หลายคนคงจะทราบดีว่า เมื่อเราแกะกล่องอุปกรณ์ใด ๆ ก็ตาม มูลค่าของผลิตภัณฑ์ชิ้นนั้นจะลดลงทันที และจะลดลงเรื่อย ๆ ตามเวลาที่ผ่านไปและสภาพของตัวเครื่อง สิ่งนี้เรียกว่า ‘ค่าเสื่อมราคา (Depreciation)’ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ เครื่องจักร หรือแม้แต่สมาร์ตโฟนก็จะมีมูลค่าลดลงเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป

รายงานล่าสุดจาก musicMagpie (ร้านค้าปลีกออนไลน์ในสหราชอาณาจักร) เกี่ยวกับค่าเสื่อมราคาของสมาร์ตโฟนประจำปีได้แสดงให้เห็นถึงข้อมูลที่น่าสนใจ คือ

Apple iPhone มีค่าเสื่อมราคาน้อยที่สุดหากเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ

ข้อมูลจากการสอบถามชาวสหราชอาณาจักรจำนวน 2,093 ราย พบว่า ร้อยละ 61 เลือกที่จะไม่ขายสมาร์ตโฟนเครื่องเก่าทันทีหลังจากซื้อเครื่องใหม่ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วพวกเขาจะรอเป็นเวลา 16 เดือนถึงจะตัดสินใจขายสมาร์ตโฟนเครื่องเก่าทิ้งไป ซึ่งการรอนานถึง 16 เดือนทำให้ราคาของสมาร์ตโฟนเครื่องเก่าเครื่องนั้นลดลงเหลือเพียงครึ่งเดียว ในขณะที่ร้อยละ 33 เลือกที่จะเก็บสมาร์ตโฟนรุ่นเก่าไว้กับตัวและไม่ขายออกไปเลย

สตีฟ โอลิเวอร์ (Steve Oliver) ซีอีโอของ musicMagpie เผยว่า การขายสมาร์ตโฟนเครื่องเก่าในทันทีที่ผู้ใช้ซื้อเครื่องใหม่จะทำให้ได้ราคาที่ดีที่สุด ซึ่งข้อมูลของ musicMacpie ได้แสดงให้เห็นว่า ในเวลา 12 เดือน Apple iPhone จะมีมูลค่าลดลง 41% จากมูลค่าเริ่มต้น และลดลง 60% ในระยะเวลา 24 เดือน ซึ่งน้อยกว่าแบรนด์อื่น ๆ เช่น Samsung, Oneplus, Google และ Huawei ที่มูลค่าลดลงกว่า 60% ในเวลา 12 เดือน

จากรูปภาพจะเห็นว่า สมาร์ตโฟน 10 อันดับแรกที่มีการเสื่อมราคาน้อยที่สุดหลังจาก 12 เดือน เป็น iPhone ทั้งสิ้น โดย iPhone 11 เป็นรุ่นที่มีมูลค่าลดลงน้อยที่สุดที่ 33% ในขณะที่ Huawei Mate 30 Pro เป็นสมาร์ตโฟนที่มีการเสื่อมราคามากที่สุดตามรายงานของ musicMacpie โดยมีมูลค่าลดลงถึง 87% เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี (ก็ไม่น่าแปลกใจเพราะ Mate 30 Pro เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของหัวเว่ยที่ไม่มี GMS)

ข้อมูลที่พบแสดงให้เห็นว่า หากคุณซื้อ Huawei Mate 30 Pro ในราคาเปิดตัวที่ 28,990 บาท และใช้งานมา 1 ปี มูลค่าของ Huawei Mate 30 Pro เครื่องนี้จะเหลือแค่ประมาณ 3,800 บาทเท่านั้น!

ในขณะเดียวกัน หากคุณซื้อ iPhone 11 ในราคาเปิดตัวที่ 24,900 บาท เมื่อใช้งานเป็นเวลา 1 ปี iPhone 11 จะยังคงมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 16,700 บาทเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามมูลค่าของสมาร์ตโฟนที่เสื่อมลงอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นจากระยะเวลาที่ผ่านไปเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูด้วยว่าสภาพของเครื่องที่นำมาขายนั้นดีหรือแย่เพียงไร หากหน้าจอมีรอย ขอบตัวเครื่องบุบ หรือมีฝุ่นเข้าไปในเลนส์กล้องก็จะส่งผลให้ราคาของสมาร์ตโฟนเครื่องนั้น ๆ ต่ำลงได้ อีกทั้ง Huawei ยังเป็นบริษัทที่ถูกแบล็กลิสต์โดยสหรัฐอเมริกาทำให้ไม่สามารถเข้าถึง Google Mobile Services ได้ จึงอาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ยิ่งทำให้มูลค่าของสมาร์ตโฟนลดลงอย่างรวดเร็ว

อ้างอิง: PhoneArena