เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวที่หลายคนอาจจะมองว่าเป็นข่าวขำขัน แต่สำหรับคนอังกฤษและทีมงานบริษัท KFC พร้อมผู้เกี่ยวข้องในอังกฤษคงขำไม่ออก เมื่อปัญหาการจัดส่งวัตถุดิบ ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนไก่และทำให้ร้าน KFC บางสาขาปิดให้บริการในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย KFC ได้ออกมาขอโทษลูกค้า และทยอยเปิดให้บริการอีกครั้งแล้ว

เปลี่ยนผู้จัดส่ง ต้นเหตุของวิกฤตไก่ KFC

บริษัท Yum! (YUM) เจ้าของแบรนด์ KFC กล่าวว่าปัญหาการขาดแคลนไก่เกิดจากการเปลี่ยนพาร์ทเนอร์ขนส่งรายใหม่เป็น DHL ซึ่งยังจูนระบบขนส่งให้เหมาะกับวัตถุดิบที่เป็นไก่และของสดต่างๆ ไม่ได้ ส่งผลให้ KFC เกือบ 900 สาขาในสหราชอาณาจักรปิดทำการ

ก่อนหน้านี้ไก่ KFC ถูกส่งผ่าน Bidvest กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการกระจายอาหาร จนถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ แต่หลังจากเปลี่ยนสัญญาไปใช้ DHL ร้านอาหารยักษ์ใหญ่หลายแห่งเริ่มขาดแคลนผลิตภัณฑ์จากไก่ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นำไปสู่การสูญเสียงานกว่า 255 ตำแหน่ง และการปิดคลังของ Bidvest ซึ่งกว่า KFC จะรู้ว่าพวกเขาทำผิดพลาดมาก มันก็สายเกินแก้ไปแล้ว

DHL กล่าวว่า “เนื่องจากปัญหาด้านการดำเนินงาน ทำให้จำนวนการจัดส่งวัตถุดิบในช่วงไม่กี่วันมานี้ไม่ครบถ้วนหรือล่าช้า และขออภัยในความไม่สะดวก ซึ่งเราคาดว่าการเปิดศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ จะทำให้เกิดงานใหม่ถึง 300 ตำแหน่ง”

John Boulter ผู้อำนวยการฝ่ายค้าปลีกของ DHL กล่าวว่า ทางบริษัทรู้สึกเสียใจกับการหยุดทำการจัดส่งในครั้งนี้ ขออภัยในความไม่สะดวก และความผิดหวังที่เกิดขึ้นกับ KFC ซึ่งคุณจอห์นที่น่าจะคอพาดเขียงอยู่บอกว่ากำลังแก้ไขปัญหานี้อยู่ โดยจะให้บริการตามปกติเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ในช่วงที่เกิดเหตุ โฆษกของ KFC แถลงว่าจำนวนร้านที่ปิดทำการจะลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากทีมงานทำงานอย่างหนักเพื่อจัดการสินค้าค้างส่งให้เร็วที่สุด โดยในแต่ละวันมีการจัดส่งสินค้าจำนวนมาก อย่างไรก็ตามบางสาขาจะยังคงหยุดทำการ ซึ่งบริการอื่น ๆ อาจจะปิด และลดรายการอาหาร หรือลดชั่วโมงการเปิดบริการ แต่ลูกค้าสามารถค้นหาสาขาที่ใกล้ที่สุดที่เปิดอยู่ได้ที่หน้าเว็บของ KFC

ซึ่งร้าน KFC ในอังกฤษได้เริ่มกลับมาเปิดให้บริการราว 700 สาขาจาก 900 สาขาตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

หลังวิกฤต KFC

KFC ออกมาขอโทษลูกค้าผ่านโฆษณาทางหนังสือพิมพ์อังกฤษสองฉบับเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นภาพถังไก่ที่ว่างเปล่า และเศษแป้งทอดที่หกออกมา แทนที่ด้านข้างจะเป็นโลโก้ KFC แต่ตัวอักษรถูกเปลี่ยนไปเป็นคำว่า “FCK” แทนพร้อมคำขอโทษ

โดยข้อความขอโทษกล่าวว่า “ร้านอาหารไก่ที่ไม่มีไก่นั้น ไม่ใช่ร้านในอุดมคติ และขอโทษอย่างมากกับลูกค้าของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เดินทางไปเพื่อหาเราแต่เราปิด นอกจากนี้ยังขอบคุณพนักงานและคู่ค้าแฟรนไชส์ในการที่ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อปรับปรุงสถานการณ์นี้ มันเป็นสัปดาห์นรก แต่เรากำลังก้าวหน้าขึ้นทุกวัน และไก่สดถูกส่งไปยังร้านอาหารของเรา ขอบคุณที่อดทนกับเรา”

ซึ่งผลกระทบนี้ก็ส่งผลไปถึงผู้ผลิตไก่ให้ KFC ด้วย มีรายงานว่าโรงงานหนึ่งได้ส่งไก่กว่า 20,000 ชิ้นให้ DHL ก่อนที่ไก่ทั้งหมดจะถูกตีกลับมาเพราะ DHL ไม่สามารถจัดส่งได้ (นี่ DHL ไม่รู้จะขายหน้ายังไงแล้ว) ทำให้โรงงานต้องจัดการไก่ที่ถูกตีกลับมาเองโดยการขายในร้านค้าของโรงงานในราคาถูก เหมากันไปเลย 9 ชิ้น £1 (~45 บาท) จากราคาปกติของ KFC ที่ขาย 6 ชิ้น £9.99 (~450 บาท)

การเปลี่ยนพาร์ทเนอร์ในการจัดส่งสินค้าของ KFC ในครั้งนี้กระทบการกระจายสินค้า จนทำให้ชาวสหราชอาณาจักรต้องขาดแคลนไก่ทอด KFC กันไปหลายวัน ถือเป็นวิกฤตการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ KFC เลยทีเดียว ซึ่ง KFC ก็ได้เปิดหน้าเว็บพิเศษเพื่อให้ผู้บริโภคค้นหาสาขาของร้านที่เปิดให้บริการ