ถ้าพูดถึง ‘แอร์สี่ทิศทางหรือแอร์ฝังฝ้า’ หลาย ๆ คนคงมีภาพจำว่าเป็นแอร์ที่ใหญ่ กินไฟแน่ ๆ แต่บทความนี้อาจจะทำให้ความคิดของใครหลาย ๆ คนเปลี่ยนไปก็ได้ มาดูว่าแอร์สี่ทิศทางรุ่นใหม่ของ Mitsubishi Heavy Duty เขามีดีอะไร ไปแบไต๋กัน

หลาย ๆ คนน่าจะพอรู้กันอยู่แล้วล่ะ ว่า Mitsubishi Heavy Duty เขาเป็นแบรนด์ที่ทำเครื่องปรับอากาศมาหลากหลายรุ่นมาก เดี๋ยวแนะนำแบบคร่าว ๆ ให้ดูทีละไลน์อัปของเขาเลย

  • Residential Air-Con เรียกง่าย ๆ ก็ ‘แอร์บ้านติดผนัง’ นี่แหละ ซึ่งก็มีขายหลากหลายรุ่น หลากหลายขนาดที่เหมาะกับห้องของแต่ละคนได้เลย แอร์ Mitsubishi Heavy Duty เขามีจุดเด่นที่ทั้งคอยล์ร้อนและเย็นเขาทำจากทองแดง 100% ทำให้อายุการใช้งานของแอร์ทนทานกว่าเดิม ไม่ชำรุดหรือรั่วซึมง่ายๆ และบางรุ่นของ Residential Air-Con เช่นรุ่น Hoshi Series ก็มีการใช้ Blue Fin ในตัว Outdoor Unit แล้ว ก็จะทำให้ทนทานต่อการกัดกร่อนมากขึ้นกว่าเดิม อายุการใช้งานก็จะยาวนานขึ้นนั่นเอง
  • หลายคนอาจจะยังไม่รู้ ว่าเอ๊ะ Mitsubishi Heavy Duty เขาทำเครื่องฟอกอากาศด้วยหรอ ก็จะมีรุ่นนี้เลย เป็น เครื่องฟอกอากาศ Mori Series ของ Mitsubishi Heavy Duty มีจำหน่ายอยู่ 1 รุ่น เหมาะสำหรับห้องขนาด 43.94 ตารางเมตรนั่นเอง (ราคา 13,900 บาท ปัจจุบันมีโปรโมชั่นลดพิเศษเหลือเพียง 8,500 บาทเท่านั้น)
  • นอกจาก ‘แอร์สี่ทิศทาง’ และ ‘แอร์ติดแขวนใต้ฝ้า’ ‘แอร์ท่อลม’ แล้วก็ ‘แอร์ตู้’ ซึ่งเป็นแอร์รุ่นใหญ่ของ Mitsubishi Heavy Duty ที่เป็น ‘Package Air Conditioners’ นั่นเอง ซึ่งก็จะมีประโยชน์ใช้สอยที่แตกต่างกันออกไป

แอร์สี่ทิศทาง?

ก่อนที่เราจะลงลึกเรื่องแอร์สี่ทิศทาง หรือเรียกอีกอย่างว่าแอร์ฝังฝ้าของเขา อยากปรับพื้นฐานให้คนเข้าใจก่อนว่าเจ้า ‘แอร์สี่ทิศทาง’ หรือ ‘Cassette Type Air Conditioner’ เนี่ยเขาจะคล้าย ๆ กับแอร์ติดเพดานที่อยู่ข้าง ๆ กันนี้ คือตัวมันเป็นแอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่าแอร์บ้านทั่ว ๆ ไปฮะ แต่แอร์แบบ Cassette เนี่ย เขาจะมี ‘ตลับ’ หรือช่องให้ลมแอร์กระจายออกได้หลายทิศทางมากขึ้น พูดง่าย ๆ คือแอร์สี่ทิศทางหรือแอร์ฝังฝ้าแบบเนี้ย เขาจะ ‘ฝังฝ้า’ กลางห้องตามชื่อของมัน ให้ลมกระจายทั่วทั้งห้อง ซึ่งทำได้ดีกว่าแอร์ติดเพดานธรรมดา ไม่กินพื้นที่ห้องแบบแอร์ติดผนังทั่วไป ห้องก็จะดูเรียบหรูขึ้นได้

โดยปกติแอร์สี่ทิศทางจะมี BTU (British Thermal Unit) หรือความสามารถในการทำความเย็น ถ่ายเทความร้อนออกจากห้องที่สูงได้ถึงประมาณ 48,000 BTU แหน่ะ ซึ่งปกติก็จะเน้นเอาไปติดตามโถงนั่งเล่นของบ้าน, สำนักงาน, พื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ เป็นต้น ซึ่งปกติแล้ว แอร์สี่ทิศทางพวกนี้ก็จะมีข้อสังเกตใหญ่ ๆ เลยก็คือ ด้วยความที่ตัวมันใหญ่ และมักจะยังใช้ระบบเดิม (Non-Inverter) ทำให้แอร์กินไฟหนักมาก

ตรงนี้แหละที่ Mitsubishi Heavy Duty เข้ามาเพื่อแก้ตรงจุดนี้ นี่คือแอร์ Mitsubishi Heavy Duty FDT Series ในรุ่นรหัส FDT40YA-W1 เครื่องปรับอากาศแบบฝังฝ้าแบบ 4 ทิศทางรุ่นใหม่ของ Mitsubishi Heavy Duty ที่ประหยัดไฟกว่าเดิมด้วยระบบ Inverter แท้ทั้งระบบนั่นเอง

ซึ่งรุ่นนี้เป็นรุ่นที่มีขนาด 15,000 BTU ถือเป็นรุ่นที่ประหยัดไฟที่สุดของซีรีส์นี้เลย ด้วยค่า SEER (Seasonal Energy Efficiency Ratio) ซึ่งเป็นค่าที่ใช้สำหรับวัดประสิทธิภาพของการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศตามฤดูกาล สูงสุดอยู่ที่ 23.88 ผ่านมาตรฐานการประหยัดไฟของ กฟผ. (EGAT) อยู่ที่เบอร์ 5 สามดาวเลย คิดออกมาเป็นค่าไฟต่อปีอยู่ที่ 7,160 บาท หรือตกวันละ 19.89 บาท แต่ตัวเลขนี้คิดตามมาตรฐานของกฟผ เท่านั้น ค่าไฟของจริงอาจจะแตกต่างกันไปตามพื้นที่

ซึ่งถ้าถามว่า Inverter แล้วประหยัดไฟขนาดไหน ขอสรุปเป็นตารางเทียบค่าไฟ และค่า SEER รวมถึงฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จะเห็นเลยว่าในรุ่นขนาด 18,000 BTU นั้น รุ่นที่ใช้ Inverter ประหยัดไฟมากกว่า Non-Inverter 37.09% โดยค่า SEER เพิ่มจาก 13.92 เป็น 21.26 และขยับจากเบอร์ 5 1 ดาว เป็น 2 ดาวด้วย

ซึ่ง Inverter แท้ทั้งระบบนี้ ทาง Mitsubishi Heavy Duty เขาใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Real Inverter ประกอบด้วยชิ้นส่วนของระบบ Inverter ที่สำคัญ 4 ชิ้นส่วน สามารถควบคุมได้ทั้งอัตราการไหลของสารทำความเย็น, แผงวงจรควบคุมความเย็น (PAM), คอมเพรสเซอร์ และมอเตอร์ให้เหมาะสมได้

ด้านนอกของแอร์หลัก ๆ ก็จะมีช่องปล่อยลมทั้ง 4 ช่อง ตรงกลางนี้คือหน้ากากแอร์สำหรับทำความสะอาด หรือเปลี่ยนไส้กรอง โดยมีวางขายทั้งสีขาว (Fine Snow) และสีดำ (Shadow Black)

ส่วนด้านในของแอร์ FDT Series นี้ก็จะเหมือนกับแอร์ในตระกูลแอร์บ้านอย่างนึง คือเขาใช้ คอยล์ร้อนและคอยล์เย็น เป็นคอยล์ทองแดงแท้ 100% ซึ่งมีอายุการใช้งานยาวนานเป็น 10 ปี ทนกว่าคอยล์อะลูมิเนียมธรรมดา และพวกคอมเพรสเซอร์แอร์ของ FDT Series นี่ก็ใช้ Blue Fin ที่ทนทานต่อการกัดกร่อนมากกว่าเหมือนกัน

ถ้าเป็นคนหนาวง่าย หรือไม่ชอบให้ลมมาปะทะตรง ๆ แอร์ Mitsubishi Heavy Duty FDT Series นี้เขาก็มีฟีเจอร์ Draft Prevention Panel หรือเรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ก็บานกันลมโดนตัวนี่แหละ ตัวบานสวิงสามารถปรับแนวดิ่ง เพื่อให้เป่าลมไปโดนกำแพง และให้ลมพัดย้อนกลับผ่านพื้่นมาโดนเราแทน ซึ่งปรับได้สูงสุดถึง 6 ระดับ ผ่านรีโมทติดผนัง (ถ้าไร้สายปรับได้ 4 ระดับ)

และการตั้งค่าบานพับนี้คือเป็นอิสระทั้ง 4 ช่อง คือจะเปิดด้านเดียว ให้ด้านนึงเป่าลมเข้ากำแพง อีกด้านหนึ่งไม่ต้องเปิดใช้งานก็ได้ ทำให้สามารถเลือกจุดกระจายลมได้ว่า ด้านไหนต้องการให้แอร์ส่งลมไปตรงจุดหรือด้านไหนไม่ต้องการ ประโยชน์ของ Draft Prevention คือ ไม่ต้องซื้อครีบกระจายลมมาติดเพิ่มเอง อาหารที่ซื้อมานั่งทานในห้องไม่เย็นเร็ว ป้องกันอาการป่วยไข้ที่เกิดจากแอร์กระทบตัวโดยตรงได้

อีกฟีเจอร์ที่ชอบเลยก็คือ Auto Grill Elevator หรือหน้ากากแบบมีสลิง ที่กดแค่ปุ่มเดียว หน้ากากแอร์ก็หย่อนสลิงลงมาได้ที่ความสูงสูงสุด 4 เมตร ให้ลงมาอยู่ในระดับที่คนสามารถถอดแผ่นกรองอากาศ (ฟิลเตอร์) ไปทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น กล่าวคือ เราถอดแผ่นกรอง เอาไปล้าง หรือถอดเปลี่ยนฟิลเตอร์กรองอากาศด้วยตัวเองโดยไม่ต้องเอาบันไดมาปีนแกะอะไรเลย

หลาย ๆ คนก็คงเคยเห็นเจ้าแอร์ฝังฝ้าแบบ Mitsubishi Heavy Duty FDT Series Inverter ตามสำนักงาน หรือออฟฟิศแล้วแน่ ๆ แต่รู้ไหมว่า เดี๋ยวนี้คนก็ซื้อแอร์ฝังฝ้าไปติดห้องนั่งเล่นหรือห้องนอนที่บ้านก็มี เพื่อความสวยงาม ซ่อนแอร์ทั้งหมด ไปติดเพดานอย่างเดียว ลมกระจายทั่ว และไม่กินที่ด้วย

ถ้าสังเกตดู ตามร้านกาแฟ คาเฟ่ และร้านอาหารหลายๆ ที่เขาจะโชว์ตัวเครื่องหมดเลยแบบเปลือย ๆ (สไตล์ลอฟท์-Loft) ไม่ต้องฝังฝ้า ห้อยจากเพดานแบบข้างบนนี้ เปิดตัวเครื่องให้ดูเท่ๆ ดิบๆ เห็นท่อแอร์กันไปเลย

แอร์​ Mitsubishi Heavy Duty FDT Series Inverter ถือเป็นแอร์ที่ประหยัดไฟกว่าแบบ Non-Inverter จริง แถมยังมีฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่เรียกว่าน่าสนใจเลย

ข้อสังเกต

อย่างแรกคือฟีเจอร์หลายอย่างที่กล่าวมาไว้ก่อนหน้านี้ ต้องใช้รีโมตแบบติดกำแพงแบบมีสาย แบบไร้สายจะใช้ฟีเจอร์ได้ไม่ครบนะ ถ้าให้ฟีเจอร์มาเท่ากันจะดีกว่านี้ อีกข้อจะเป็นข้อจำกัดเกี่ยวกับ ‘แอร์ฝังฝ้า’ ในภาพรวมครับ การจะติดตั้งแอร์ฝังฝ้านั้นทำได้ค่อนข้างยาก เพราะตัวเครื่องติดตั้งซ่อนอยู่ใต้ฝ้า ถ้าสถานที่ติดก่อสร้างเสร็จแล้ว อาจจะต้องมีการกรีดฝ้า เพื่อเปิดฝ้า และควรต้องเผื่อระยะฝ้าอย่างน้อย 30 ซม. และเก็บงานภายหลังอีก กล่าวคือต้องใช้ช่างที่ชำนาญการในการติดตั้ง (ซึ่งมหาจักรและตัวแทนจำหน่ายจะช่วยจัดหาให้ได้)

ราคา

เครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Heavy Duty FDT Series ที่ใช้ระบบมอเตอร์เป็นแบบ Inverter ประหยัดไฟกว่าเดิมนี้มีหลากหลายราคาครับ โดยรุ่นที่เรารีวิวกันในวันนี้ คือรุ่น FDT40YA-W1 หรือรุ่น 15,000 BTU มีราคาเริ่มต้นที่ 52,200 บาท และไลน์อัป FDT Series Inverter นี้ มีให้เลือกถึง 7 ขนาด BTU ให้เลือกใช้ เหมาะกับห้องประเภทต่าง ๆ ตั้งแต่ 8 – 80 ตร.ม. ราคาตามนี้เลย (ขึ้นตารางราคา) เห็นราคาแบบนี้อย่าเพิ่งตกใจครับ เพราะตัวแทนจำหน่าย ดีลเลอร์ต่าง ๆ เขาก็มีราคาที่ดีกว่านี้อยู่นะ ลองสอบถามตัวแทนจำหน่ายหรือห้างสรรพสินค้าดูก่อนได้เลย

นอกจากนี้ แอร์ Mitsubishi Heavy Duty FDT Series รับประกันนาน 5 ปีทุกชิ้นส่วน โดยมหาจักร ที่นี่แหละ ซื้อแล้วอย่าลืมลงทะเบียนออนไลน์ด้วยนะ เพราะแบรนด์จะรับประกันให้เพิ่มอีก 6 เดือน เป็น 5 ปี 6 เดือนเลย อากาศกำลังร้อนแบบนี้ ใครที่อยากได้แอร์เย็น ๆ กระจายทั่วทิศทาง แต่ไม่เป่าตัวจนเป็นหวัด Mitsubishi Heavy Duty FDT Series คือทางเลือกที่ดีอีกตัวแน่นอน