[รีวิวเกม] Black Mesa ชุบชีวิตเกม FPS ในตำนาน เพื่อสาวก Half-Life โดยเฉพาะ
Our score
9.0

จุดเด่น

  1. เป็นเกม FPS เนื้อเรื่องเข้มข้น
  2. อารมณ์ในการเล่นหลากหลาย ไม่เบื่อ
  3. ศัตรูที่มีระดับสติปัญญาแตกต่างกัน การต่อสู้กับคอมที่มีมิติ

จุดสังเกต

  1. กราฟิกยังตกยุคอยู่
  2. ยังมีอาการ Motion Sickness ขณะเล่น

ถ้าจะพูดถึงเกม FPS สุดโด่งดัง แต่ไม่เคยไปถึงภาค 3 เชื่อว่าเกมเมอร์เดนตายหลายคนคงต้องนึกถึง Half-Life อย่างแน่นอน แล้วถ้าบอกว่ามีเกมที่ใช้ Source Engine จากเกมนี้มา Remake เป็นเกมที่ใหม่กว่าล่ะ นั่นแหละ ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง เรากำลังพูดถึง Black Mesa กันอยู่ และเราจะมาลองเล่นกัน

Half-Life Black Mesa

Half-Life สู่ Black Mesa

ถ้าพูดถึงเกมรุ่นบุกเบิกที่ทำให้เกมแนว FPS เป็นที่นิยม ด้วยแอ็กชันสนุกเร้าใจประกอบกับความเข้มข้นของเนื้อหา คงไม่มีใครไม่รู้จักเกม Half-Life อย่างแน่นอน และเมื่อเป็นเกมดีขึ้นหิ้งเมื่อนานมาแล้ว แม้จะดีแค่ไหน ก็ยากที่จะให้เกมเมอร์ใหม่ ๆ กลับไปเล่น ด้วยกราฟิกเก่าเกินบรรยาย เลยค่อนข้างน่าเสียดาย

แต่พอมี Half-Life 2 ก็มีระบบ Source Engine ที่เปิดให้คนเอาไปทำ mod และก็มีคนที่รัก Half-Life ภาคแรกมาก ๆ ได้เอา Source Engine ของภาคสองนี้มาสรรสร้างให้เกิดเป็นฉากของภาคแรกทั้งหมด จนทาง Valve (เจ้าของลิขสิทธิ์) เกิดต้องตาต้องใจ เชื้อเชิญทีมคนทำไปดูงานที่บริษัทเสียเลย จากนั้นทางทีมผู้จัดทำจึงได้พัฒนากลายเป็นเกม Black Mesa ขึ้นมา และกลายเป็นตัวแทนของ Half-Life ภาคแรกที่สมบูรณ์ขึ้น โดยการต่อยอดเรื่องราวจากภาคแรกและปรับปรุงฉากบางฉากที่หวนให้นึกถึง Half-Life ในแบบที่ใคร ๆ อยากให้เป็น

เนื้อเรื่องจัดว่าเอาใจแฟนเกม Half-Life อย่างมาก

เกมนี้เป็นเกม FPS เดินยิงแบบบุคคลที่หนึ่งที่ไม่ได้เน้นแค่ฉากแอ็กชัน แต่ผนวกกับเนื้อเรื่องที่เข้มข้นเอาไว้ด้วย เราสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับ NPC ที่มีอยู่ในเกมได้หลากหลาย และตัวเนื้อหาจะไม่หนีจาก Half-Life มาก ดังนั้นถ้าใครที่ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างของเจ้าเกมยุคเก่านี้แต่ไม่ไหวกับกราฟิกโบราณ เกมนี้จึงเปิดโอกาสให้ได้สัมผัสประสบการณ์นั้นด้วยกราฟิกที่ดีขึ้น

โดยในเกมเราจะรับบทเป็นนักวิทยาศาสตร์ในโครงการที่ชื่อว่า Black Mesa ที่กำลังทดลองเพื่อเปิดประตูมิติในการเดินทางไปที่ต่าง ๆ แต่กลับควบคุมไม่ได้ ทำให้เอเลียนโผล่ออกมาจากประตูและทำร้ายผู้คน สิ่งที่เราต้องทำคือหาทางออกจากฐานลับที่เป็นฐานวิจัย (นึกภาพฉากรวงผึ้งใน Resident Evil ได้เลย) ระหว่างนั้นก็ต้องพยายามติดต่อคนข้างนอกให้เข้ามาช่วยเหลือ แต่คนข้างนอกกลับไม่อยากให้เรารอด คืออยากให้เราตายไปกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั่นแหละ เลยส่งคนมากำจัดเราทิ้งแทน (อันนี้ยิ่งคุ้นไปอีกกกกก) สรุปคือเอเลี่ยนก็ต้องหนี แถมคนที่หวังให้มาช่วยก็จะมาฆ่า ปวดหัวแท้!

การเล่นที่โดดเด่น หลากอารมณ์ เอร็ดอร่อย

หัวข้องง ๆ เหมือนไม่ได้รีวิวเกม คือเกมนี้ไม่ใช่เกมที่ผู้เล่นมีหน้าที่แค่เดินหน้ายิงตามจริตเกม FPS อื่น ๆ แต่มีเนื้อเรื่องให้เสพ มีการปรับมู้ดและโทนของตัวเกมไปเรื่อยเพื่อพลิกอารมณ์ของผู้เล่นไปมาได้อย่างกลมกล่อม เอร็ดอร่อย

ยกตัวอย่างคือ ตอนแรกเกมอาจโยนฉากที่เราต้องหลบหนีเอาตัวรอดสไตล์เกม Survival Horror แต่เล่นไปเล่นมา บทจะตัดเข้าฉากแอ็กชันก็บู๊กันแหลกลาญ จากนั้นเกมก็จะดำเนินเรื่องเข้าสู่โหมดหลบหลีก Survival Horror อีก วน ๆ กันไป เรียกได้ว่าสลับอารมณ์จนคนเล่นลืมเบื่อ

ที่น่าสนใจคือศัตรูในเกมจะมีภูมิปัญญาแตกต่างกันไป มีตั้งแต่เอเลี่ยนโง่ ๆ ที่ตรงรี่มารับกระสุนเราอย่างเดียว ไปจนถึงเอเลียนที่รู้จักการหลบหลีก และหลบหนีเมื่อเราเริ่มได้เปรียบ ส่วนศัตรูที่เป็นมนุษย์นี่แล้วใหญ่ เพราะศัตรูเหล่านี้จะเข้ามาสู้กับเราด้วยแผนการรบที่ชาญฉลาดขึ้นมาจากเหล่าเอเลียน คือรู้จักวิธีควบคุมพื้นที่เรา การไม่สู้ซึ่ง ๆ หน้าใช้การปาระเบิดแทน หรือแม้กระทั่งลอบเข้ามาโจมตีเราจากด้านหลังได้ด้วย เวลาตัดเข้าแอ็กชันและต่อสู้ เราจึงต้องคิดหาวิธีรับมือกับศัตรูในลักษณะต่าง ๆ การต่อสู้ในเกมนี้จึงมีมิติอย่างไม่น่าเชื่อ

กิมมิกกับระบบฟิสิกส์ที่น่าสนใจ

ด้วยความที่เกมนี้ใช้ Source Engine ของ Half-Life 2 ก็ทำให้พ่วงระบบฟิสิกส์เสมือนจริงเข้ามาด้วย เช่น การลอยหรือจมของวัตถุ บางฉากที่ตัวละครของเราต้องแก้ Puzzle นิดหน่อย เช่นการหาทางข้ามไปอีกฝั่ง เราต้องทำให้แท่นที่จมน้ำอยู่ลอยขึ้นมาเชื่อมเป็นทาง ก็ต้องไปหาถังลอยน้ำมาหนุนใต้แท่นให้แท่นลอยขึ้น แล้วถึงจะไปต่อได้ เป็นต้น

มุมมองบุคคลที่หนึ่งที่ยังมึนหัว ภาพก็ยังไม่ได้สวยเช้ง

เนื่องจากเกมนี้เป็นเกม Remake เราจึงคาดหวังว่าตัวเกมจะลดอาการ Motion Sickness ลง (เกมแนวมุมมองบุคคลที่หนึ่งใหม่ ๆ สมัยนี้จะไม่ค่อยมีข้อเสียนี้ ถึงมีก็จะมีน้อยลงแล้ว) แต่เท่าที่เล่น พบว่ายังมีอาการ Motion Sickness อยู่ จึงผิดหวังนิดหน่อย

และด้วยเกมนี้ใช้ Source Engine ที่มีอายุเป็น 10 ปีแล้ว (ก็โดยประมาณล่ะนะ) แม้ภาพจะดีขึ้นกว่าภาคแรก แต่ก็จะตกยุคอยู่ดีแหละ และเราก็จะได้เจอ NPC หน้าซ้ำ ๆ ดีเทลซ้ำ ๆ วนมาให้ได้เห็นอยู่เรื่อย ๆ

สรุปแล้ว

เกมนี้เป็นเกม Remake ที่บอกได้เลยว่าแฟนเดนตาย Half-Life ไม่ควรพลาดโดยประการทั้งปวง เนื้อเรื่องเข้มข้น ระหว่างเล่นให้ประสบการณ์หลากอารมณ์ เหมือนเล่น Half-Life ภาคแรกในเวอร์ชั่นสมบูรณ์กว่า ภาพดีกว่า

จุดสังเกตคือ เรื่องของกราฟิกที่ต่อให้ดีขึ้นแต่ก็ยังตกยุคถ้าเทียบกับเกมร่วมสมัยในปัจจุบัน และยังติดที่เล่นแล้วมึนหัวอยู่

เรื่องและภาพ : Perapun Vichitkraivin

เรียบเรียง : Nisa S.

ดาวน์โหลด

Steam

(ตอนนี้ลด 50% อยู่ด้วย!)

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส