รีวิวเกม Mario + rabbids Sparks Of Hope มาริโอ X กระต่ายสุดป่วนตะลุยจักรวาล
Our score
9.0

Mario + rabbids Sparks Of Hope

จุดเด่น

  1. เกมเพลย์สนุก ฉากออกแบบได้ดีกว่าเดิม
  2. มีตัวละครใหม่ และระบบ Sparks มาให้ใช้งาน

จุดสังเกต

  1. กราฟิกไม่ได้อัปเกรดจากภาคแรก
  2. ไม่มีโหมดเล่นกับเพื่อนแล้ว

การจับมือกันของ 2 ค่ายเกมเป็นเรื่องปรกติ แต่การนำ Super Mario ไปอยู่ในเกมของค่ายอื่นอาจจะไม่ได้เห็นบ่อยนัก เพราะเป็นที่รู้กันว่าปู่นินหวงตัวละครของค่ายมาก ทำให้การมาของ Mario + rabbids ภาคแรกที่ออกบน Nintendo Switch เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์มาก

โดย Mario + rabbids หนึ่งในซีรีส์ที่ค่าย Ubi Soft จับมือกับ Nintendo และมันสามารถนำลุงหนวดของเราไปสู่โลกที่แตกต่างกับเกมเพลย์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในซีรีส์ Mario มาร่วมมือกับกระต่าย rabbids ได้ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อจนมีการสร้างภาคต่อออกมาในปีใน Mario + rabbids Sparks Of Hope วางขายเฉพาะบน Nintendo Switch เหมือนเดิม

เรื่องราวในภาคนี้ลุงหนวดของเราต้องจับมือกับ กระต่ายสุดป่วนที่คราวนี้ขยายโลกในเกมไปใหญ่ถึงระดับจักรวาล เพราะตัวร้ายใหม่ Cursa ได้ปล่อยสารมืด Darkmess ไปทั่วอวกาศพร้อมกับไปลักพาตัว Sparks สิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการรวมตัวของ Lumas และ Rabbids ทำให้ทั้งกาแล็กซีเกิดความโกลาหล Mario และเพื่อน ๆ ต้องออกไปต่อสู้กับตัวร้ายและรวบรวม Sparks ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป

แน่นอนว่าในเมื่อภาคนี้มาพร้อมการท่องอวกาศทำให้มันอ้างอิงถึงเกม Super Mario Galaxy ทำให้มี Rosalina เวอร์ชัน Rabbids นอกจากนี้ คุปป้า มาเป็นตัวละครที่เล่นได้ด้วย แถมด้วยตัวละครใหม่อย่าง Edge กระต่ายสุดหล่อที่มาพร้อมดาบยักษ์เหมือนหลุดมาจากเกม Final Fantasy รวมกันแล้วถือว่าเพิ่มความหลากหลายของตัวละครได้มากกว่าภาคแรก

กราฟิกไม่พัฒนาแต่ไม่ได้ดูแย่

เนื่องจากมันเป็นซีรีส์ Mario ที่สร้างโดยทีมงาน Ubisoft ทำให้กราฟิกใช้ Snowdrop Engine ในการสร้างภาพ ที่ใช้มาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว แต่เวลาผ่านมา 4 ปีกราฟิกใน Sparks Of Hope ไม่ได้พัฒนาขึ้นเลย แถมบางส่วนของฉากลดรายละเอียดลงเช่นตัวละครประกอบ แน่นอนว่าภาพอาจจะไม่ใช่จุดขายของเกมนี้ แต่ความจริงน่าจะทำได้ดีกว่านี้หน่อย เพราะเกมที่ใช้ภาพแบบเดียวกันอย่าง Luigi’s Mansion 3 ยังทำออกมาได้ดีกว่านี้มาก

ส่วนที่ทั้งมาแปลกและน่าประทับใจ คือเพลงประกอบที่มีการแต่งใหม่ไม่ได้อ้างอิงจากซีรีส์ Mario เป็นการแต่งใหม่ให้เข้ากับฉากที่เป็นโลกแฟนตาซี ที่มีความแตกต่างของภูมิประเทศ และเนื่องจากธีมภาคนี้จะตะลุยอวกาศทำให้มีการใส่เพลงที่เร้าใจเหมือนกับได้ท่องไปในดินแดนที่ไม่เคยรู้จัก ส่วนเสียงพากย์มาแบบผสมผสาน เพราะบางตัวละครจะพูดไม่ได้โดยตรงมีเพียงเปล่งเสียงที่ฟังไม่ออกว่าพูดว่าอะไรประมาณหนังมินเนี่ยน แต่บางตัวละครก็มีเสียงพากย์เพื่อเล่าเรื่อง

รูปแบบการเล่นสนุกอย่างไม่น่าเชื่อ

เกมเพลย์อย่างที่รู้กันว่ามันมาแนววางแผนการรบแบบเทิร์นเบสผลัดกันโจมตีคนละตา แต่เราจะไม่ได้เดินเป็นช่อง ๆ ผู้เล่นมีอิสระในการเดินอย่างไรก็ตามมันยังถูกจำกัดไม่ได้เดินไปได้ทั่วฉาก ส่วนนี้จะคล้ายกับซีรีส์ X-com ส่วนตัวละครหลักแม้จะมาจากเกม Mario แต่จะใช้อาวุธหลักเป็นปืนพลังงานไว้ยิงศัตรู และเราต้องหาที่กำบังระหว่างเล่นด้วยทำให้มันมีความเป็นแอ็กชันสูงมาก

ความโดดเด่นอีกส่วนที่ทำให้มันดูเร้าใจกว่าเกมวางแผนทั่วไปคือแอ็กชันจาก Mario ที่มีทั้งการสไลด์ตัวเพื่อโจมตี และกระโดดไปบนตัวเพื่อนเพื่อเพิ่มพื้นที่การเดิน ที่ตัวละครจะกระโดดไปเกาะบนหุ่นผู่ช่วยเพื่อร่อนตัวไปทำให้การเล่นรวดเร็วไม่น่าเบื่อเลย บวกกับท่าไม้ตายพิเศษที่หลากหลายและมีความจำเป็นต่อการเล่นที่มีทั้งการโจมตีระยะไกลและประชิด หรือการเติมพลัง แต่ด้วยความเร็วในการเล่นทำให้เกมเพลย์ไม่น่าเบื่อเลย แม้ว่าเราจะต้องเจอการต่อสู้ค่อนข้างถี่ แต่หากวางแผนกลยุทธ์ให้ดีก็ใช้เวลาไม่นานก็ผ่านได้ ถือเป็นจุดเด่นมาต้้งแต่ภาคแรกมาคราวนี้ทำได้ดีกว่าเดิมมาก

ฉากให้สำรวจเยอะกว่าที่คิด

สิ่งที่เพิ่มมาและเป็นจุดเด่นในภาคนี้คืองานออกแบบฉาก เพราะมันทำออกมาได้ดีงามกว่าเดิมมากทั้งฉากหลักที่เป็นการเดินบนแผนที่แบบ 3 มิติเต็มรูปแบบ ที่น่าประทับใจมากคือความกว้างที่เพิ่มเติมมาจากภาคก่อน และยังมีปริศนาให้สำรวจฉากมาก บางด่านเราต้องแก้ปริศนาแบบพัซเซิลที่ซับซ้อนพอตัว หรือมีเขาวงกตมาให้เราเดินสำรวจ และยังมาพร้อมกับทางลับที่ซ่อนอยู่เพียบราวกับมันเป็นแอ็กชัน RPG แถมยังมีภูมิประเทศที่หลากหลายเพราะได้ท่องไปทั่วจักรวาล ทำให้งานออกแบบด่านแทบไม่ซ้ำกัน

หันมามองที่ฉากต่อสู้ ก็ทำได้ดีไม่แพ้กันเพราะจากเดิมมีเสียงบ่นว่าภาคแรกในฉากท้าย ๆ จะใช้รูปแบบซ้ำซากน่าเบื่อ มาคราวนี้ผู้สร้างได้คิดไอเดียแปลก เช่นอุปสรรคเป็นลมที่พัดเรากระเด็น และยังมาพร้อมกับฉากที่ปรับเปลี่ยนได้ตลอดที่กว้างกว่าเดิมมาก แต่หากเราใช้รูปแบบที่เกมใส่มาให้เป็นเช่นการมุดท่อหรือกระโดดให้เป็นก็จะใช้เวลาไม่นาน แถมบอสในเกมก็มีรูปแบบโจมตีที่หลากหลายและบางตัวต้องหาวิธีกำจัดด้วย ถือว่าคราวนี้ทีมงานทำออกมาได้ดีคิดอะไรก็ใส่มาหมด

ระบบอัปเกรดตัวละครใหม่ที่ยอดเยี่ยม

ปรกติแล้วเกมแนวนี้จะต้องมานั่งตั้งค่าอัปเกรดตัวละครจนปวดหัว แต่กับภาคนี้มีการย่อระบบเพื่อให้รวดเร็วเช่นระบบเลเวลหรืออัปเกรดสกิลที่ใช้แบบทั้งกลุ่ม ระบบอาวุธก็ไม่ซับซ้อนทำให้เราเพิ่มค่าตัวละครได้รวดเร็ว ส่วนของใหม่ที่ยอดเยี่ยมคือระบบ Sparks ที่เราใส่กับตัวละครเพื่อเพิ่มท่าพิเศษใหม่เช่นการเพิ่มพลังป้องกัน หรือสะท้อนกระสุนที่ยิงมา และเราต้องหาสะเก็ดดาวมาให้มันกินเพื่อเพิ่มความสามารถ ถือว่ากลบข้อเสียของภาคแรกได้เกือบหมด แต่น่าเสียดายที่ผู้สร้างตัดโหมดเล่นกับเพื่อนทิ้งไปทำให้ภาคนี้เล่นได้แค่คนเดียวเท่านั้น

ปิดท้ายกับระดับความยากที่แม้ว่ากราฟิกจะดูน่ารักน่าชังแต่เกมไม่ง่าย ศัตรูในเกมมีความโหดและรู้จักวางแผนเหมือนกับเราทำให้มีโอกาสพลาดตายได้อย่างง่ายดายจนหัวร้อน แต่ผู้สร้างก็ไม่ใจร้ายเพราะมีโหมดง่ายให้เล่นด้วย ถือว่า Mario + rabbids Sparks Of Hope เป็นการกลับมาครั้งที่ 2 ของซีรีส์เกมแนววางแผนที่ไม่ได้สร้างจาก Nintendo ที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม เสียดายแค่กราฟิกดูธรรมดาไปแต่มันคงไม่ใช่ส่วนสำคัญเพราะแค่เกมเพลย์ก็ดึงเราให้สนุกไปกับการท่องอวกาศของลุงหนวดกับกระต่ายสุดป่วนแล้ว

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส