ดีแทคเพิ่มแบนด์วิธ 4G คลื่น 1800 MHz เป็น 15 MHz แรงกว่าเดิม

ปูพรมแล้ว 2,200 สถานี ครอบคลุมกรุงเทพ-ปริมณฑล ตอกย้ำประสบการณ์ 4G ที่ดีที่สุดของลูกค้า

3 ธันวาคม 2558 – ดีแทคลั่นตอกย้ำบริการ 4G บนคลื่น 1800 MHz รายแรกในไทย เร็วแรง ใช้ได้เลยไม่ต้องรอ รุกขยายแบนด์วิธคลื่น 1800 MHz สู่ 15 MHzกว้างกว่าเดิม จากที่เปิดบริการ 10 MHz ดีแทคมุ่งมั่นนำประสบการณ์ใช้งานบน 4G ดีที่สุดสู่ลูกค้า ครอบคลุมกรุงเทพและปริมณฑลเรียบร้อยรวม 2,200สถานี มากกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ พร้อมพัฒนาอย่างต่อเนื่องรองรับกระแสใช้งานดาต้า

นายประเทศ ตันกุรานันท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเทคโนโลยี บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “ดีแทคได้ยกระดับความแรงของ 4G บนคลื่น 1800 MHz ด้วยการเพิ่มความกว้างของแบนด์วิธเป็น 15 MHz จากเดิม 10 MHz ทำให้การใช้งาน 4G เร็วขึ้นกว่าเดิม พร้อมทั้งมีบริการ 4G บนคลื่น 2100 MHz อีกจำนวน 5 MHz ทำให้ขณะนี้ดีแทคเป็นผู้ให้บริการ 4G ที่มีแบนด์วิธรวมมากถึง 20 MHz และสำหรับการให้บริการ 4G บนคลื่น 1800 MHz ซึ่งดีแทคเป็นรายแรกในไทยยังขยายเสาสัญญาณแล้วรวม 2,200 แห่ง ครอบคลุมกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งผู้ใช้งานดีแทค4G จะรู้สึกถึงประสบการณ์ที่ดีขึ้นจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือ ที่สำคัญนอกจากผู้ที่ใช้ 4G บนคลื่น 1800 MHz จะได้ประสบการณ์ที่ดีขึ้นแล้ว ผู้ใช้บริการทั้ง 4G บน 2100 MHz, 3G บน 2100 MHz, 3G บน 850 MHz หรือ 2G บน 1800 MHzได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นด้วย”

dtac8B0A2532

ทั้งนี้ ดีแทคได้สร้างปริศนา 1800 | 1800 | 18 ให้เกิดกระแสการรับรู้ผู้ใช้งาน เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมาโดยได้เฉลยสู่ผู้ใช้งานแล้ว คือ การเร่งขยาย 4Gบนคลื่น 1800 MHz ครอบคลุม 1800 สถานี ภายใน 18 วัน หรือ ติดตั้งโครงข่าย 4G จำนวน 100 สถานีต่อวัน ซึ่งขณะนี้ดีแทคได้ประกาศความสำเร็จตามคำมั่นอีกครั้งด้วยการขยาย 4G คลื่น 1800 MHz เรียบร้อยและมากกว่าเป้าหมายด้วยจำนวนรวมถึง 2,200 สถานี

dtac8B0A2500

“กระแสการใช้งาน 4G เติบโตขึ้น 4 เท่า เทียบจากเดือนธันวาคมปีที่แล้วจากจำนวนผู้ใช้งานดีแทค 4G จำนวน 5 แสนราย เพิ่มเป็นจำนวน 2 ล้านรายในปัจจุบัน โดยมียอดอุปกรณ์รองรับ 4G เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากประมาณ 1.7 ล้านเครื่องเป็น 3.5 ล้านเครื่อง ดีแทคจึงได้มุ่งมั่นพัฒนา 4G อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือ และกระแสการใช้งานคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอที่เพิ่มมากขึ้น รองรับทั้ง YouTube, Facebook, Instagram, LINE, หรือดูทีวีถ่ายทอดสด รับชมคอนเทนต์แบบสตรีมมิ่ง หรือคอนเทนต์ออนไลน์แบบความละเอียดสูง (HD) ต่างๆ” นายประเทศ กล่าว