รีวิว Oppo F7 เครื่องบาง แอบแรง กล้องดี ราคาคุ้มนะ!
Our score
8.1

Oppo F7

จุดเด่น

  1. ประสิทธิภาพเครื่องเมื่อเทียบกับราคาดีมาก เครื่องแรง ใช้งานลื่นตลอด
  2. เครื่องบาง เบา แต่แบตทนมาก ใช้จนหมดวันยังเหลือเกือบครึ่ง
  3. ระบบควบคุมเครื่องด้วยการลากดี (Gesture) สามารถแสดงผลเต็มจอได้ตลอดโดยไม่มีปุ่มมากวนใจ
  4. กล้องหน้าถ่าย Selfie สวย กล้องหลังก็ถ่ายทุกอย่างได้ง่าย และคุณภาพใช้ได้ เพราะมี AI ช่วยคิด
  5. ยังมีรูหูฟัง 3.5 mm อยู่ และมีระบบเสียงจาก Dirac ที่ช่วยให้เสียงจากช่องหูฟังดีขึ้น แถม Bluetooth ยังรองรับ Codec เสียงหลากหลายด้วย

จุดสังเกต

  1. GPS มีปัญหา เครื่องทดสอบเจออาการเข็มทิศจะไม่สามารถชี้ให้ตรงได้ตลอด และจุดนำทางกระโดด
  2. วิดีโอ Youtube, Netflix ซูมสุดจอแล้วแหว่ง แอป Facebook ก็ติดจอแหว่งเวลาดูวิดีโอ ผู้ใช้ต้องแก้เองเป็นรายแอป
  3. กระจกหน้ายื่นจากตัวเครื่องมากไปหน่อย
  4. ถ่ายวิดีโอแบบ 4K ไม่ได้ ไม่มีระบบกันสั่น ถ่ายวิดีโอแล้วภาพสั่น
  5. มีลำโพงเดียว ไม่ใช่ลำโพงสเตอริโอ และยังใช้ Micro USB
  • รูปลักษณ์ภายนอก

    8.0

  • คุณภาพหน้าจอ

    7.5

  • ประสิทธิภาพเครื่อง

    8.0

  • ประสิทธิภาพกล้อง

    8.0

  • ความคุ้มค่า

    9.0

มาแล้วจ้า รีวิว Oppo F7 สมาร์ทโฟนชูโรงรุ่นใหม่จากออปโป้ ตามคอนเชปต์ใช้งานจริง เปลี่ยนซิมมาใช้เป็นเครื่องหลักจริงๆ ใช้งานนานเป็นสัปดาห์ แล้วค่อยมาเขียนรีวิวให้อ่านนั้น (คือพยายามหาข้ออ้างว่าทำไมรีวิวของแบไต๋นั้นออกช้าจัง 555) เอาแหละมาดูกันว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เราเห็นว่าอะไรเด็ดอะไรด้อยกันบ้าง

ดีไซน์ของ Oppo F7 กับฝาหลังแปลกตา

  • เครื่องบาง จอใหญ่ตั้ง 6.23 นิ้ว แถมแบตจุ 3400 mAh แต่ถือในมือรู้สึกเบาคือดีงาม
  • ฝาหลังมีดีไซน์แปลกตากว่าคู่แข่ง สีดำ Black Diamond มีลวดลายที่ฝาหลัง สีแดง Solar Red ก็สดสะใจ
  • แต่หน้าจอมันยื่นออกจากตัวเครื่องมากไป ให้ความรู้สึกว่าออกแบบไม่เนี๊ยบ

Oppo F7 เป็นสมาร์ทโฟนที่ดีไซน์ตามเทรนด์ปี 2018 ครับ คือหน้าจอยาวสัดส่วน 19:9 พร้อมรอยบากด้านบน คือแอดก็ได้ Oppo F7 มารีวิวพร้อมกับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นล่าสุดตอนนี้อีกหลายตัว บอกเลยว่าถ้าวางมือถือรุ่นปัจจุบันตอนนี้ติดกันหลายๆ ตัวบนโต๊ะ เราแทบจะไม่รู้เลยว่าเครื่องไหนคือยี่ห้ออะไร เพราะมันเหมือนกันไปหมด ต้องหยิบขึ้นมาดูฝาหลังหรือเปิดจอเท่านั้นครับ ถึงจะแยกออก

หน้าจอของ Oppo F7 นั้นมีขนาด 6.23 นิ้ว ส่วนด้านบนก็มีรอยบากเป็นที่อยู่ของลำโพงแนบหู กล้องหน้าความละเอียด 25 ล้านพิกเซล f/2.0 แล้วก็เซนเซอร์ตรวจจับการแนบหู ก็ถือเป็นรอยบากที่เล็กกว่าสมาร์ทโฟนค่ายอื่นๆ นะครับ

