รีวิวเกม Ultra Age แอ็กชันแนว Devil May Cry จากเกาหลีที่ทำออกมาดีเกินคาด
Our score
7.5

Ultra Age

จุดเด่น

  1. รูปแบบแอ็กชันที่รวดเร็ว และมีความท้าทายสูง
  2. การต่อสู้กับบอสที่สนุกมาก

จุดสังเกต

  1. กราฟิกเวอร์ชัน Nintendo Switch ดูแย่กว่า PS4 มาก
  2. ยากเกินไปสำหรับมือใหม่

ช่วยนี้ค่ายเล็ก ๆ ต่างออกเกมใหม่ออกมามากมาย เพราะมีช่องทางการวางขายแบบออนไลน์ดาวน์โหลด ทั้งบนคอนโซลและ พีซี ทำให้หากมันโด่งดังขึ้นมาก็จะทำกำไรให้ค่ายมากมาย ล่าสุดมีการเปิดตัว เกม Ultra Age แอ็กชันแนวฟันแหลกต่อสู้กันด้วยความเร็วสูงแบบเดียวกับ Devil May Cry ที่เป็นผลงานจากค่ายอินดี้ประเทศเกาหลีใต้

โดย Ultra Age เป็นผลงานของค่าย Visual Dart & Next Stage Studios สตูดิโอจากประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้หยิบเอารูปแบบแอ็กชันความเร็วสูงหรือที่เหรียกว่า Hack and slash ที่ต้องโจมตีป้องกันและหลบหลีกไปพร้อมกัน ถือว่าเป็นอีกแนวทางสร้างเกมที่มีแฟน ๆ รอเล่นกันทั่วโลก แต่ไม่ค่อยมีทีมเล็ก ๆ สร้างมันออกมามากนัก เพราะมันมีต้นฉบับที่ประสบความสำเร็จมากจนยากที่จะเดินรอยตาม

กราฟิกดูดีบน PS4 แต่ดูแย่บน Switch

ภาพใน Ultra Age ทีมงานได้ใช้ Unreal Engine มาสร้างกราฟิกในเกมทั้งหมด ซึ่งถือว่ามีความพยายามจะออกแบบมาให้ดูสวยงามและไฮเทคเหมือนการ์ตูนอนิเมะจากญี่ปุ่นผสมกับหนังวิทยาศาสตร์ ซึ่งความละเอียดและสวยงามสำหรับเวอร์ชัน PS4 ถือว่าทำได้ดีในระดับน่าพอใจ เมื่อเทียบกับชื่อทีมงานที่มาจากค่ายเล็ก ๆ ที่มีทีมสร้างไม่กี่คนเท่านั้น แต่สำหรับบนเวอร์ชัน Nintendo Switch ถือว่าดูแย่กว่ามาก เหมือนเกมสมัย PS3 สมัยวางขายใหม่ ๆ มากกว่าจะเป็นออกวางขายในปี 2021 เพราะมันทั้งขาดรายละเอียดทุกอย่างดูโล่ง ๆ เหมือนการเล่นเกมภาพเทพ ๆ บน PC แต่คุณมีคอมสเปกต่ำภาพบน Switch คือการปรับภาพลงมาในระดับต่ำสุด ซึ่งหากเลือกได้ก็อยากให้เล่นบน PS4 น่าจะดีกว่ามาก (เกมวางขายบน PS4 , PC และ Nintendo Switch)

ส่วนเพลงประกอบใน Ultra Age มีการใช้ดนตรีที่เข้ากับแอ็กชันที่รวดเร็วแบบ Devil May Cry มีการใส่เพลงธีมที่ตื่นเต้นเร้าใจเวลาเราเจอศัตรู ที่ใส่เพลงร็อกที่มีจังหวะสนุก ๆ เข้ามาตลอดการเล่นถือว่าทำได้ดีแม้จะไม่ได้มีเพลงติดหูให้เราจดจำอะไร แต่ที่เป็นจุดอ่อนคือเสียงประกอบที่เรียบเกินไป โดยเฉพาะเสียงพากย์ที่แข็งเกินไปเหมือนได้มือสมัครเล่นมาให้เสียง และตัวละครในเกมก็มีไม่มากทำให้มันยังเหมือนเกมฟอร์มเล็กจากค่ายอินดี้ ซึ่งหากมองมุมนี้ก็พอจะเข้าใจและมองข้ามได้

เรื่องราวเกิดในโลกอนาคตที่กำลังล่มสลาย

อีกความโดดเด่นของ Ultra Age คือการนำเสนอเรื่องในโลกอนาคตที่หลังจากมนุษย์พยายามสร้างดินแดนที่สมบูรณ์แบบทุกอย่าง และหลังจากการเกิดอุกกาบาตถล่มโลกทำให้ มนุษย์บางส่วนเตรียมย้ายไปยังอาณานิคมต่างดาว แต่มันไม่ง่ายทำให้เกิดเป็นเรื่องราวในเกมที่เราจะได้รับบทเป็น “Ultra” เด็กหนุ่มที่หน้าตาถอดแบบมาจากตัวเอกในการ์ตูนอนิเมะทั่วไป และมาพร้อมหุ่นคู่หูที่จะช่วยเราไปตลอดการเล่น แน่นอนว่าด้วยทุนสร้างและทีมงานที่ไม่ได้มีเงินมากมายทำให้การเล่าเรื่องทำได้เรียบ ๆ คัทซีนในเกมทำออกมาได้ธรรมดามาก ๆ ยิ่งบวกกับเสียงพากย์ที่แข็งเป็นหุ่นทำให้มันน่าเบื่อชวนกดข้ามมากกว่า

เกมเพลย์แอ็กชันความเร็วสูงที่จัดเต็ม

ตามที่บอกไปว่า Ultra Age มาแนวทาง Hack and slash ที่เราต้องใช้อาวุธหลักเป็นดาบหลากหลายชนิด แล้วโจมตีด้วยความเร็วสูง และยังต้องคอยกดปุ่มเพื่อหลบหลีกการโจมตีของศัตรูด้วย ที่คล้ายกับแนวทางของต้นฉบับอย่าง Devil May Cry และในเฉพาะของแอ็กชันถือว่าทำออกมาได้ดีพอสมควร แม้ว่าท่าไม้ตายโดยรวมอาจจะไม่ได้แปลกแหวกแนวเท่าต้นฉบับ แต่การทำคอมโบถือว่าโดดเด่นไม่แพ้กัน โดยการโจมตีจะเรียบง่ายไม่ยุ่งยากเพราะมีแค่กดโจมตีหนักกับเบาเท่านั้น แต่ก็มีการผสานกันเป็นท่าต่อเนื่องที่กดง่าย แต่ก็มีท่าพิเศษที่สะสมค่าพลังแล้วจะอัดแรงและต่อเนื่องขึ้นด้วย

และนอกจากการโจมตียังมาพร้อมกับการพุ่งตัวหลบด้วยความเร็วสูง และมันจำเป็นอย่างมากเพราะศัตรูในเกมถือว่าโหดพอสมควร และมาในรูปแบบที่หลากหลายทั้งแบบตัวเล็กแต่ว่องไว หรือตัวใหญ่ยักษ์ที่อัดแรงมาก แถมยังตามติดผู้เล่นชนิดกัดไม่ปล่อย ส่วนแอ็กชันส่วนอื่นของ Ultra Age ก็เรียบง่ายมีทั้งกระโดดสองจังหวะ และมีไอเทมพิเศษที่ช่วยให้เราไปยังที่สูงอย่าง “เชือกแสง” ที่มันยังสามารถใช้ดึงเอาศัตรูและทำให้มันเสียจังหวะแล้วเราจะได้โจมตีได้ง่ายขึ้นด้วย แต่มันจะใช้กับศัตรูที่ตัวใหญ่ไม่ได้ โดยรวมส่วนนี้ไม่ได้โดดเด่นกว่าเกมอื่นแต่ก็ทำออกมาได้ดีตามมาตรฐานทั่วไป

ระบบดาบที่หลากหลายต่อสู้กับบอสสนุกมาก

ส่วนระบบที่ดูทำให้ Ultra Age สนุกขึ้นคือดาบอาวุธหลักของตัวเอกที่พกมาได้ 4 เล่ม ที่นอกจากจะใช้โจมตีศัตรูได้หลายรูปแบบ แล้วยังใช้ในการเปิดทางไปต่อด้วย โดยดาบแต่ละเล่มจะมีค่าพลังของใบมีดที่เมื่อใช้ใบมีดก็จะค่อย ๆ แตกและค่าพลังจะน้อยลงไปเรื่อย ๆ แต่เราสามารถเพิ่มได้โดยเก็บคริสตัลที่อยู่ในฉาก ที่จะมีสีกำหนดว่าเป็นของดาบเล่มไหน ที่เมื่อเรากดเก็บพลังงานจากคริสตัลไปแล้วจะต้องรอเวลาหลายชั่วโมง

ส่วนนี้เองทำให้มีการใส่ระบบเปลี่ยนเวลามาให้ใช้ ที่เมื่อปรับเวลาแล้วจะทำให้พลังคริสตัลกลับมาใช้ได้อีกครั้ง ซึ่งมีหลายชนิดบางรูปแบบไม่ได้ใช้เพิ่มจำนวนใบมีดของดาบ แต่ยังใช้เพิ่มค่าพลังชีวิตด้วย ทำให้การเปลี่ยนเวลาจำเป็นอย่างมากเวลาสู้กับบอสแล้วค่าพลังหมดก็สามารถย้อนเวลาไปเติมในส่วนที่ขาดได้แต่ก็ต้องเริ่มสู้กับบอสใหม่เช่นกัน และส่วนที่ต้องชมมาก ๆ คือการต่อสู้กับบอสที่ทำออกมาได้ดีงามกว่าที่คาดมาก เพราะมันมีหลากหลายประเภท และมีการโจมตีที่ดูแปลกตาและอลังการงานสร้างมาก บอสบางตัวทำออกมาสนุกจนลืมไปเลยว่ามันเป็นเกมอินดี้จากค่ายเล็ก ๆ กันเลย

ส่วนระบบอัปเกรดตัวละคร ทำได้เรียบง่ายมีการใช้ระบบที่เห็นเป็นเส้นทางที่ผู้เล่นเลือกได้ว่าจะเพิ่มค่าพลังในส่วนไหน ที่คล้ายกับเกมแอ็กชันหรือ RPG ที่นิยมใช้กัน อย่างไรก็ตามเกมไม่ได้เน้นการเก็บเลเวลหรืออัปเกรดตัวละครมากมายนัก เกมจะเน้นแอ็กชันมากกว่าผู้เล่นต้องฝึกฝนการโจมตีของดาบแต่ละชนิดและเลือกให้ถูกกับศัตรู และต้องฝึกหลบหลีกให้ชำนาญ เพราะเกมมีความยากมากแม้ไม่ถึงระดับ Dark Souls แต่สำหรับมือใหม่ต้องมีหัวร้อนแน่นอนอีกทั้งเมื่อเราพลาดตายแล้วต้องกลับมาเริ่มใหม่จุด Save ที่บางครั้งต้องเริ่มกันใหม่แบบยาว ๆ ทำให้ใครชอบความท้าทาย Ultra Age ถือว่ามีให้พอสมควร

สำหรับ Ultra Age แม้โดยรวมจะไม่ค่อยมีอะไรมากตามประสาเกมฟอร์มเล็กจากค่ายอินดี้ ซึ่งหากใครเล่นจบแล้วนั่งดูชื่อทีมงานสร้างจะพบว่ามันมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ถือว่าเป็นความพยายามที่ต้องชื่นชมสำหรับทีมงานเล็ก ๆ ที่อยากสร้างเกมแอ็กชันแนว Devil May Cry แม้จะไม่สามารถเทียบกันได้ แต่ก็ถือว่าสนุกใช้ได้และหากจะมีภาคต่อซึ่งเกมก็ทิ้งเชื้อไว้ ก็เชื่อว่ามันจะกลายเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมมากกว่านี้แน่ เพราะเห็นจากความพยายามของทีมงาน ใครชอบแอ็กชันความเร็วสูงที่มีความยากท้าทายก็ควรไปหามาเล่น เพราะมันถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไป

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส