รีวิวเกม Golf Nintendo Switch Sports อัปเกรดเพิ่มกีฬาที่เพิ่มความคุ้มค่า
Our score
7.5

Nintendo Switch Sports

จุดเด่น

  1. การจำลองสนามกอล์ฟที่สมจริงขึ้น
  2. ปรับแต่งให้เล่นได้ง่ายขึ้นได้

จุดสังเกต

  1. สนามแข่งน้อยไปหน่อย

หลังจากปู่นินวางขาย Nintendo Switch Sports บน Switch ไปเมื่อเดือน พฤษภาคม ที่ผ่านมาถือเป็นการกลับมาแบบอัปเกรดใหม่ของซีรีส์เกมออกกำลังกายในตำนานที่ในตอนที่วางขายมีประเภทกีฬามาให้เล่น 6 ชนิดถือว่าเยอะแต่ยังขาดชนิดกีฬาที่เคยมีบนต้นฉบับบน Wii อยู่โดยเฉพาะมวยกับ กอล์ฟที่แฟน ๆ อยากให้มี

อย่างไรก็ตามในตอนแรกที่วางขายได้มีการประกาศว่าใน Nintendo Switch Sports จะมาพร้อมกับการเพิ่มชนิดกีฬาในภายหลังหนึ่งในนั้นคือ กอล์ฟ ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2022 และล่าสุดปู่นินได้เพิ่ม กอล์ฟเข้ามาให้โหลดแล้วแบบไม่เสียเงินหากคุณมีตัวเกมต้นฉบับอยู่สามารถเข้าไปโหลดมาเล่นเพิ่มได้เลย ซึ่งเมื่อโหลดมาแล้วมันจะอยู่ในระบบเมนูตอนเลือกกีฬาเลย

กราฟิกไม่ชมไม่ได้

อย่างที่รู้กันว่าคราวนี้ Nintendo ได้เลือกใช้เทคโนโลยีการอัปสเกลภาพ FidelityFX Super Resolution มาช่วยในการสร้างกราฟิก แม้ว่าแนวของเกมที่เน้นออกกำลังกายจะไม่จำเป็นต้องสร้างภาพให้สวยก็ได้ ส่วนกีฬากอล์ฟก็มีการใช้ระบบนี้ด้วย ส่งผลให้ภาพดูดีโดยเฉพาะพื้นผิวของฉากที่สามารถจำลองต้นหญ้าได้สวยพอตัว แม้อาจจะเทียบไม่ได้กับมาตรฐานเกมยุคนี้ แต่ก็ดูดีกว่าภาคบน Wii และ WiiU อย่างมาก

เพลงประกอบส่วนใหญ่จะใช้ของเดิมที่เน้นตอนเข้าเมนู หรือตอนประกาศคะแนนการแข่งขันที่หมือนกับภาคหลักไม่ได้เปลี่ยน แต่มันจะเสริมด้วยเสียงบรรยากาศเช่นเสียงลมหรือการตีลูกก็ใส่เข้ามา แต่ตอนกำลังเล่นจะไม่มีเสียงดนตรีประกอบเน้นความเงียบซึ่งก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ภาคแรกบน Wii แล้ว ส่วนเสียงพากย์ก็มีใส่เข้ามาตอนประกาศผลหรือเมื่อเราตีลูกได้จังหวะดีจะมีการชม ซึ่งก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่เท่าที่ควรในส่วนนี้

การลงสนามที่รอคอย

กีฬากอล์ฟใน Nintendo Switch Sports แบบออฟไลน์จะแบ่งโหมดออกเป็นเล่นได้แบบ 1-4 คน (ออนไลน์เล่นได้ 8 คน) ที่เราจะได้สนุกไปพร้อมกับเพื่อนได้ และยังเลือกได้ว่าจะเล่นแบบ 3 หลุม, 9 หลุม และ 18 หลุมแบบต่อเนื่องเทียบเท่ากับการแข่งขันจริง ๆ ต่อจากนั้นจะเลือกประเภทของสนาม ที่เหมือนจะเป็นการเลือกระดับความยากที่มีแบบ รีสอร์ต ที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น

ตามด้วยแบบคลาสสิกที่เพิ่มระดับความซับซ้อนขึ้นแต่มือใหม่พอเล่นได้อยู่ และสำหรับมืออาชีพที่ชอบความท้าทายก็มีสนามพิเศษที่เพิ่มความยากขึ้น ปิดท้ายกับแบบสุ่มที่จะผสมผสานฉากทั้งแบบยากและง่ายที่ผู้เล่นจะไม่สามารถเลือกได้เอง เหมาะกับการแข่งกับเพื่อน ๆ อย่างมาก รวมทั้งหมด 21 สนามถือว่าน้อยไปหน่อย

มีความสมจริงขึ้นแต่สามารถปรับให้ง่ายได้

สิ่งที่ต้องพูดถึงคือการควบคุมบังคับที่การหวดไม้กอล์ฟที่ภาคแรกบน Wii จะใช้จอย Wii Mote ทำท่าตีแต่มันอาจจะไม่สมจริง และมีการอัปเกรดเพิ่มความสมจริงขึ้นบนภาค Wii Sport Resort ที่เพิ่มองศาของการบิดข้อมือเพื่อให้กำหนดทิศทางในการตีได้มากกว่าเดิม เพราะมีการเพิ่มอุปกรณ์ Wii Motion Plus ซึ่งบน Joy-con ของ Nintendo Switch ก็มีระบบนี้เช่นกัน

อย่างไรก็ตามการที่มีระบบการจับการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างละเอียด ส่งผลให้เกิดข้อเสียสำหรับมือใหม่เพราะเรามีโอกาสตีลูกออกนอกเส้นทางได้ง่ายมาก ยิ่งระบบจอยดีขึ้นยิ่งต้องระมัดระวังในการเคลื่อนไหวข้อมือ ซึ่งมันเป็นข้อดีสำหรับมืออาชีพก็จริงแต่ขึ้นชื่อว่าเกมออกกำลังกายกับทุกคนในครอบครัวมันอาจจะไม่ใช่ผลดีนัก

ทำให้ Nintendo Switch Sports มีโหมดช่วยเล่นทำให้การเล่นคล้ายกับ Wii Sports ภาคแรก ใครคิดถึงสมัยก่อนที่แค่หยิบจอยแล้วก็หวดลูกได้ง่าย ๆ ไม่ต้องเล็งอะไรเยอะสามารถกดเข้าไปที่เมนูแล้วเลือกเปิดระบบ Shot Assist ได้เลย นอกจากนี้ยังมีข้อดีของการเล่นด้วย Joy-con ที่ต้นฉบับไม่มีก็คือไม่ต้องใช้การตั้งค่าแบบ Wii Mote ที่ต้องเล็งที่เซนเซอร์บาร์ที่หน้าจอ และไม่มีระบบตั้งค่าด้วยการวางจอยลงพื้นก่อนแบบที่ Wii Motion Plus ต้องทำ เรียกว่าบน Switch หยิบจอยมาเล่นได้ทันที

แน่นอนว่าหากใครมี Nintendo Switch Sports ก็ต้องไปโหลดกอล์ฟมาเล่นอยู่แล้วเพราะมันฟรี แต่สำหรับคนที่ยังไม่มีและถามว่าซื้อตอนนี้คุ้มค่าหรือไม่ ก็ตอบง่าย ๆ ว่าคุ้มมากเพราะมันคือการรวมเอา 7 ชนิดกีฬาที่เล่นได้สนุกแถมได้ออกกำลังกายด้วย แถมผู้สร้างยังเพิ่มการปรับตั้งค่าที่ทำให้ผู้เล่นไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือคอเกมตัวจริงสนุกไปกับการเล่นได้ แนะนำให้ไปหามาเล่นช่วงปีใหม่ก็ถือว่าเหมาะกับงานปาร์ตี้ด้วยเช่นกัน

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส