รีวิวเกม Xenoblade Chronicles 3 หนึ่งในเกม RPG ที่ดีที่สุดบน Nintendo Switch
Our score
9.0

Xenoblade Chronicles 3

จุดเด่น

  1. รูปแบบการเล่นยังสนุกเหมือนเดิม ปรับแต่งตัวละครได้เยอะมาก
  2. มีโลกกว้างให้สำรวจ และปรับให้สมดุลขึ้น
  3. เรื่องราวสุดเข้มข้น

จุดสังเกต

  1. กราฟิกธรรมดาไปแล้วในยุคนี้
  2. โหลดนานในบางจุด

หนึ่งในซีรีส์เกม RPG ที่ Nintendo ปลุกปั้นมาเพื่อเป็นซีรีส์ประจำค่ายอย่าง Xenoblade ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2010 บน Wii และได้สานต่อมาจนถึงภาค 3 บน Nintendo Switch แม้อาจจะไม่โด่งดังเท่ากับเกมอื่น และไม่ได้ขายดีมากนักแต่ในแง่ของความสนุกถือว่ามีแบบจัดเต็มและไม่ได้ด้อยกว่าใคร

สำหรับภาคล่าสุด Xenoblade Chronicles 3 ที่ยังคงออกบน Switch อยู่และยังเป็นผลงานของค่าย Monolith Soft ที่ยังมาในแนวทาง RPG ที่มีความเป็นแอ็กชันสูง และโดดเด่นด้วยเรื่องราวของโลกแฟนตาซีรวมทั้งมีโลกกว้าง (มาก) ให้สำรวจกัน ถือว่าเป็นซีรีส์ที่ปู่นินคาดหวังว่าจะเป็น Final Fantasy ประจำค่าย ทำให้การกลับมาครั้งนี้ยังคงจัดเต็มเหมือนเดิม

ส่วนเรื่องราวในภาคนี้เกิดในโลก Aionios ที่จะเล่าผ่านมหาสงครามระหว่าง Keves ประเทศที่ใช้เทคโนโลยีจักรกล และใช้ยานเกราะหนักในการต่อสู้ กับประเทศAgnus จะเน้นใช้เทคโนโลยีที่มีพลังเวทมนตร์ ตัวละครหลักของเกมจะเป็นทหาร 6 คนที่มาจากทั้ง 2 ประเทศที่จะมีทั้ง Noah, Mio, Eunie, Taion, Lanz, Sena และยังมีตัวละครฮีโร ที่จะใช้อัปเกรดคลาสในเกมด้วย ถือว่าเป็นซีรีส์ที่ยังคงมีเรื่องราวเข้มข้นสุดดราม่าและมีการหักมุมอย่างไม่น่าเชื่อด้วย ส่วนเนื้อเรื่องยังคงมีการเขียนให้เกี่ยวข้องกับ Xenoblade ภาคก่อนด้วย

กราฟิกดูดีเท่าที่ Switch จะทำได้

หากคุณคาดหวังว่าจะเห็นกราฟิกที่พัฒนาขึ้นจาก Xenoblade Chronicles 2 หรืออยากให้มันดูดีแบบเห็นครั้งแรกก็หลงรักเลยแบบเกมบนคอนโซลอื่น ก็ขอบอกไว้ก่อนว่ามันอาจจะผิดหวังเพราะมันยังอยู่ในระดับเดียวกับภาค 2 ที่ดูดีในแบบการ์ตูน ตัวละครเป็นกราฟิกแบบเซลเฉด ที่สวยงามดีแต่ไม่ได้ใส่รายละเอียดเข้าไปมากนัก ฉากในเกมแม้จะกว้างมากแต่ก็ยังคงดูโล่ง ๆ ยังพบอาการโหลดวัตถุในฉากไม่ทันอยู่บ้าง ก็ต้องเข้าใจว่าสเปกของ Switch ไม่ได้แรงอะไรแค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว

แม้ว่าความละเอียดของเกมจะไม่ได้สูงมาก เฟรมเรตก็อยู่ในระดับ 30FPS ถือว่าพอรับได้เพราะในโหมดพกพาปรับให้ดูดีขึ้นกว่าภาค 2 แต่ส่วนที่ดีงามคือคัตซีนที่ใส่เข้ามาแบบมีคุณภาพและมีการตัดต่อทีดีทำให้การเล่าเรื่องดูดีไม่แตกต่างจากได้ชมการ์ตูนไปพร้อมกับเล่นเกม แน่นอนว่าได้นักพากย์มาให้เสียงตัวละครแบบจัดเต็ม อย่างไรก็ตามมันก็มีข้อเสียเล็ก ๆ เพราะในส่วนของเพลงประกอบทำได้เรียบไปหน่อยผิดกับภาคก่อนหน้านี้ที่มีดนตรีติดหูกว่านี้มาก

เกมเพลย์เหมือนเดิมแต่ก็สนุก

ระบบพื้นฐานในการเล่นยังคงเหมือนกับซีรีส์ Xenoblade Chronicles ที่เป็น RPG ผสมผสานความเป็นแอ็กชันเข้าไป ในเกมจะไม่มีการตัดเข้าฉากต่อสู้ทุกอย่างจะเป็นฉากเดียวกันหมด ส่วนระบบการต่อสู้จะเรียบง่ายมากเพราะตัวละครจะโจมตีแบบอัตโนมัติ ส่วนการใช้ท่าไม้ตายพิเศษจะต้องกดปุ่มเพื่อใส่คำสั่ง ที่จะใช้เพียงปุ่มเดียวเพื่อปล่อยท่าไม้ตายแต่จะใช้ต่อเนื่องไม่ได้ต้องรอสะสมค่าพลังก่อน ส่วนการเติมพลังชีวิตหรือการเพิ่มค่าในส่วนต่าง ๆ ต้องใช้ท่าพิเศษเช่นเดียวกัน

ระบบนี้เองทำให้ดูเรียบง่ายและมีความเป็นแอ็กชันสูงรวมทั้งไม่เชย และยังปรับแต่งท่าไม้ตายเพื่อลงสนามรบได้หลากหลาย ส่วนอีกความโดดเด่นของเกมคือฉากกว้างมาก และแทบจะไปได้ทั่วจริง ๆ ซึ่งในภาคนี้ก็ยังคงมีให้เราเดินกันจนเบื่อ และการท่องไปในโลกกว้างต้องปลดล็อกสกิลการเดินทางก่อนเช่นการปีนป่ายไปยังที่สูงหรือการสไลด์ตามลวดสลิง แต่โดยรวมมันก็ไม่ได้แตกต่างจากเดิมนักและดูเหมือนความซับซ้อนจะน้อยกว่าภาค 2 แต่ส่วนตัวถือเป็นข้อดีจะได้เพราะจะได้เน้นทำเนื้อเรื่องหลักมากกว่า และเนื่องจากมีฉากกว้างทำให้มีระบบวาร์ปเพื่อความรวดเร็วในการเล่น แต่ทำได้เฉพาะฉากที่เคยผ่านมาแล้วเท่านั้น

ระบบเสริมเยอะมาก

แม้ระบบจะเรียบง่ายแต่การอัปเกรดและตั้งค่าในภาคนี้ทำได้เยอะมาก เพราะผู้สร้างได้ใส่ระบบใหม่ ๆ เข้าไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจุดเด่นอย่างคลาสหรือเรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ว่าระบบอาชีพที่จะมีมาให้ใช้มากมาย และมันจะเปลี่ยนทั้งชุดของตัวละครและปรับค่าพลังให้เข้ากับอาชีพนั้น เช่นคลาสที่เน้นโจมตีจะอัดได้แรงแต่จะมีความเร็วที่ช้ากว่า หรืออาชีพที่เน้นเติมพลังจะมี HP น้อยกว่า ดังนั้นการจัดทีมเพื่อต่อสู้ต้องเน้นความสมดุลให้ดีเพราะเราจะควบคุมได้ทีละ 1 ตัวละคร ที่เหลือจะเป็น A.I. ทำให้หากเราตั้งค่าทีมไม่ดีก็อาจจะตายหมู่ได้

และระบบอาชีพจะมี Rank กำหนดและเมื่อเล่นจนได้ระดับสูงจะสามารถเอาความสามารถมาผสมกับอาชีพอื่นได้ แม้จะไม่แปลกใหม่แต่ทำให้หลากหลาย เพราะหนึ่งตัวละครจะสามารถใช้สกิลได้เยอะมาก ๆ ทำให้ปรับแต่งได้จัดเต็ม และมีจำนวนอาชีพให้ใช้เยอะมากแต่จะค่อย ๆ ปลดล็อกออกมาตามตัวละครฮีโรที่ได้มาเป็นพวก

นอกจากระบบอาชีพแล้วภาคนี้ยังเสริมด้วยการรวมร่างเป็น Ouroboros ที่ต้องใช้ 2 ตัวละครมาเปลี่ยนเป็นสิ่งที่คล้ายหุ่นยักษ์ออกมาต่อสู้กับศัตรู ที่จะมีท่าไม้ตายและโจมตีได้แรงขึ้น และยังมาให้เลือกเปลี่ยนหลายตัว แต่หากใช้แล้วเครื่องร้อนจะต้องพักก่อนไม่สามารถใช้ต่อเนื่องได้ และยังสามารถปรับตั้งค่า Ouroboros เพื่ออัปเกรดความสามารถได้เช่นกัน ถือเป็นจุดเด่นของภาคนี้ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เกมง่ายขึ้นเพราะศัตรูในเกมก็โหดไม่แพ้กัน

และด้วยความโหดของศัตรูทำให้มีการเสริมท่าประสานมาให้เราใช้งาน ที่หากต้องการใช้ต้องเก็บแถบพลังรูปวงกลมให้เต็มก่อน ที่เมื่อกดใช้แล้วจะเป็นการใช้พลังของทั้งทีมเพื่อใช้ท่าไม้ตายตามที่ผู้เล่นเลือกเพื่อโจมตีแบบต่อเนื่องเป็นคอมโบรัว ๆ ได้ที่ไม่ใช่ของใหม่แต่ก็ช่วยเสริมให้ต่อสู้กับศัตรูได้ง่ายขึ้น เพราะอย่างที่บอกว่าเกมไม่ง่ายศัตรูโหด ๆ เดินอยู่เต็มฉากไปหมดแถมบอสก็จัดเต็มเช่นกัน ยังดีที่มีโหมดง่ายมาให้เลือกด้วยทำให้มือใหม่ก็เล่นจบได้ไม่ยากนัก

อีกส่วนเสริมที่ทำให้เราอยู่กับเกมได้มากขึ้นคือระบบตั้งค่าอัปเกรดตัวละครที่ผู้สร้างยัดมาแบบจัดเต็ม และถือว่าปรับให้มีความสมดุล เพราะระบบอาวุธที่จะมาพร้อมกับระบบอาชีพเลยไม่ต้องใส่เพิ่ม ทำให้ความซับซ้อนอยู่ที่ระบบอัปเกรดตัวละครมีการเสริมด้วยการใส่เครื่องประดับที่จะส่งผลกับค่าพลังตัวละคร และยังมีการใส่อัญมณีในช่องเพื่อเพิ่มค่าพลังซึ่งเราต้องสร้างเอง เสริมด้วยระบบทำอาหารเพื่อเพิ่มพลังก่อนจะออกรบด้วย และการเอาวัตถุดิบมาสร้างสิ่งเหล่านี้หากได้ตามฉากและทำเควสย่อยทำให้เราอยู่กับเกมได้ยาวนานมาก ยิ่งมีโลกกว้าง ๆ ให้สำรวจด้วยทำให้เราอยู่กับเกมได้ยาวนานอย่างเหลือเชื่อ

การกลับมาอีกครั้งใน Xenoblade Chronicles 3 ถือว่าทำออกมาได้ลงตัว แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้สดใหม่อะไรมากมาย แต่ความสนุกยังคงมีแบบจัดเต็ม เสียดายเล็กน้อยที่เกมมีการโหลดบ่อยและโหลดแต่ละครั้งก็ยาวนานไปหน่อย ทำให้การเล่นดูติดขัดไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ข้อเสียที่เลวร้ายอะไร ใครเป็นแฟนมาตั้งแต่ภาคแรกไม่ควรพลาดอยู่แล้ว ส่วนใครจะมาเริ่มเล่นกับภาคนี้ก็ถือว่าทำได้แต่จะให้ดีไปหา 2 ภาคแรกมาเล่นก่อนจะอินกับเรื่องราวได้ดีกว่า

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส