ตอนนี้เรามี Huawei Mate 20 ทั้ง 3 รุ่นที่คนทั่วไปจะหาซื้อในเมืองไทยได้ เราจึงเปรียบเทียบให้ดูกันว่าเครื่องรุ่นไหน เหมาะกับใคร!! จริงๆ แล้ว Huawei Mate 20 Series ยังมีอีกรุ่นหนึ่งที่เป็นท็อปของท็อป สเปคสูงสุด ราคาก็แพงสุดด้วยคือ Porsche Design Huawei Mate RS แต่ยังไม่มีข้อมูลในไทยตอนนี้ เราเลยยังไม่พูดถึงนะคะ

วันนี้เราเลยมี 3 รุ่นนี้มาเล่าให้ฟังกัน Huawei Mate 20, Huawei Mate 20 Pro และ Huawei Mate 20 X

สเปคอะไรที่ Huawei Mate 20 ทั้ง 3 รุ่นนี้เหมือนกันบ้าง สเปคที่เหมือนกันคือความแรงครับ ทั้ง 3 รุ่นนี้ใช้ชิป Kirin 980 ตัวท็อปของหัวเว่ยตอนนี้เหมือนกันหมด และมี Ram 6 GB หน่วยความจำ 128 GB เท่ากันทุกตัว เมื่อทดสอบประสิทธิภาพออกมาจึงได้ความแรงพอๆ กัน คือ Geekbench 4 ได้ Multi-core ประมาณ 9900 คะแนน และ 3Dmark ชุด Slingshot Extreme ได้ประมาณ 4200 คะแนนใน Performance mode

แต่ว่าประสิทธิภาพของ Mate 20 Series ยังดีได้กว่านี้ ผ่านการปรับปรุงเฟิร์มแวร์ เพราะตัวชิปยังใหม่อยู่ ทำให้มีปัญหากับการ Benchmark หรือเกมอย่าง PUBG ก็ยังไม่สามารถเปิดโหมดภาพความละเอียดสูงได้ ที่คล้ายกันอีกอย่างหนึ่งคือการออกแบบ คือ 3 เครื่องนี้มีขนาดหน้าจอที่แตกต่างกันแหละ แต่ดีไซน์นั้นอิงพื้นฐานมาเหมือนกันคือด้านหน้าเป็นหน้าจอเกือบทั้งหมด แล้วฝาหลังเป็นกระจกโค้งรับกับฝ่ามือ แล้วมีลายเฉียง ๆ แบบนี้ ซึ่งทั้ง 3 รุ่นนี้ก็มีสีสันที่แตกต่างกันไปนะคะ อย่าง Mate 20 Pro จะมีสีเด่นเป็นสีเขียวมรกตแบบที่ลูกแก้วชอบใส่ ส่วน Mate 20 สีเด่นคือ Twilight และ Mate 20 X จะเป็นสีเงิน ซึ่งเราไม่ได้สีเด่นเหล่านี้มารีวิว เลยมีแต่เครื่องสีเข้ม ๆ มาโชว์ ซึ่งใครชอบดีไซน์แบบนี้ก็เลือก Huawei Mate 20 ได้ทั้ง 3 รุ่นเลย

แล้ว Huawei Mate 20 รุ่นไหนเหมาะกับใครบ้าง ไม่ต้องเสียเวลา ฟันธงไปเลย

ถ้าคุณเป็นเกมเมอร์ ต้องการสมาร์ทโฟนที่จดปากกาได้ หรือต้องการเครื่องที่คุ้มค่ามากที่สุด ขอแนะนำ Huawei Mate 20 X เพราะ Mate 20 X มีจุดเด่นหลายอย่างที่รุ่นอื่นไม่มี คือรุ่นเดียวที่มีระบบระบายความร้อน Huawei Cooling System ลดปัญหาเล่นเกมนาน ๆ แล้วเครื่องหน่วงเพราะ CPU ร้อนเกินไป แล้วก็เป็นรุ่นเดียวที่ใช้ปากกา M-Pen ได้ ปากกานี้รองรับแรงกด 4096 ระดับ พร้อมมีปุ่มลัดเรียกใช้งานด่วน ๆ ได้ และเป็นรุ่นเดียวที่มีลำโพงจริงจังทั้งด้านหัวและด้านท้ายครับ คือออกแบบมาสำหรับเกมเมอร์เล่นเกม หรือจะใช้ดูหนังก็ให้เสียงสเตอริโอได้ดี ซึ่งลำโพงของ Mate 20 X เป็นลำโพงที่ดังที่สุด และให้เสียงดีที่สุดในบรรดา 3 รุ่นนี้ครับ แบตเตอรี่ก็ให้มามากที่สุด 5000 mAh ส่วนกล้อง 3 ตัวก็เป็นรุ่นท็อปเหมือน Mate 20 Pro

แต่ Mate 20 X จอมันใหญ่ไปสำหรับหลาย ๆ คน สเปคจอคือ OLED ขนาด 7.2 นิ้ว เวลาอยู่ในมือนี้คือใหญ่มาก เรื่องนี้ต้องลองจับ ลองเล่นดูเองว่าขนาดจอไปใหญ่จนลำบากในการใช้รึเปล่า แต่ถ้าต้องการกล้องดีแบบ Mate 20 X ในขนาดเครื่องที่เล็กลงมาก็ต้องเลือก Mate 20 Pro ครับ ตัวนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการโทรศัพท์ที่ดูดี ดูแพง กล้องดี และมีฟีเจอร์ล้ำๆ

ดีไซน์ของ Mate 20 Pro มันดูพรีเมี่ยม จอหน้าโค้ง และจอก็สดใสคมชัดกว่าจออื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด เรื่องจอคือจุดเด่นของ Mate 20 Pro เลย มันเป็นจอ 6.39 นิ้วความละเอียด 2K+ ในขณะที่รุ่นอื่นละเอียดแค่ FullHD+ ทำให้จอของรุ่น Pro โดดเด้งกว่ารุ่นอื่น แล้วก็มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ใต้จออยู่รุ่นเดียว แต่จอโค้งก็มีข้อสังเกตเหมือนกันนะ คือหาฟิล์มหรือกระจกกันรอยติดยาก และถ้าไม่ติดฟิล์ม เครื่องรีวิวเราก็จอเริ่มเป็นรอยแล้วนี่ไง

แล้วที่ว่ากล้องของ Mate 20 Pro ดีเหมือน Mate 20 X คือยังไง คือทั้ง 2 รุ่นนี้ใช้กล้องตัวหลักความละเอียด 40 ล้าน มีกล้องซูม 3 เท่า และกล้องมุมกว้าง 0.6 เท่าเหมือนกัน พร้อม AI ช่วยคิดเวลาถ่ายภาพ คุณภาพภาพเลยดีมาก คือทีมงานเราพก Mate 20 Pro ถ่ายงานแทนกล้องใหญ่ไปเลย เพราะถ่ายได้ทั้งภาพกว้างและภาพซูม ลองดูภาพที่เราขึ้นโชว์นะครับ ถ่ายอะไรก็สวยหมดแหละ ถ่ายกลางคืนก็สวย

ส่วนเรื่องถ่ายวิดีโอ Mate 20 Pro ก็ทำได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน คือกล้องนิ่งขึ้นมาก ไม่ต้องใช้ไม้กันสั่นก็นิ่งได้ และ AI ในเครื่องยังสามารถแยกคนออกจากฉากหลังได้ ทำให้ทำหลังเบลอได้ หรือทำให้เฉพาะตัวคนที่มีสีก็ได้ นอกจากนี้กล้องหน้าของ Mate 20 Pro ยังไม่เหมือนรุ่นอื่น ๆ เพราะมีเซนเซอร์ตรวจจับใบหน้าแบบ 3 มิติมาให้ด้วย ทำให้เล่นเอฟเฟกใบหน้าตัวละครเปลี่ยนตามหน้าของเรา หรือใช้สแกนวัตถุแบบ 3 มิติได้

แล้วจุดอ่อนของรุ่นโปรมีอะไรบ้าง น่าจะเป็นเรื่องลำโพงนะ ที่ไม่ได้มีรูลำโพงแยก ใช้ช่อง USB-C นี่แหละเป็นช่องลำโพงเลย ทำให้เวลาชาร์จเสียงจะเบาลง แล้วก็ไม่มีช่อง 3.5 mm ด้วย ในขณะที่รุ่นน้องอีก 2 ตัวมีหมดเลย

มาถึงรุ่นน้องในตระกูลกันบ้าง Huawei Mate 20 รุ่นนี้ราคาถูกที่สุด มันมีอะไรที่แตกต่างจากรุ่นพี่บ้าง จุดหลัก ๆ คือกล้องกับจอครับ หน้าจอของ Mate 20 ตัวธรรมดามีขนาด 6.5 นิ้ว จอใหญ่กว่า Mate 20 Pro แต่เป็นจอ IPS-LCD เท่านั้น ไม่ใช่จอ OLED เหมือน 2 รุ่นพี่ ทำให้สีสันไม่สดใสเท่า

แล้วที่ต่างกันเยอะคือชุดกล้องหลัง ที่สเปกด้อยกว่า Mate 20 Pro กับ X ทุกเลนส์ คือเลนส์หลักมีความละเอียดแค่ 12 ล้านพิกเซล ไม่ใช่ 40 ล้านพิกเซล เลนส์ซูมก็ซูมได้แค่ 2 เท่า ไม่ใช่ 3 เท่าอย่างรุ่นพี่ แล้วเลนส์มุมกว้างความละเอียดแค่ 16 ล้านพิกเซล ไม่ใช่ 20 ล้านพิกเซลเหมือนตัวท็อป ซึ่งความแตกต่างนี้ ถ้าถ่ายกลางวันก็ไม่ได้เห็นผลมากนักนะครับ อาจจะแค่ซูมได้ไม่เยอะมากเท่านั้นเอง แต่ถ้าเทียบภาพกลางคืน ฝั่ง Mate 20 Pro และ X ให้ภาพที่คมชัดกว่า

  • Huawei Mate 20 / Ram 6 GB, Rom 128 GB
    • มี 2 สีในไทยคือ Midnight Blue และ Twilight
    • ราคา 24,990 บาท
  • Huawei Mate 20 Pro / Ram 6 GB, Rom 128 GB
    • มี 2 สีในไทยคือ Emerald Green และ Black
    • ราคา 31,990 บาท
  • Huawei Mate 20 X / Ram 6 GB, Rom 128 GB
    • แถมปากกา M-Pen เลย มูลค่า 1,090 บาท
    • มี 2 สีในไทยคือ Midnight Blue และ Phantom Silver
    • ราคา 28,990 บาท