ในทุก ๆ วัน มีคนเกือบ 2,000 ล้านคนทั่วโลกที่กำลังไถฟีด Facebook (เฟซบุ๊ก) และในทุก ๆ วันมีกว่า 300 ล้านภาพ ที่ถูกอัปโหลดเก็บไว้บนเฟซบุ๊ก เอาหน่วยย่อยลงมาหน่อย ในทุก 1 นาที มี 590,000 คอมเมนต์ และ 290,000 สเตตัสเกิดขึ้นบนเฟซบุ๊ก

เราอาจคิดว่าเราทุกคนกำลังใช้เฟซบุ๊ก แต่แท้จริงแล้วเฟซบุ๊กกำลังใช้เรา

2,895 ล้านคนคือจำนวนของบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กล่าสุด ณ ปัจจุบัน ถ้าถามถึงสัดส่วนประชากรโลกก็เพียง 36 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง อ้าว! ยังไม่ถึงครึ่งอีกหรอเนี่ย

แต่นั่นก็ทำให้เฟซบุ๊กกลายเป็นโซเซียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก และคงไม่เกินเลยที่จะกล่าวว่า เฟซบุ๊กเป็นแพลตฟอร์มที่ทรงพลังที่สุด และมีอิทธิพลต่อผู้คนทั่วโลกมากที่สุด รวมทั้งเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจ สังคม จนไปถึงการเมืองได้เลย

รายได้ล่าสุด

เมื่อครองโลกได้ขนาดนี้จึงไม่แปลกใจนัก ที่บริษัทเฟซบุ๊กจะทำเงินมหาศาล โดยตัวเลขล่าสุดในไตรมาสที่ 2 ของปี 2021 เฟซบุ๊กมีรายได้อยู่ที่ 29,077 ล้านเหรียญ หรือเทียบเท่าเงินไทยได้ประมาณ 971,330 ล้านบาทเท่านั้นเอง

นี่ไม่ใช่รายได้รายปีแต่เป็นระยะเวลาเพียง 3 เดือนที่ผ่านมานี้เท่านั้นเอง สูงขึ้นกว่าปีก่อนถึง 56 เปอร์เซ็นต์ ทั้ง ๆ ที่้เป็นช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตโควิด 19

ส่วนรายได้รวมของเฟซบุ๊กในปี 2020 ก็อยู่ที่ 85,900 ล้านเหรียญ หรือคิดเงินไทยก็แค่ 2,870,000 ล้านบาท โดยกิจการมีกำไรในปีที่แล้ว 32,600 ล้านเหรียญ เทียบเท่าเงินไทย 1,090,000 ล้านบาท

รายได้มาจากไหน

ที่เล่ามาเนี่ยไม่ได่มีความอิจฉาแม่แต่น้อยนะครับ แต่เมื่อคุณไปอ่านรายงานด้านการเงินของเฟซบุ๊ก ซึ่งเขาเปิดเผยเป็นสาธารณะ ก็มีแต่เรื่องน่าทึ่งครับ เพราะว่ารายได้ในสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทกล่าวคือ 98 เปอร์เซ็นต์มาจากโฆษณาล้วน ๆ เลย นับเป็นมูลค่า 28,580 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

และรายได้ในสัดส่วนติ่งต้อยหอยสังข์อย่าง 1.71 เปอร์เซ็นต์ รู้ไหมครับมาจากไหน ก็มาจากค่าธรรมเนียมของผู้พัฒนา ที่ไปใช้ระบบการจ่ายเงินจากเฟซบุ๊ก และก็การจัดส่งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ให้กับผู้บริโภค รายได้ส่วนนี้จุ๋มจ๋มครับ 497 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้นเอง

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook เคยกล่าวต่อหน้าวุฒิสภาสหรัฐฯ ไว้ชัดเจน ถึงที่มาของรายได้มหาศาลนี้ทั้งที่เฟซบุ๊กไม่ได้เก็บเงินค่าบริการจากผู้ใช้อย่างเราเลย

