นับว่าเป็นจุดสิ้นสุดแล้วสำหรับบริษัท Twitter ภายหลังจากที่ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ได้ซื้อบริษัทมาด้วยมูลค่า 44,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท เมื่อปลายเดือนตุลาคม 2022 ที่ผ่านมาแล้วนั้น ล่าสุดสำนักข่าว Independent ได้รายงานว่า มัสก์ซึ่งเป็นทั้งเจ้าของและซีอีโอของ Twitter ได้นำบริษัทเข้าควบรวมกิจการเข้ากับบริษัท X Corp. ดำเนินงานภายใต้ X Holdings Corp. ชองมัสก์
นั่นหมายความว่าจะไม่มีชื่อของบริษัท Twitter อีกต่อไป โดยการดำเนินการควบรวมครั้งนี้ทำให้แอปโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมทั่วโลกนี้ กลายเป็นส่วนหนึ่งของ X Holdings Corp. ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของอีกหลายบริษัทที่เขาครอบครอง ไม่ว่าจะเป็น Neuralink, SpaceX, Tesla และ The Boring Company
นี่ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณการเริ่มต้นแผนพัฒนาซูเปอร์แอป (Super App) ที่เปิดกว้างให้ผู้ใช้ได้โพสต์หรือเข้าใช้บริการต่าง ๆ ได้อย่างเสรี ดังที่มัสก์เคยแสดงวิสัยทัศน์เอาไว้ก่อนหน้านี้
ข้อมูลการควบรวมกิจการในครั้งนี้ได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณชนครั้งแรกจากเอกสารฟ้องร้องที่ ลอร่า ลูเมอร์ (Laura Loomer) อดีตผู้สมัครสภาคองเกรสแห่งฟลอริดา และเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้ยื่นฟ้อง Twitter โดยมีเนื้อหาว่า “บริษัท Twitter ได้ถูกควบรวมเข้ากับ X Corp. แล้ว และไม่อยู่ในรูปของบริษัทอีกต่อไป ซึ่ง X Corp. นั้น เป็นบริษัทเอกชนและมีบริษัทแม่ คือ X Holdings Corp.”
ทางด้านมัสก์ก็ดูเหมือนจะยืนยันรายงานดังกล่าวเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2023 ที่ผ่านมาด้วยการทวีตข้อความเรียบ ๆ ว่า “X”
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนตุลาคม 2022 ที่ผ่านมา เมื่อข้อตกลงในการซื้อกิจการ Twitter ของเขากำลังจะบรรลุ เขาได้ทวีตว่า “การซื้อ Twitter เป็นเร่งให้เกิดการสร้าง X ซึ่งเป็นแอปที่มีทุกอย่างที่ต้องการ (Everything App) ให้เป็นจริงได้ใน 3 – 5 ปี แต่ผมอาจคิดผิดก็ได้”
นั่นทำให้ผู้เชี่ยวชาญในภาคอุตสาหกรรมตั้งคำถามว่า มัสก์จะสามารถเปลี่ยน Twitter ให้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้ามารถเข้าถึงบริการออนไลน์ชั้นพื้นฐานทั้งหมดได้ ตั้งแต่การชำระเงินไปจนถึงการเรียกบริการแท็กซี
ในขณะเดียวกัน WeChat ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีคู่แข่งสำคัญจากประเทศจีน ก็มีฟังก์ชันที่คล้ายกันนี้ แต่ยังไม่สามารถขยายบริการไปถึงตะวันตกได้
แมตต์ นาฟาร์รา (Matt Navarra) ผู้เชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดียและนักวิจารณ์ภาคอุตสาหกรรม ได้กล่าวในตอนนั้นว่า “ซูเปอร์แอปไม่ใช่สิ่งใหม่ มันเป็นสิ่งที่ประสบความสำเร็จสูงมากในเอเชีย แต่ยังไม่สามารถขยายไปยังภูมิภาคอื่นได้”
เขาได้กล่าวเสริมว่า “Twitter หากกลายเป็นส่วนหนึ่งของซูเปอร์แอปนั้น จะให้ผู้ใช้สั่งซื้อสินค้า, แชตกับเพื่อน, อัปเดตข่าวสาร, จองแท็กซี ฯลฯ ได้หรือไม่ แน่นอนว่าทำได้ แล้วมัสก์จะทำให้มีใช้งานได้ดีไหม ก็เป็นไปได้ แต่เขาจะทำหรือไม่ ก็ยังไม่มีใครรู้”
จากการควบรวมกิจการครั้งนี้ ดูเหมือนมัสก์นั้นต้องการเดินหน้าสร้างซูเปอร์แอปอย่างที่เขาฝันไว้จริง ๆ และมีความเป็นไปได้ว่าอาจไม่ใช้ชื่อ Twitter อีกต่อไปในอนาคต ก็เป็นได้
ที่มา : Indepedent
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส