รีวิวเกม Xenoblade Chronicles Definitive Edition ตำนานเกม RPG เทพของนินเทนโด

Release Date

29/05/2020

Platform

Nintendo Switch

แนวเกม

Action role-playing

ผู้พัฒนา

Monolith Soft

ผู้จัดจำหน่าย

Nintendo

รีวิวเกม Xenoblade Chronicles Definitive Edition ตำนานเกม RPG เทพของนินเทนโด
Our score
9.0

จุดเด่น

  1. โลกกว้างๆให้สำรวจ
  2. ระบบของเกมเข้าใจง่ายสนุก
  3. การต่อสู้ในเกมทำได้ยอดเยี่ยม
  4. เพลงประกอบสุดยอด

จุดสังเกต

  1. กราฟิกอัพเกรดมาไม่มากพอ
  2. โหมดพกพาภาพความละเอียดต่ำมาก
  3. ภารกิจเสริมซ้ำซากไปหน่อย
  • กราฟิก

    8.0

  • เกมเพลย์

    9.2

  • เพลงประกอบ

    9.4

  • ภาพรวม

    9.3

ถ้าคุณคิดว่าค่าย นินเทนโด ไม่มีเกมแนว RPG ฟอร์มดีอยู่ในสังกัด แปลว่าคุณไม่เคยเล่น Xenoblade Chronicles โดยต้นฉบับออกครั้งแรกบน Wii และวางขายในปี 2010 และมีการสร้างลง New Nintendo 3DS ในเวลาต่อมา และหากใครเคยเล่นจะจำได้ว่ามันได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก

โดย Xenoblade Chronicles ต้นฉบับหากไม่นับกราฟิกได้รับการยกย่องว่าเป็นเกม RPG ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคนั้น และถึงขนาดได้รับการยอมรับให้เป็นเกม RPG ประจำค่ายนินเทนโด ที่สามารถนำไปเทียบกับ Final Fantasy ได้เลยด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามยอดขายของต้นฉบับบน Wii ไม่ได้มากมาย แต่หลังจากนั้นก็มีภาคต่อออกมา และประสบความสำเร็จมากกว่า

และล่าสุดกับการมาของ Xenoblade Chronicles Definitive Edition ฉบับรีมาสเตอร์แบบปรับปรุงภาพบน Nintendo Switch ทำให้ฝันที่เป็นจริงสำหรับแฟนเกม เพราะเราจะได้เล่นเกมในรูปแบบที่สวยงามมากขึ้น เพราะฉบับ Wii กราฟิกในเกมเป็นจุดอ่อน และยังมาพร้อมกับหลายสิ่งหลายอย่างเช่นเรื่องราวเสริมที่จะมาเติมเต็มความสุดยอดของเกมอีกครั้ง

กราฟิกปรับเปลี่ยนให้ดูดีขึ้นแต่ยังไม่สุด

แน่นอนว่าในเมื่อเป็นเกมรีมาสเตอร์ ก็ต้องมีการปรับภาพใหม่ และ Xenoblade Chronicles Definitive Edition ก็มีการปรับภาพในความละเอียดที่คมชัดขึ้น เพราะบน Wii มีความละเอียดต่ำมาก ส่วนบน Switch เมื่อเล่นบนจอทีวีผ่าน Dock ภาพถือว่าใช้ได้ อย่างไรก็ตามปัญหาของการเล่นแบบพกพาที่ความละเอียดจะลดต่ำลงมาก ไม่ถึง HD ด้วยซ้ำในบางจุด ซึ่งเป็นปัญหาที่ยังคงพบเจอ แต่ส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาเพราะรับได้อยู่แล้ว และโลกของเกมที่มีความกว้างใหญ่มากทำให้กราฟิกระดับนี้ถือว่าดีแล้ว แต่อย่าคาดหวังว่าจะเทียบอะไรกับภาพในเกมยุคนี้ได้เป็นเพียงแค่การปรับภาพ และปรับเปลี่ยนกราฟิกของตัวละครใหม่ในบางจุดเท่านั้น

เพลงประกอบในตำนาน

ดนตรีประกอบของเกม Xenoblade Chronicles เวอร์ชั่นรีมาสเตอร์ได้นำต้นฉบับมาทำเสียงใหม่ด้วย ไม่ได้ยกของเดิมมาทั้งหมด และความยอดเยี่ยมของดนตรีประกอบยังคงตรึงใจ เพราะเป็นผลงานของคุณ Yoko Shimomura ที่งานในช่วงหลังของเธอคือ Final Fantasy 15 รวมทั้งเกม Kingdom Hearts และเพลงใน Xenoblade เป็นอีกหนึ่งผลงานสร้างชื่อของเธอ เพราะเต็มไปด้วยเพลงที่ไพเราะติดหู และอลังการงานสร้างรวมทั้งเสียงพากย์ที่ได้ทั้งนักแสดงและนักพากย์มืออาชีพมาให้เสียง ซึ่งในปัจจุบันดาราบางคนกลายเป็นดาราดังไปแล้ว โดยรวมในส่วนของเพลงประกอบทำให้มันเป็นหนึ่งในข้อดีที่ไม่แพ้เกมยุคปัจจุบันเลย

เกมเพลย์มันคือ RPG ที่สนุกเข้าใจง่าย

รูปแบบการเล่นของ Xenoblade Chronicles Definitive Edition เหมือนกับต้นฉบับ ที่เป็นเกมแนว open world action RPG แบบใส่คำสั่งที่เป็นแถวเรียงกันที่ด้านล่างเป็นภาพ และเราจะเลือกใช้ที่มีทั้งท่าไม้ตาย รวมทั้งการเติมพลัง ส่วนการโจมตีปรกติจะเป็นแบบอัตโนมัติ ที่เมื่อเจอศัตรูแล้วตั้งท่าพร้อมโจมตีจะอัดศัตรูโดยไม่ต้องใส่คำสั่งอะไร และนอกจากท่าของแต่ละตัวละครแล้ว ยังมีท่าไม้ตายพิเศษที่เป็นท่าที่ต้องรวมพลังทั้งทีม ที่ถือว่าผู้สร้างทำออกมาได้ดีเพราะย่นย่อเมนูในเกมให้เข้าใจง่ายไม่มีอะไรต้องยุ่งยากอีกต่อไป

ระบบของเกมก็ไม่ธรรมดา เพราะแม้จะดูตัดอะไรไปในรูปแบบเมนูที่ไม่ยุ่งยาก แต่ระบบการอัปเกรดตัวละครก็มีทั้งแบบสกิล และเพิ่มการเชื่อมต่อกับตัวละครด้วยกัน และการสร้างอัญมณีเพื่อนำมาใส่กับอาวุธเพื่อเพิ่มพลังค่าตัวละคร ทำให้เกมมีอะไรให้ตั้งค่าไม่แตกต่างจากเกมแนว RPG เกมอื่น แต่ระบบไม่ยุ่งยากเกินไปและใช้เวลาไม่นานในการทำความเข้าใจ แต่ก็มีอะไรให้ทำไม่น่าเบื่อ

โลกกว้างระดับ GTA ยังอาย

เกม Xenoblade เป็นหนึ่งในความน่าทึ่งที่ผู้สร้างเกมชาวญี่ปุ่นพยายามจะสร้างเกมแนว Open World ที่มีฉากกว้างมาก และเกมนี้ก็ทำได้อย่างไม่น่าเชื่อแม้จะออกวางขายบนคอนโซลที่ไม่ได้แรงอะไร เพราะตั้งแต่ต้นฉบับบน Wii ใครได้เล่นจะรู้ว่าฉากในเกมกว้างอย่างมาก แม้ว่าอาจจะไม่ได้ไปได้ทุกที่ และก็มีฉากโล่งๆอยู่หลายส่วนที่ไม่ได้มีรายละเอียดอะไร แต่หากคุณชอบเดินสำรวจแล้วมันคืออีกจุดเด่นของเกมที่ทำให้เราท่องไปในโลกแฟนตาซี ได้แบบไม่มีเบื่อ โดยเฉพาะงานออกแบบที่ทำออกมาสร้างสรรค์และสวยแปลกตามาก เรียกว่าเราจะได้ใช้โหมดการถ่ายภาพบน Switch เพื่อจับภาพงาม ๆ ไปตลอดเกมกันเลย

ส่วนความแตกต่างเล็กน้อยคือเกมแบ่งออกเป็นตอน ๆ ที่ไม่ค่อยเห็นในเกมแนวโลกอิสระ ส่วนการท่องไปในโลกกว้าง ๆ มีทั้งภารกิจหลักที่ไม่ต้องกลัวว่าจะหลงทางเพราะมีระบบนำทางแบบละเอียดและเข้าใจง่ายมาก เพราะบน Switch มีการปรับให้ดีขึ้น แต่ก็มีข้อเสียเล็กๆที่ภารกิจย่อยของเกมไม่ค่อยโดดเด่นนัก และใช้ไอเดียซ้ำ ๆ กันบ่อยไปหน่อย ซึ่งส่วนนี้ได้รับการปรับปรุงใน Xenoblade 2 บน Switch ไปแล้ว

เนื้อเรื่องดีน่าติดตามมีหักมุม

เรื่องราวเริ่มต้นที่ตัวเอก shulk ผู้ได้พลังมาจากดาบแห่ง Monado และต้องออกเดินทางเพื่อต่อสู้กับพวกจักรกล ที่เนื้อเรื่องไม่ได้ตามสูตรหรือน้ำเน่า มีอะไรให้ประหลาดใจอย่างไม่น่าเชื่อ โดยฉากหลังในเกมเกิดจากเทพขนาดยักษ์ทั้งสององค์ต่อสู้กัน และฉากในเกมคือบนตัวเทพที่เราต้องเดินทางไปยังส่วนตัวขนาดยักษ์ที่มีภูมิประเทศที่แตกต่างกัน โดยตัวเอกของเราจะมีความสามารถเห็นอนาคตที่เลวร้าย หากมีตัวละครตัวไหนจะตายทำให้ระหว่างต่อสู้เราสามารถช่วยเพื่อนร่วมทีมได้ นอกจากนี้เกมมีโหมดการสร้างสายสัมพันธ์ของตัวละครตามจุดต่าง ๆ ในเกมที่ผู้เล่นสามารถเลือกเองได้ด้วย

เกมมีความท้าทาย (แต่มีโหมดง่าย)

แม้จะอยู่บนคอนโซลของนินเทนโด แต่ผู้สร้างก็ไม่ได้ทำเกมให้ง่าย Xenoblade Chronicles ยากพอสมควร เพราะเกมใช้เวลาจริงในการเล่น และศัตรูสามารถอัดเราตายได้ง่ายๆรวมทั้งในโลกกว้าง ๆ มีพวกเลเวลสูง ๆเพียบ หากเดินไม่ดูตาม้าตาเรือให้ดี ก็รับประกันได้ว่าโดนตบตายง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม Definitive Edition มีโหมดสำหรับมือใหม่ให้เลือกเล่น แต่มันก็ไม่ได้ง่ายมากจนหลับตาเล่นก็จบนะ และหากคุณมี Save ของ Xenoblade 2 จะได้โบนัสเป็นเงินพิเศษตอนเริ่มเกมเลย

ปรับให้สนุกยิ่งขึ้น พร้อมส่วนเสริมเพิ่มเข้ามา

และนอกจากโหมดง่ายแล้ว เกมมีเนื้อเรื่องเสริม ที่ไม่ต้องซื้อเพิ่ม ที่เรื่องราวที่จะนำไปสู่อนาคตของเกม และเล่นได้อีกราว ๆ 10 ชั่วโมง รวมเรื่องหลักที่ใช้เวลาประมาณ 30 กว่าชั่วโมงแล้ว ถือว่าเกมยาวคุ้มค่าที่จะเล่นมาก รวมทั้งระบบต่างๆเช่นการตั้งค่าเมนูมีการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยเข้าใจง่ายมากขึ้น รับประกันว่าไม่เชยแม้ว่าต้นฉบับจะเป็นเกมที่ออกมา 10 ปีแล้วก็เล่นได้สนุก

สรุปมันคือหนึ่งในเกม RPG ที่ดีที่สุดบน Nintendo Switch

Xenoblade Chronicles Definitive Edition เป็นการกลับมาที่ถูกที่ถูกเวลา เพราะเครื่อง Nintendo Switch ขายดีอย่างมากในตอนนี้ และต้นฉบับถือว่าเป็นเกมยอดเยี่ยมอยู่แล้ว และได้นำมาปรับภาพให้เข้ากับยุคสมัย และปรับให้ระบบเข้าใจง่าย รวมทั้งการพกพาไปเล่นที่ไหนก็ได้ทำให้หากคุณเป็นแฟนเกมแนว RPG แล้วมันคือหนึ่งในสิ่งที่คุณไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส