[รีวิวเกม] “Ninja Must Die” วิ่งไม่พักคือวิถีนินจาของชิโนบิหัวไม้ขีด !!
Our score
6.2

[รีวิวเกม] “Ninja Must Die” วิ่งไม่พักคือวิถีนินจาของชิโนบิหัวไม้ขีด !!

จุดเด่น

  1. เป็นเกม Endless Run ที่มีบอสไฟต์ และทำออกมาได้สนุกดี
  2. ต่อ 1 การเล่นใช้เวลาเล่นไม่ค่อยนานนัก
  3. เหมาะสำหรับเล่นเพลิน ๆ ฆ่าเวลา

จุดสังเกต

  1. ไม่รองรับภาษาไทย
  2. ตัวเกมยังขาดความน่าดึงดูดให้อยากพัฒนาตัวละครเท่าที่ควร

อีก 1 แนวเกมที่อยู่คู่และเป็นที่นิยมตลอดกาลสำหรับแพลตฟอร์มมือถือก็คงหนีไม่พ้นเกมแนว Endless Run ที่มักจะนำเสนอเกมเพลย์ที่เน้นไปทางเล่นง่าย ๆ สามารถหยิบเปิดมาเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งในยุคนี้เกมแนวนี้ได้ถูกพัฒนาและมีการดีไซน์การนำเสนอออกมาหลากหลายรูปแบบเพื่อไม่ให้ผู้เล่นรู้สึกเบื่อกับเกมแนวนี้ และเกม Ninja Must Die ที่ผมได้นำมารีวิวในวันนี้ก็ถือว่าเป็นอีก 1 เกมที่นำเสนอแนวเกมที่มีอยู่ล้นตลาดแบบนี้ให้ออกมาเป็นสไตล์ของตัวเองได้อย่างชัดเจน ทั้งในแง่ของเกมเพลย์และงานภาพเลย

สามารถดาวน์โหลดเกมมาเล่นได้ที่ iOS / Androi

Ninja Must Die – new version PV

Ninja Must Die คือเกมแนว Endless Run มุมมอง Side Scrolling (ด้านข้าง) หรือนิยามของเกมแนวนี้ก็คือเกมวิ่งไปข้างหน้าอย่างไร้ที่สิ้นสุด โดยที่คอนเซ็ปต์ของเกมนี้จะมีทั้งสตอรี่โหมดที่คุณจะต้องวิ่งออกผจญภัยไปในโลกของนินจาเพื่อตามหาปริศนาและความลับต่าง ๆ มากมายตามวิถีของชิโนบิ และคอนเทนต์เสริมอื่น ๆ ที่ใส่เข้ามาชาเลนจ์สกิลเพลย์ของผู้เล่น ซึ่งทุกสมรภูมิการวิ่งของผู้เล่นจะเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมายทั้งกับดัก ศัตรู รวมไปถึงบอสประจำพื้นที่ต่าง ๆ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถใส่เข้ามากับเกมวิ่งแหลกแบบนี้ได้

เกมเพลย์ว่องไว สไตล์นินจา

สำหรับรูปแบบเกมเพลย์ของเกมนี้ถ้าคนที่เคยผ่านเกมแนว Endless Run มาบ้างอย่างเกมในตำนานอย่าง temple run ก็น่าจะพอเดาออกว่ารูปแบบเกมเล่นของเกมนี้จะเป็นยังไง ถ้าให้อธิบายให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็คือตัวละครของเราในเกมนี้จะทำการวิ่งไปข้างหน้าเองไปเรื่อย ๆ แบบอัตโนมัติ ผู้เล่นจะมีหน้าที่ในการหลบสิ่งกีดขวาง เก็บไอเทม และทำการต่อสู้ด้วยตัวเองทั้งหมด และพอนำเสนอเกมแนวนี้ผสมผสานกับคอนเซ็ปต์นินจาทำให้เกมเพลย์ของเกมนี้ค่อนข้างไวและอาศัยไหวพริบในการหลบหลีกสูงพอสมควรเลย ทั้งศัตรู กับดัก คือมากันแบบถี่ ๆ มาก กดหลบกันจนปวดนิ้วอ่ะบอกเลย

เมื่อถึงเวลาสู้ก็ต้องสู้!!

ดูเหมือนว่าผู้พัฒนาจะรู้ว่าถ้าให้ผู้เล่นแค่เข้ามาวิ่งหลบ ๆ อย่างเดียวตัวเกมคงจะน่าเบื่อ ซ้ำยังเป็นนินจาประสาอะไรทำได้แค่หลบหลีก เพราะฉะนั้นตัวเกมจึงใส่ระบบสกิลติดตัวมาให้ผู้เล่นสามารถใช้ได้ด้วย ซึ่งสกิลเหล่านี้เราจะสามารถกดใช้เพื่อทำลายสิ่งกีดขวางข้างหน้าได้แทบจะทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นกับดักหรือศัตรู แต่ทว่าข้อควรระวังของการใช้สกิลเหล่านี้คือจะมาพร้อมกับระยะเวลาคูลดาวน์ที่นานเอาเรื่อง เพราะฉะนั้นแนะนำให้กดใช้สกิลแค่เฉพาะช่วงเวลาฉุกเฉินเท่านั้นจะดีที่สุด อย่างเช่นเจออุปสรรคที่หลบยาก ๆ เป็นต้น

มีบอสให้สู้

ค่อนข้างพบเห็นได้ยากสำหรับเกมแนวนี้ที่จะมีระบบบอสไฟต์ใส่มาให้เราเล่นด้วย ซึ่งฉากบอสไฟต์ในเกมนี้ที่ตัวเกมดีไซน์ออกมาให้เราเล่นในแบบของแนวเกม Endless Run ถือว่าทำออกมาได้ครีเอตดี แม้ตัวละครเราจะไม่สามารถออกท่าทางต่อสู้ได้แบบเรียลไทม์ แต่ก็ถูกทดแทนด้วยระบบต่อสู้ที่ตัวเกมได้ออกแบบให้ยังคงคอนเซ็ปต์ของแนวเกมได้อย่างยอดเยี่ยม คือวิธีทื่เราจะสามารถทำดาเมจต่อบอสในเกมนี้ได้นอกจากสกิลติดตัวที่มีระยะเวลาคูลดาวน์ที่นานแล้วนั้น ระหว่างที่เราวิ่งอยู่จะมีไอเทมพิเศษลอยมาให้เราเก็บเรื่อย ๆ ที่หากเราเก็บได้เราจะสามารถโจมตีบอสได้ แต่ทว่าไอเทมเหล่านี้ก็ไม่ได้ลอยมาให้เราเก็บแบบถี่ ๆ ซ้ำยังเราต้องคอยหลบการโจมตีของบอสอีก และถ้าหากเราเก็บไอเทมพวกนี้ไม่ได้ ระยะเวลาที่เราต้องสู้กับบอสก็จะยืดออกไปอีก ทำให้เรามีโอกาสพลาดตายบ่อยมาก ๆ ถือว่าบอสไฟต์ของเกมนี้ทำออกมาได้ท้าทายดี และเล่นสนุกใช้ได้เลยล่ะ

ระบบอาวุธที่จะมาพร้อมสกิลเฉพาะตัว

และสิ่งเดียวที่จะเป็นตัวช่วยให้ทุกการวิ่งของคุณง่ายขึ้นในเกมนี้ก็คืออาวุธประจำกายของนินจาเนี่ยแหละครับ ซึ่งระบบอาวุธในเกมนี้ประโยชน์หลัก ๆ ของมันเลยก็คือสกิลที่ติดมากับอาวุธที่จะมีส่วนช่วยในการเคลียร์อุปสรรคยาก ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม แต่ส่วนตัวคิดว่าอาวุธของเกมนี้มันไม่ค่อยโดดเด่นเท่าที่ควรนัก เพราะจากที่ผมเล่นมาไม่ว่าอาวุธจะเทียร์ไหน เลเวลไหน มันก็แทบจะไม่ต่างกันเลย เพราะสุดท้ายสกิลที่ติดมากับอาวุธมันก็เคลียร์อุปสรรค์ได้ทั้งนั้น ส่วนใหญ่จะเห็นผลตอนทำดาเมจกับบอสซะมากกว่า แต่ก็นะอย่างที่ผมบอกไปข้างต้นว่าสกิลมันคูลดาวน์ค่อนข้างนาน เลยใช้ประโยชน์กับสิ่งนี้ตอนต่อสู้ได้ไม่ค่อยบ่อยนัก

มีตัวละครพิเศษให้หามาเล่น พร้อมกับคอนเทนต์และมินิเกมสำหรับแก้เบื่อ

สำหรับคอนเทนต์หลัก ๆ ของเกมนี้ผู้เล่นจะต้องวิ่งไปผจญภัยและเคลียร์ด่านเป็นด่าน ๆ ไปตามสตอรี่โหมด ซึ่งเอาจริง ๆ การวิ่งในโหมดสตอรี่ค่อนข้างจะสั้นมากถ้าไม่นับด่านที่มีบอสประจำวิ่งแค่ 2-3 นาทีก็สามารถเคลียร์ได้แล้ว แต่สำหรับใครที่ต้องการชาเลนจ์ตัวเองอยากวัดสกิลเพลย์ว่าเราจะสามารถวิ่งไปได้ไกลแค่ไหนก่อนที่จะตายตัวเกมก็มีคอนเทนต์เสริมที่เป็นแก่นหลักของเกมแนว Endless Run คือวิ่งไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะตายเพื่อแข่งขันกันทำระยะทางในการวิ่งแข่งขันกับผู้เล่นคนอื่น ๆ ด้วย

นอกจากนี้ตัวเกมยังมีตัวละครอื่น ๆ ให้ปลดล็อกมาเล่นมากมาย ซึ่งแต่ละตัวนอกจากจะได้ความเท่แล้วนั้น สเตตัสพื้นฐานก็จะมีความเก่งกาจที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย แต่ทว่าหากคุณเป็นสายฟรีก็อาจจะต้องใช้เวลานานหน่อยถึงจะสามารถปลดล็อกตัวละครเหล่านี้มาเล่นได้

สรุป และ ข้อสังเกต

ค่อนข้างน่าเสียดายนาน ๆ ทีจะได้เห็นระบบต่อสู้ถูกใส่เข้ามาในเกมแนวนี้ แต่ทว่ามันยังกลับไปได้ไม่สุดทางสักเท่าไหร่ เพราะนอกจากบอสไฟต์แล้วการออกเดินทางแต่ละรอบก็ยังคงให้ความรู้สึกว่านี่เป็นแค่เกมวิ่งหลบสิ่งกีดขวางเท่านั้น นั่นจึงทำให้เราไม่ค่อยอยากจะโฟกัสเรื่องระบบอาวุธหรืออัปเกรดตัวละครเท่าที่ควรจะเป็น เหมือนแค่เก่งขึ้นเพื่อกันเราพลาดบ่อยเฉย ๆ เพราะเอาเข้าจริงถ้าหลบสิ่งกีดขวางได้หมดอัปตัวไปก็ไร้ค่า

ทำให้เกมนี้น่าจะเหมาะกับคนที่กำลังมองหาเกมไว้สำหรับเล่นฆ่าเวลาเฉย ๆ เท่านั้น ด้วยตัวเกมที่เล่นจบไวในแต่ละรอบ บวกกับระบบควบคุมที่ไม่ค่อยซับซ้อน มีความท้าทายในระดับที่กำลังดีไม่ยากไม่ง่ายจนเกินไป เน้นเปิดมาเล่นเพลิน ๆ นี่ก็ดูจะเป็นเกมที่ตอบโจทย์ตรงจุดนั้นดีเหมือนกัน

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส