าวถึงการทำงานของทีมอลล์ โกลบอล ในการเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสำหรับการช็อปปิงข้ามแดน และการจัดการความท้าทายด้านซัปพลายเชน ไปจนถึงการเพิ่มการสนับสนุนและทำงานร่วมกับแบรนด์จากต่างประเทศ เพื่อช่วยให้แบรนด์เหล่านั้นเข้าถึงความต้องการสินค้านำเข้าที่หลากหลายของผู้บริโภคจีน

  • ความต้องการซื้อสินค้านำเข้ามีมากขึ้นในจีน เนื่องจากโรคระบาดทำให้ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ ผู้บริโภคจีนจึงหันมาซื้อสินค้าแบรนด์ต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างทีมอลล์ โกลบอล
  • ตัวอย่างของเทรนด์นี้เห็นได้จากมูลค่าการซื้อสินค้านำเข้าในจีนในระหว่างเดือนมกราคม – เมษายน 2564 อยู่ที่ราว 35 ล้านล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้น 25% เมื่อเทียบกับ 4 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา
  • มีพฤติกรรมช็อปปิงที่หลากหลายมากขึ้น มีความต้องการซื้อสินค้านำเข้าจากแบรนด์นิช (niche) และสินค้าเฉพาะกลุ่ม ที่หลากหลายกว่าเดิม ตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคชนชั้นกลางที่เป็นผู้หญิงกำลังค่อย ๆ เปลี่ยนจากแค่เพียงซื้อของเข้าบ้านให้ครอบครัว เป็นการช็อปปิงให้ตนเอง
  • ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์อาบน้ำสำหรับทารกจากฝรั่งเศสแบรนด์หนึ่ง ที่ขายอยู่บนทีมอลล์ โกลบอล พบว่าแชมพูแบบไม่ต้องใช้น้ำมียอดขายเพิ่มขึ้นในกลุ่มแม่ชาวจีน โดยเพิ่มขึ้น 300% เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปีที่แล้ว

จุดแข็งและนวัตกรรมของทีมอลล์ โกลบอล

  • ความพร้อมในการส่งสินค้าจากต้นทางถึงปลายทาง ทีมอลล์ โกลบอล มีพื้นที่ในคลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse) หรือพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้เก็บสินค้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ถึง 20,000 ตารางเมตร จึงมีศักยภาพด้านซัปพลายเชนสูง ในการจัดเก็บสินค้านำเข้าเพื่อรอส่งผ่านโลจิสติกส์ให้ผู้บริโภคชาวจีน
  • โซลูชั่นที่หลากหลายสำหรับธุรกิจต่าง ๆ สำหรับแบรนด์ต่างประเทศที่ไม่ได้บริหารจัดการร้านแฟลกชิปเอง ทีมอลล์ โกลบอล ก็มีโซลูชั่นค้าปลีกเต็มรูปแบบที่ช่วยดูแลการดำเนินงานค้าปลีกให้กับแบรนด์ที่เข้ามาทำตลาดในจีนด้วย
  • ฟีเจอร์ “ค้นหาสินค้าใหม่” เพื่อสนับสนุนแบรนด์ต่างประเทศ ทีมอลล์ โกลบอล ได้เพิ่มฟีเจอร์แนะนำสินค้าจากผู้บริโภคที่เป็นผู้นำทางความคิด หรือ Key Opinion Consumer เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคจีนได้รู้จักสินค้าใหม่ ๆ จากต่างประเทศผ่านวิดีโอสั้นในฟีเจอร์ “New Discoveries”