[รีวิวเกม] “Rocket League” Nintendo Switch รถเตะบอลฉบับพกพา
Our score
8.7

Rocket League Nintendo Switch

จุดเด่น

  1. เกมเพลย์ลื่นไหล
  2. มีโหมดให้เล่นครบ
  3. มีรถจากเกมของนินเทนโด
  4. ราคาไม่แพง

จุดสังเกต

  1. กราฟิกถูกลดระดับลง
  2. เล่นโหมดพกพาแล้วเฟรมเรตตก
  • กราฟิกและการนำเสนอ

    8.0

  • เกมเพลย์

    9.0

  • ความแปลกใหม่

    8.5

  • ความคุ้มค่า

    9.0

  • ภาพรวม

    9.0

เรียกว่าหลังจากความสำเร็จของ Nintendo Switch ทำให้หลายค่ายเกมเริ่มสร้างเกมป้อนลงมากขึ้น และการพอรต์ก็เป็นไอเดียในการทำเกมที่ง่ายเพราะไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย โดยก่อนหน้านี้บน Switch มีทั้ง Doom 2016 และ Skyrim เวอร์ชั่นพอร์ตออกวางขาย

ล่าสุดถึงคิวเกม Rocket League ที่เคยเรียกเสียงฮือฮาบนคอนโซลและ PC ก่อนที่จะถูกพอร์ตลง Nintendo Switch โดยเป็นทีมงานเดียวกับที่พอร์ต Doom 2016 บน Switch ทำให้การมาครั้งนี้ไม่ธรรมดาแน่ และประสบการณ์แรกที่ได้เห็นเกมเวอร์ชั่น Switch ถือว่าน่าประทับใจพอสมควร เพราะมันสามารถถ่ายทอดความลื่นไหลมาได้ด้วยเฟรมเรตระดับ 60 FPS เมื่อเชื่อมต่อกับทีวีผ่าน Dock แต่ในโหมดพกพาจะมีเฟรมเรตร่วงลงบ้างแต่ก็พอรับได้ โดยรวมแล้วกราฟิกของเกมถูกลดระดับลงมา แต่หากมองว่ามันเอาไปเล่นนอกบ้านได้ก็ถือว่าดูดีพอตัว

รูปแบบการเล่นของเกมจะเหมือนกับเวอร์ชั่นอื่น ที่เป็นการจำลองการเล่นเกมฟุตบอลด้วยการใช้รถแทนคน ซึ่งทำให้ Rocket League ดูแตกต่างกับเกมอื่น ซึ่งหากคุณไม่เคยเล่นก็อย่ามองข้ามไปเพราะหากคุณเข้าใจวิธีการบังคับแล้วมันคือเกมกีฬาที่สนุกมากๆ เพราะมันมีความลื่นไหล การจับจังหวะของลูกบอลก็ลงตัวและเข้ากับรูปแบบการเล่น ซึ่งหากเล่นจนเข้าใจระบบแล้วจะสนุกจนหยุดเล่นไม่ได้เลย

ประเด็นหลักของเกมคือการนำบอลไปยังเป้าหมายที่เป็นโกลฟุตบอลในโหมดหลัก ซึ่งมันไม่ใช่ง่ายๆเพราะตัวละครหลักจะไม่ใช่คนเป็นรถหลากหลายประเภท ทำให้การนำลูกบอลกลิ้งเข้าประตูไม่ใช่เรื่องง่าย เกมมีเทคนิคที่หลากหลาย และต้องใช้การร่วมมือกันของผู้เล่นในทีม โดยรถของเราจะมีพลังพิเศษเพื่อพุ่งตัวไปด้วยความเร็วสูง แต่จะมีค่าพลังกำหนดต้องคอยเก็บตัวชาร์จเพื่อคืนค่าพลังที่อยู่บนสนาม และรถยังสามารถกระโดดได้ รวมทั้งเรายังบังคับรถให้ไต่กำแพงได้ ทำให้การซิ่งไปบนสนามแข่งทำได้หลายทิศทางมาก

ส่วนมุมกล้องของเกมที่หลายคนอาจจะกังวลว่าจะเล่นได้ลำบากเพราะต้องปรับเปลี่ยนตลอดเวลา เกมได้ใส่การปรับมุมกล้อง 2 รูปแบบคือการล็อคมุมกล้องให้หันไปที่ลูกบอลตลอดเวลา กับอีกแบบที่จะมีลูกศรบอกว่าลูกบอลอยู่ตรงส่วนไหน ซึ่งทำให้เราเล่นได้โดยไม่เกิดอาการมึนหัว โดยรวมการควบคุมบังคับทำได้ง่ายดายไม่ซับซ้อน การควบคุมบังคับด้วย Joy-con ทำได้สะดวกพอประมาณ แต่ถ้าจะให้ดีแนะนำให้ซื้อจอย Pro หรือของค่ายอื่นเช่นของค่าย Hori มาเล่นจะช่วยให้การลงสนามแข่งขันลื่นไหลยิ่งขึ้น

โหมดในเกมนอกจากจะมีการลงสนามแข่งฟุตบอล แล้วยังมีการเพิ่มโหมดการเล่นแบบ บาสเกตบอล และยังมีรูปแบบการเล่นที่ต้องแข่งกันทำให้พื้นผิวของฉากให้หายไปจนลูกบอลทะลุลงไปได้ และยังมีอีกมากมายหลายโหมดที่รอให้เราไปปลดล็อคอีกเพียบ และแน่นอนว่าต้องมีระบบออนไลน์ให้เราเล่นกันซึ่งเกมก็จัดเต็มด้วยโหมดที่หลากหลาย และการหาเพื่อนมาเล่นก็ทำได้ง่ายดาย ส่วนรถในเกมก็มีทั้งแบบธรรมดา และรถจากภาพยนตร์ดังๆอย่าง Batmobile จากหนัง Batman V Superman หรือ DeLorean จากหนัง Back to the Future (แต่ต้องเสียเงินซื้อเพิ่ม)

ส่วนความโดดเด่นของเวอร์ชั่น Nintendo Switch คือรถจากตัวละครของนินเทนโด อย่างเช่นรถ Mario , Luigi และ Metroid ที่ไม่ได้เปลี่ยนแค่รูปร่างหน้าตาเท่านั้น เสียงประกอบยังเปลี่ยนไปด้วยเช่นเมื่อรถมาริโอของเรากระโดด ก็จะมีเสียงเหมือนกับลุงหนวดมาริโอของเรากำลังกระโดด เรียกว่าเป็นของแถมที่เหมาะกับแฟนๆนินเทนโดมาก

บอกตรงๆว่าเกม Rocket League เวอร์ชั่น Nintendo Switch อาจจะไม่ได้โดดเด่นเรื่องกราฟิก แต่มันเติมเต็มด้วยการพกพาไปเล่นนอกบ้านได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งเหมาะมากสำหรับเกมที่เน้นการรวมตัวกับเพื่อนเพื่อเล่นแข่งกัน แถมด้วยราคาขายที่ไม่ได้แพงมากใครมี Nintendo Switch แล้วอยากหาเกมสนุกๆไว้ติดเครื่องเกม Rocket League ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ควรมองข้ามไป

Play video