และผมจะบอกคุณให้ว่า ตัวคุณ แฟน น้องสาว เพื่อน เพื่อนสมัยเรียน เพื่อนร่วมงาน คนที่คุณเจรจาการค้าธุรกิจด้วย รวมไปถึงอินฟลูเอนเซอร์มากมายที่คุณติดตาม ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็น Product ที่ช่วยเฟซบุ๊กทำเงินได้มากมายโดยที่เราไม่รู้ตัว

การใช้ข้อมูลของเฟซบุ๊ก

หลายคนยังเข้าใจผิดอยู่ว่าเฟซบุ๊กได้นำข้อมูลหรอ database ของผู้ใช้ทุกคนไปขาย แต่เปล่าเลย เฟซบุ๊กใช้ทุกอย่างที่เป็นคุณไปขายโฆษณาต่างหาก

เป็นที่รู้กันดีว่าธุรกิจของเฟซบุ๊กเน้นการสร้าง Community และให้ผู้คนเชื่อมต่อกันได้มากขึ้นเรื่อย ๆ จากที่เคยมีแค่กดขอเป็นเพื่อน แต่ในระยะหลังมานี้เฟซบุ๊กเริ่มแนะนำคนที่คุณน่าจะรู้จักด้วย ที่เรียกว่า “People you may know.” ให้กับคุณมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยกลุ่มคนเหล่านี้ ก็มาจากการที่มีเพื่อนคนเดียวกันกับคุณ สนใจในกรุ๊ปเดียวกันมีภาพแท็กอยู่ในรูปเดียวกัน รวมไปถึงคนที่ทำงานที่เดียวกัน หรือ เรียนมหาลัยเรียนกัน และที่เด็ดสุดนะ ก็แค่ยืนคุยกันซักพัก มันก็ทักมาแล้วว่า รู้จักกันเปล่า

ใช่ครับเฟซบุ๊ก รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณ รู้ข้อมูลส่วนตัวของคุณ ตั้งแต่ชื่อ อายุ เพศ วันเดือนปีเกิด สถานภาพ สถานที่เกิด สถานศึกษา สถานที่ทำงาน จนไปถึงภาพที่คุณโพสต์ วิดิโอที่คุณชม โทรศัพท์ที่คุณใช้ สินค้าที่คุณซื้อ ระดับเงินเดือนของคุณ หรือแม้กระทั่งพรรคการเมืองที่คุณชื่นชอบ

เฟซบุ๊กจะประมวลข้อมูลทั้งหมดของคุณว่าเป็นคนแบบไหน สนใจอะไร กำลังอยากจะซื้ออะไร เพื่อจะได้ยิงโฆษณาตามที่ผู้ใช้ต้องการ นอกจากนี้เฟซบุ๊กยังมีเครื่องมือที่ชื่อ Facebook Pixel ที่คอยเก็บข้อมูลของผู้เข้ามาใช้บริการในเว็บไซต์ต่าง ๆ แล้วนำพฤติกรรมเหล่านั้นไปเชื่อมโยงกับบัญชีเฟซบุ๊กของพวกเขา

ดังนั้นคุณไม่ต้องแปลกใจว่าคุณเพิ่งเข้าเว็บไซต์ไหน และเห็น Facebook Ads สินค้านั้นปรากฎขึ้นบนหน้าฟีดของคุณ ถ้าคุณรู้ว่าเฟซบุ๊กเก็บข้อมูลอะไรของคุณไว้บ้างก็ให้เข้าไปที่ Facebook

  1. กด Setting
  2. คลิก Your Facebook Information
  3. เลือก Download your information

เพียงครู่เดียวคุณก็จะได้เห็นข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับคุณในเฟซบุ๊ก

ทั้งนี้อย่าคิดว่าเฟซบุ๊กละเมิดความเป็นส่วนตัวของคุณนะครับ เพราะครั้งแรกที่คุณกดใช้บริการเอาไว้เฟซบุ๊กได้ใส่กฎระเบียบเหล่านี้ไว้ใน Terms of Service ซึ่งหมายถึงการนำข้อมูลส่วนตัวของคุณไปใช้ในการโฆษณา และคุณก็กดยอมรับเอง

แน่ล่ะครับใครบ้างจะอ่านกฎระเบียบเหล่านี้ คุณอ่านมั้ยล่ะผมเองใช้ไปหลายปีแล้วยังเพิ่งค่อยมาอ่านเลย หรือต่อให้คุณทราบ ก็ไม่มีทางที่จะสะกัดกั้นการเห็นโฆษณาจากเฟซบุ๊กได้

จะมีก็อีกวิธีก็คือลบบัญชีเฟซบุ๊กออกจากชีวิตเพื่อเลิกเล่นไปเลย

เครือ Facebook Inc.

แต่อย่าลืมนะครับว่า Facebook Inc. ไม่ได้มีแค่กิจการ Facebook เพียงหนึ่งเดียว แต่ยังคงเป็นเจ้าของ Instagram ที่มีผู้ใช้งานแล้ว 1,400 ล้านคน WhatsApp มีผู้ใช้งาน 1,600 ล้านคน และ Facebook Messenger ที่มีผู้ใช้งานกว่า 1,300 ล้านคน

ทั้ง 4 แอปนี้ อยู่ภายใต้บริษัทเดียวกัน และส่งข้อมูลถึงกันและกัน คุณจึงไม่ต้องแปลกใจว่าเรื่องที่คุสนใจในเฟซบุ๊กจะไปปรากฎเป็นโฆษณาบน Instagram ด้วย หรือกระทั่งข้อความแชตของคุณ Facebook Messemger ก็มี ไม่หลุดรอดสายตาไปได้เลย

แนวทางของ Facebook

ในเอกสารรายงานรายได้ของ Facebook Inc. ประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2021

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก กล่าวว่า เราปิดไตรมาสได้อย่างแข็งแกร่งตามที่เราไม่หยุดที่จะส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโต และให้ผู้ใช้งานเชื่อมต่อถึงกัน

เห็นมั้ยครับว่า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ย้ำแนวทางของบริษัทอยู่เสมอ ว่ายิ่งผู้ใช้งานเชื่อมต่อกันมากเท่าไหร่เฟซบุ๊กก็ยิ่งทำรายได้ได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น

พูดง่าย ๆ ก็แค่คุณเปิดบัญชีเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊ก เฟซบุ๊กเองก็มีรายได้เพิ่มขึ้นแล้วอีก 1,070 บาท แล้วคุณคงไม่เชื่อว่าในทุก ๆ 1 วินาทีมีผู้เปิดบัญชีใหม่บนเฟซบุ๊กถึง 5 คน ใช่ครับถ้าคิดง่าย ๆ ก็คือทำเงินได้เฉลี่ยวินาทีละ 5,000 บาท เนียน ๆ

ทุกการเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัดเพราะนั่นคือเงินบริษัท

นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ตั้งแต่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย Havard ก็ได้คิดเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ก่อตั้งเฟซบุ๊กในปี 2004 แล้ว ก็ต้องยอมรับว่าผู้ชายอัจฉริยะผู้นี้มองการณ์ไกลจริง ๆ

รายได้มหาศาลที่ตอบแทนกลับมาวันนี้ก็คือผลลัพธ์ของ Network Effects

เฟซบุ๊กใช้หลักจิตวิทยาที่เรียกว่า Fear of Missing Out หคือความกลัวที่จะตกกระแส กลัวไม่รู้เหมือนที่คนอื่นรู้ อยากมีส่วนร่วมและสานสัมพันธ์กับคนอื่นรอบข้าง เอาจุดเหล่านี้มาเป็นตัวดึงดูดให้คนทั่วโลกต้องใช้เฟซบุ๊ก แม่ว่าคุณ ไม่ชอบที่จะใช้มันก็ตาม

การสร้างวงจรธุรกิจของ Facebook

แต่ที่ผมว่าน่าทึ่งมากกว่าก็คือ กลไกการทำเงินของบริษัทเฟซบุ๊กที่สามารถสร้างวงโคจรให้กับธุรกิจของบริษัทโดยที่บริษัทไม่ต้องทำอะไรมากเลย นอกจากพัฒนาระบบ ผมจะอธิบายให้ฟังครับ

บริษัทเฟซบุ๊กเปิดให้คนเปิดบัญชีใช้บริการแบบฟรี ๆ โดยไม่ต้องจ่ายเงินเลย แต่เปิดให้ผู้ใช้งานทั้งบุคคลทั่วไป องค์กรบริษัท ธุรกิจสินค้า สื่อออนไลน์ รวมไปถึงคนดังที่สร้างคอนเทนต์นับไม่ถ้วน

บริษัทเองมีการจ่ายส่วนแบ่งให้กับผู้ผลิตคอนเทนต์วิดิโอบนเฟซบุ๊กตามยอด View ซึ่งก็ถึงว่าเป็นเงินที่น้อยนิด แต่กลับได้คลิปที่ผลิตขึ้นใหม่นับไม่ถ้วนในแต่ละวัน

เมื่อมีคอนเทนต์มากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ยิ่งมีผู้ใช้งานมากขึ้นตามไปด้วย แถมยังช่วยแชร์ ช่วยโปรโมต สุดท้ายบริษัทเฟซบุ๊กก็สามารถนำข้อมูลผู้ใช้งานทั้งหมดนี้ ไปขายนโฆษณาได้ทั้งบน Facebook และ Instagram

รับเงินเข้ากระเป๋าสบาย ๆ โดยที่ไม่ต้องทำคอนเทนต์แบบเรา

ข้อมูลอะไรบ้างที่ถูกส่งต่อให้ผู้ขายโฆษณา

และถ้าคุณอยากรู้ว่าข้อมูลอะไรบ้างที่ถูกส่งต่อให้ผู้ขายโฆษณา ก็ให้กดที่

  1. กด Facebook
  2. เลือก Setting แล้วไปที่ Ads

ซึ่งแม้คุณจะเลือกกดซ่อนโฆษณาที่คุณไม่อยากเห็นได้ก็จริง แต่คุณก็ไม่สามารถปิดกั้นโฆษณาจากเฟซบุ๊กได้อยู่ดี

พูดง่าย ๆ ก็คือคุณเลือกที่จะปรับแต่งโฆษณาที่อยากจะเห็นได้ แต่คุณเลือกที่จะเห็นโฆษณาน้อยลง ไม่ได้

ปิดข้อมูลส่วนตัวได้ แต่ไม่มิด

จริงอยู่ที่ว่ามีหลายวิธีในการปกปิดข้อมูลส่วนตัว ให้เฟซบุ๊กรู้เกี่ยวกับตัวคุณให้น้อยลง ไม่ว่าจะปิดโลเคชันโทรศัพท์ ปิดการเข้าถึง Contact หรือ สมุดโทรศัพท์ ปิดไมโครโฟนและกล้อง ไม่แท็กสถานที่ และไม่แท็กตัวบุคคลอื่น ๆ ในภาพ

แต่ข่าวร้ายคือเฟซบุ๊กยังมีวิธีอื่น ๆ อีกมากมาย ที่จะรู้ข้อมูลส่วนตัวเหล่านั้น เช่น การสิบเสาะหาโลเคชันในการโพสต์ หรือที่ที่คุณอยู่จาก IP Address หรือจะเป็นการรู้หน้าจากคนในภาพอัตโนมัติ ซึ่ง AI สะสมไว้มากพอ และยังมีแอปพลิเคชันอีกมากมายที่เชื่อมอยู่กับเฟซบุ๊ก และต้องส่งการเล่นให้กับเฟซบุ๊กด้วย

ทางเดียวที่จะหยุดรับ Ads และก็ปกปิดความเป็นส่วนตัวได้ก็คือ หยุดเล่น Facebook Instagram Whatsapp และ Facebook Messenger คุณทำได้มั้ยล่ะ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส