[รีวิวเกม] Shantae ต้นฉบับแอ็กชันคลาสสิกบนเกมบอยกลับมาบน Nintendo Switch
Our score
7.0

จุดเด่น

  1. รูปแบบการเล่นเดิม ๆ คลาสสิกที่เป็นต้นแบบ
  2. ราคาไม่แพง
  3. Save ได้ตลอดการเล่นเกม

จุดสังเกต

  1. เพิ่มโหมดมาน้อยมาก
  2. เหมาะกับแฟนเกมเฉพาะกลุ่ม

สำหรับคอเกมในยุคนี้แล้วชื่อของค่ายเกมเล็ก ๆ อย่าง WayForward คงจะนึกถึงทีมงานสร้างแอ็กชันคลาสสิกแบบ 2D เพราะในตลอดเวลากว่า 30 ปีของการก่อตั้งค่ายมีการเปิดตัวเกมสองมิติเทพ ๆ ออกมาต่อเนื่อง และยังรับเป็นมือปืนรับจ้างสร้างให้ค่ายอื่นด้วย และหนึ่งในเกมสร้างชื่อของค่ายคือ Shantae ที่มีต้นกำเนิดบน Game Boy Color และวางขายในปี 2002

และในวันนี้ผ่านไป 19 ปี WayForward ได้ขุดเอา Shantae ภาคแรก กลับมาขายใหม่อีกครั้งบนคอนโซลลูกผสมอย่าง Nintendo Switch แบบเงียบ ๆ แถมยังมีการออกเวอร์ชั่นตลับเกมให้นักสะสมเก็บด้วย (แต่ขายหมดแล้ว) ซึ่งใครเกิดไม่ทันไม่รู้จักก็ขอเกริ่นนําสั้น ๆ ว่าเกม Shantae ภาคแรกบน Game Boy Color เป็นเกมแนว แอ็กชัน 2D ที่มีจุดเด่นที่ตัวละครสาวน้อย Shantae ที่มีเส้นผมเป็นอาวุธฟาดใส่ศัตรูเหมือนกับแส้ และมีการสร้างภาคต่อมายาวนานจนถึงปัจจุบัน การที่มันกลับมาขายอีกรอบถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะเชื่อว่าแฟนเกมหลายคนอาจจะไม่เคยเล่นภาคแรกมาก่อน

กราฟิกเหมือนเดิมปรับได้นิดหน่อย

เนื่องจากแนวทางของเกมคือเอามาขายใหม่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรไปเลยทำให้กราฟิกของ Shantae เหมือนเดิมสมัยออกบน Game Boy Color ที่มาในรูปแบบพิกเซลที่เข้ากับรูปแบบแอ็กชัน 2D ที่ดูเชยไปไกลเพราะมีกราฟิกแบบ 8Bit เหมือนสมัยแฟมิคอมด้วยซ้ำ แต่ของเดิมทีมงานออกแบบทำมาได้ดีมากเพราะมีการเคลื่อนไหวที่ดูดีโดยเฉพาะการเต้นรำของตัวเอกที่ลื่นไหลกว่าเกม 8Bit ทั่วไปมาก หากคิดว่ามันคือการย้อนยุคถือว่าไม่เลวร้ายอะไรและทีมสร้างยังใส่โหมดปรับภาพที่มีให้เลือกแบบต้นฉบับ Game Boy Color และบน Game Boy Advance และยังมีการปรับภาพให้คมขึ้นในส่วนของ Filter ด้วยแต่ก็ไม่ได้ปรับเป็น HD โดยรวมถือว่าไม่ได้ลงทุนเพิ่มอะไรเข้าไปมากนัก

และตามภาพในเกมที่เพลงประกอบก็ยังยกเอาของเดิมมาทั้งหมดไม่ได้ปรับแต่งเพิ่มเติม ที่เป็นเพลงยุค 8Bit แต่ใครเกิดทันจะรู้ว่างานดนตรีประกอบแบบนี้สามารถทำให้ติดหูได้ง่ายมาก และทีมสร้างก็ทำได้ดีเพราะแนวทางของเกมที่เหมาะมาก เพราะตัวละครมีการเต้นตลอดทำให้โดยรวมหากใครชอบแนวย้อนยุคมันคือสิ่งดีงามอย่างหนึ่งของซีรีส์ Shantae แม้ว่าอาจจะไม่ได้มีเพลงธีมที่โดดเด่นเหมือนเกมคลาสสิกก็ตาม

เรื่องราวในภาคนี้เริ่มต้นด้วยเหล่าโจรสลัด Tinkerbats ที่นำทีมโดย Risky ได้ทำการโจมตีเมือง Scuttle และขโมยรถจักรไอน้ำต้นแบบจาก ทำให้สาวน้อย Shantae ผู้พิทักษ์เมืองต้องออกทวงคืน ที่ชอบมากคือแม้จะเป็นเกมเก่าแถมนำเสนอแบบ 8Bit แต่ก็มีการใส่การเล่าเรื่องที่มีคัทซีนแบบย้อนยุคที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมาก แต่ก็เล่าเรื่องได้และเหนือกว่าเกมบนเกมบอยในยุคนั้นพอสมควรซึ่งถือว่าผ่านกาลเวลามาได้พอสมควร

รูปแบบการเล่นแบบเดิมที่เป็นต้นกำเนิดความเทพของซีรีส์

เมื่อเป็นภาคแรกของ Shantae ทำให้หากไม่มีอะไรโดดเด่นมันคงไม่ได้ถูกสร้างภาคต่อมาแน่ โดยเกมเพลย์หลักของ Shantae คือแอ็กชัน 2 มิติมุมมองด้านข้างแบบคลาสสิกที่เป็นการผสมผสานระหว่างแนวตะลุยด่านกับ Metroidvania ที่ต้องมีการแก้ปริศนาด้วย ทำให้มันยังดูไม่เชยมาก และอย่างที่บอกว่า Shantae ใช้เส้นผมเป็นอาวุธหลักคล้ายกับแส้ใน Castlevania ฉากในเกมถือว่าออกแบบมาดีตามยุคสมัย มีการใส่อุปสรรคเข้าไปมากพอสมควร และมีหลายส่วนคล้ายกับเกมคลาสสิกในอดีตอย่าง Super Mario หรือ Rockman ด้วยเช่นการกระโดดไปตามพื้นผิวที่เดี๋ยวโผล่เดี๋ยวหายแบบบล็อกล่องหน

นอกจากนี้การออกแบบฉากแม้จะไม่สดใหม่แต่ก็เพิ่มความหลากหลายด้วยระบบเวลา ที่ในด่านเดียวจะมีทั้งกลางวัน และกลางคืน แน่นอนว่ามันมีความแตกต่างกันตามช่วงเวลาเช่นตอนกลางคืนศัตรูจะโหดกว่า ที่ในตอนนี้มันอาจจะไม่ใช่ของใหม่แต่ในตอนที่เปิดตัวถือว่ามีความแปลกใหม่สำหรับเกมเล็ก ๆ ที่ออกบนเครื่องพกพาและยังมาพร้อมกับการใช้ไอเทมเพื่อเปิดทางไปต่อเช่นการใช้ระเบิด และยังมีจุดวาร์ปที่ซ่อนอยู่ในฉากด้วย นอกจากนี้ยังมีฉากหมู่บ้านที่นำเสนอความแปลกด้วยการใช้มุมมองบุคคลที่สามแล้วเลือกจุดที่ต้องการจะไปได้ เช่นการเข้าไปทำเนื้อเรื่องหรือซื้อไอเทมใหม่ในร้านค้า เรียกว่าหากคุณอยากเล่น Metroidvania ที่มีกราฟิกแบบ 8 Bit แล้วมันคือคำตอบเลย

สนุกไปกับความสามารถในการแปลงร่าง

นอกจากนี้อีกจุดเด่นคือสาวน้อย Shantae สามารถแปลงร่างเป็นสัตว์เพื่อแก้ปริศนาหรือหาทางไปต่อ โดยก่อนแปลงร่างเราจะเต้นรำก่อนทำให้ดูน่ารักไปอีกแบบ และยังแปลงได้หลายประเภทเช่นกลางร่างเป็นลิงเพื่อไต่กำแพงสูง หรือแปลงเป็นแมงมุมไต่ฉากในแนวตั้งได้บนใยแมงมุม และยังมีร่างที่เป็นครึ่งคนครึ่งนกที่ช่วยให้บินไปยังที่สูงได้ และเราต้องปรับใช้กันตลอดการเล่นเพราะฉากในเกมออกแบบมารองรับทุกร่าง แน่นอนฟังดูธรรมดาในยุคนี้ แต่มันก็หลายเป็นพื้นฐานใหักับซีรีส์ Shantae มาตลอดจนถึงภาคล่าสุดด้วย และยังมีมินิเกมกดตามจังหวะแบบเกมเต้นในอดีตมาเพื่อเก็บโบนัสด้วย

เกมมีความยาวพอสมควร หากเทียบกับมาตรฐานในตอนที่มันวางขายบน Game Boy Color แม้จะดูธรรมดาในตอนนี้แต่หากเทียบว่ามันคือของเก่ากลับมาขายใหม่ มันเล่นได้นานคุ้มค่าราคาเกมแน่นอน และหากใครเล่นไม่ผ่านก็ไปหาคลิปวีดีโอการเล่นต้นฉบับบนเกมบอยมาดูก็ได้ เพราะมันคือภาคเดิมทุกอย่างเหมือนเดิมหมด และข่าวดีคือแม้ว่ามันจะไม่ได้เพิ่มอะไรใหม่เข้ามาในรูปแบบการเล่นและฉาก แต่ผู้สร้างได้ใส่ระบบ Save ได้ทุกที่ทำให้เล่นยังไงก็จบแน่ และเข้ากับคอเกมยุคใหม่ที่อาจจะไม่ชินกับการเล่นเกม 2D ให้มีโอกาสแก้ตัวหากทำพลาด และยังเพิ่มโหมดที่นำภาพงานออกแบบมาให้แฟน ๆ ได้ชมกันด้วย

โดยรวมแล้วการนำภาคแรกของซีรีส์ Shantae กลับมาขายใหม่อาจจะดูธรรมดาเพราะมันคือการเอามาปัดฝุ่นขายใหม่ไม่ได้เสริมหรือเพิ่มเติมอะไรไปมากนัก ที่เพิ่มเข้ามาก็เล็กน้อยมากเกินกว่าจะดึงดูดให้คอเกมสนใจ แต่หากคุณได้เล่นซีรีส์ Shantae มาไม่นานและอยากสัมผัสต้นกำเนิดความดังของเกมที่มาจากค่ายเล็ก ๆ ที่สร้างชื่อให้คนรู้จักในฐานะเจ้าพ่อเกม 2D จนถึงทุกวันนี้แล้วไปหามาเล่นก็ไม่เสียหายอะไรเพราะราคาขายที่ถูกมากเทียบกับคุณภาพเรียกว่าคุ้มมาก

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส