Apple ได้ยืนยันการซื้อกิจการแอปตรวจสอบชื่อเพลง Shazam ด้วยมูลค่า 400 ล้านเหรียญ โดยมีวัตถุประสงค์ที่มากกว่าแค่ต้องการเทคโนโลยีของ Shazam เท่านั้น

Apple เป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่มีการซื้อกิจการบริษัทอื่นน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับ Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) และ Microsoft โดยการซื้อกิจการของ Shazam เป็นการซื้อครั้งที่ 5 ของบริษัทในปี 2017 นี้ และเป็นการซื้อครั้งที่ 68 ตลอดระยะเวลาการทำงานของบริษัท

และอะไรคือเหตุผลสำคัญที่ผลักดันให้ Apple ซื้อกิจการของ Shazam ในครั้งนี้

จำนวนผู้ใช้

Shazam มีฐานกลุ่มผู้ใช้ที่เหนียวแน่นมาก โดยมีการดาวน์โหลดมากกว่า 1 พันล้านครั้ง, มีผู้ใช้มากกว่า 120 ล้านยูสเซอร์ และมีผู้ใช้งานมากถึง 20 ล้านครั้งต่อวัน  ซึ่งอาจทำให้ Apple สามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการ Apple Music ได้จากการซื้อกิจการในครั้งนี้

รายได้ต่อเนื่อง

Shazam ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี 1999 โดยมีรายได้จากการโฆษณาในหน้าการค้นหาชื่อเพลง และจากบริการสตรีมเพลงออนไลน์ของ Apple, Spotify และอื่นๆอีกมากมาย ในกรณีที่มีผู้ใช้ Shazam ค้นหาและสตรีมเพลงผ่านทาง Apple Music, Spotify หรือการดาวน์โหลดผ่าน iTunes เป็นต้น

กอปรกับที่ Apple ต้องการยกระดับบริการให้มากกว่าการสตรีมเพลง จึงเป็นเหตุผลที่ดีที่จะซื้อกิจการบริษัททีมีซอฟต์แวร์ที่สามารถทำรายได้อย่างต่อเนื่อง และมีกลุ่มแฟนๆเหนียวแน่นในหลายประเทศทั่วโลก

ข้อมูล

ข้อมูลคือขุมทรัพย์สำหรับผู้ให้บริการ ซึ่ง Shazam ทราบถึงปัจจัยนั้นดี และเข้าใจเป็นอย่างดีว่าผู้คนมักจะฟังในทุกที่ ทุกเวลา ตามความต้องการของแต่ละบุคคล อีกทั้งการตอบรับจากผู้ฟังก็ยังช่วยให้ศิลปิน และบริษัทอื่นๆ สามารถพัฒนาเพลงหรือบริการได้ตามความต้องการของผู้ฟังจริงๆ

ทรัย์สินทางปัญญา

ถึงแม้ว่าจะมีคู่แข่งอย่าง SoundHound และ QQ Music ของประเทศจีน แต่ Shazam ก็ยังมีสิทธิบัตรด้านการตรวจสอบชื่อเพลงและเทคโนโลยีอื่นๆอีกกว่า 200 ชิ้น และยังสามราถค้นหาโปสเตอร์ภาพยนตร์และภาพอื่นๆได้ด้วย

เมื่อ Shazam มารวมกับ Apple

ชัดเจนแล้วว่า ฐานผู้ใช้, ข้อมูล, ระบบการสร้างรายได้จากการโฆษณา และสิทธิบัตรด้านเทคโนโลยีต่างๆของ Shazam จะถูกผนวกรวมกับ Apple ซึ่งจะส่งผลดีต่อ Apple Music, Apple TV และแอปอื่นๆใน iOS อีกหลายตัว เป็นอย่่างมาก และเป็นการขยายฐานผู้ใช้บริการของ Apple ให้กว้างขึ้นไปอีก

ข้อมูลอ้างอิง : cnbc