ส่วนฝาหลัง ดีไซน์ได้เป็นเอกลักษณ์ดีครับ โดยสีที่เราได้มารีวิวคือสีดำ Black Diamond ซึ่งมีการเพิ่มลวดลายด้านหลังเป็น Polygon ตัดไปตัดมาให้เหมือนอัญมณี เวลาสะท้อนกับแสงก็จะเห็นลวดลายนี้ และสีที่ทำตลาดในไทยคือ Solar Red อันนี้คือแดงแบบแดงจัดเลย และ Moonlight Silver คือสีเงินธรรมดา แต่ไม่มีลวดลายเหมือน Black Diamond ก็แล้วแต่ชอบนะครับว่าถูกใจสีสันไหน

ด้านหลังของ Oppo F7 นั้นเป็นที่อยู่ของกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/1.8 เป็นแบบกล้องเดี่ยวพร้อมแฟลช ไม่ได้เป็นเลนส์คู่เหมือนมือถือหลายตัวตอนนี้นะ แล้วก็มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ทำงานเร็วใช้ได้อยู่ด้านหลังนี้

โดยรวมดีไซน์ของ Oppo F7 นั้นโอเคครับ จอใหญ่ เครื่องบางเบา แล้วยิ่งเทียบกับปริมาณแบต 3400 mAh ถือว่ามันเบาจริงๆ จุดที่ไม่ชอบใจมีอยู่อย่างเดียวคือกระจกหน้าจอมันยื่นออกจากตัวเครื่องมากไป มันให้ความรู้สึกเหมือนออกแบบบอดี้เครื่องมาหนาเท่านี้แล้ว แต่ดันยัดจอไม่ลง เลยปล่อยให้มันยื่นๆ อยู่แบบนี้แหละ ไม่อยากออกแบบบอดี้ใหม่ครับ

ว่าด้วยเรื่องจอแหว่งของ Oppo F7

  • หน้าจอของ Oppo F7 กว้างใหญ่ เต็มตามาก แต่ก็ยังจับถนัดมืออยู่
  • ตัวจอแสดงสีสันได้โอเค สดใส คมชัด และสามารถปรับโทนสีของจอให้อมฟ้าหรืออมเหลืองได้ใน Settings
  • รอยบากของจออาจจะมีปัญหาได้ ต้องเข้าไปแก้ App Info เป็นรายตัว

มาเจาะลึกเรื่องหน้าจอของ Oppo F7 กันบ้างครับ เป็นหน้าจอ IPS ขนาด 6.23 นิ้ว ให้ความละเอียด Full HD+ (2280 x 1080) ก็เป็นมาตรฐานของสมาร์ทโฟน Android ยุคนี้นะครับ ปูไปสุดขอบทั้งบน ซ้าย ขวา ส่วนขอบล่างก็จะเหลือพื้นที่เยอะหน่อยเหมือนมือถือค่ายอื่นๆ ซึ่ง Oppo ก็ไม่ได้เคลมเทคโนโลยีหรือมาตรฐานขอบเขตสีอะไรเป็นพิเศษสำหรับหน้าจอนี้นะ

ว่ากันตามเนื้อผ้า จอของ Oppo F7 ให้สีสันที่สดใสดี มองมุมเอียง มุมตะแคงก็ยังให้สีสันที่ดีตามสไตล์จอ IPS โดยรวมไม่ได้แย่กว่าจอของคู่แข่ง แต่ก็ยังไม่ใช่จอที่ให้คุณภาพดีที่สุดในมือถือระดับราคาประมาณนี้นะครับ และค่าสีจอมาตรฐานส่วนตัวว่ามันอมฟ้าไปหน่อย ก็สามารถปรับให้สีจอมันอุ่นขึ้นได้ใน Setting แต่ที่สังเกตได้ชัดหน่อยคือฟิล์มแถมที่ติดมาจากโรงงาน รู้สึกว่ารอยนิ้วมือเกาะง่ายและเห็นชัด ก็ทำให้ความรู้สึกเวลามองจอหมองไปเยอะ ต้องคอยเช็ดหน้าจอบ่อยๆ

ถ้าไม่แก้อะไรเลย ภาพจะสามารถซูมไปทับบากแบบนี้ได้

แต่เรื่องรอยบาก จอแหว่งของ Oppo F7 ที่ต้องมีทริกในการใช้งานสักหน่อย อย่างแรกคือยังไม่มีฟังก์ชั่นซ่อนรอยบากเหมือนที่หลายๆ ยี่ห้อเค้าทำได้นะ ก็รอเฟิร์มแวร์รุ่นต่อๆ ไปอาจจะทำได้ แล้วค่ามาตรฐานของเครื่องจะแสดงผลทับรอยแหว่งครับ เวลาใช้แอปอย่าง Youtube หรือ Netflix แล้วซูมวิดีโอไปเต็มจอ ตัววิดีโอจะไปทับรอยแหว่ง รวมถึง Facebook ด้วย ที่เวลาดูวิดีโอแนวตั้งก็จะไปทับรอยแหว่ง ทางแก้คือต้องกดค้างที่ไอคอนของแอป เลือก App Info แล้วบังคับให้แอปนั้นๆ ไม่แสดงผลไปทับรอยแหว่ง (ปิด Allow Notch Area Display) ซึ่งหลายคนก็ไม่รู้ทริกตรงนี้ ทำให้คิดว่า Oppo F7 ต้องแสดงผลทับรอยแหว่งตลอด ซึ่งสมาร์ทโฟนคู่แข่งจะมีการคิดเรื่องนี้มาอยู่แล้ว ไม่ต้องวุ่นวายคนใช้

ประสิทธิภาพของ Oppo F7

Oppo F7 นั้นใช้หน่วยประมวลผล MediaTek P60 octa-core ความเร็ว 2.0 GHz ส่วน GPU เป็น Mali-G72 MP3 ซึ่งตัวที่เราได้มารีวิวนั้นเป็นรุ่น Ram 4 GB หน่วยความจำในเครื่อง 64 GB ครับ ส่วนใครที่อยากจัดเต็มกว่านี้ก็มีรุ่น Ram 6 GB ความจุ 128 GB ให้เลือกเหมือนกัน

ว่าด้วยเรื่องของคะแนนกันก่อน ผลทดสอบ Geekbench 4.2 ได้คะแนน Multi-core ไปราว 5800 คะแนน นี่คะแนนเทียบชั้น Snapdragon 835 เลยนะ (แอบตกใจ P60 นี่แรงได้ขนาดนี้) ส่วน 3Dmark ได้คะแนนในชุด SlingShot Extreme ไป 1082 คะแนน ก็ประมาณ Snapdragon 810 ครับ อันนี้ไม่สูงเท่าไหร่ ส่วนคะแนน Androbench เพื่อวัดความเร็วของหน่วยความจำ ทำคะแนน Sequential Read ไปได้ราว 300 MB/s ก็ไม่สูงนัก และน่าจะยังเป็นหน่วยความจำแบบ eMMC ครับ

ส่วนการใช้งานจริงบอกเลยว่าลื่นมาก ทุกแอปที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้ง LINE, Facebook หรือการใช้ท่องเว็บล้วนลื่นไหลหมด ไม่มีการกระตุกให้ปวดหัวใจ ส่วนการเอาไปเล่นเกมพวก RoV หรือเกมดังๆ ตอนนี้ก็ลื่นครับ ถือว่ามั่นใจกับชิป P60 ได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียว

กล้องคือจุดขายของ Oppo F7

ภาพจาก Oppo F7

จุดขายของ Oppo F7 คือกล้องหน้าความละเอียด 25 ล้านพิกเซล f/2.0 พร้อม A.I. Beauty 2.0 ซึ่งทดลองถ่าย Selfie จริงๆ ก็ออกมาสวยงามเพราะใช้ AI ช่วยเลือกระดับการแต่งหน้าที่เหมาะสมมาให้ครับ แต่ถ้าเราไม่ชอบความเนียนที่เครื่องแต่งมาให้ก็สามารถปิดโหมด Beaty ได้เช่นกัน แน่นอนว่าเราสามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอจากกล้องหน้าก็ได้ ซึ่งก็เนียนตาใช้ได้ แต่ถ้าเจอแว่นเข้าไปก็อาจจะคิดไม่ออกเหมือนกันว่าตรงไหนต้องเบลอบ้าง

ภาพ Selfie จากกล้องหน้า Oppo F7

ส่วนกล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล f/1.8 พร้อม A.I. Scene ก็ทำหน้าที่ได้ดีครับ สามารถเปิดขึ้นมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว หาโฟกัสแล้วถ่ายได้เร็ว โหมดออโต้ทำงานไม่ค่อยพลาด เพราะมี AI ช่วยวิเคราะห์ว่าแต่ละซีนต้องถ่ายภาพยังไง สามารถถ่ายหน้าเบลอหลังชัดได้ด้วย ส่วนโหมด Expert ที่ปรับค่าได้เองก็สามารถปรับ White Balance ได้เป็นองศาเคลวินเลย ปรับความสว่างหรือ EV ได้ ส่วน ISO ดันได้สูงสุด 3200 และความเร็วชัตเตอร์ทำได้นานสุด 16 วินาที และสูงสุด 1/8000 วินาที แล้วยังสามารถปรับโหมด Ultra HD ให้ความละเอียดภาพสูงพิเศษได้ในโหมด Expert นี้ครับ

ภาพหน้าชัด หลังเบลอจากกล้องหลัง

ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังนั้นมีโหมด Super Vivid อยู่นะครับ ให้ภาพสดมหาประลัยมาก จากเขียวเป็นเขียวอี๋ได้เลย 555 เหมาะสำหรับใช้ถ่ายธรรมชาติเท่านั้น แลัวก็มีโหมด Sticker ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังที่สามารถเติมหูกระต่าย เติมหมวกให้คนถ่ายได้ ก็เป็นโหมดการใช้งานสนุกๆ และแน่นอนว่าต้องมีโหมด Panorama สำหรับถ่ายภาพตามแนวยาว แล้วก็โหมด Time-Lapse สำหรับการตั้งกล้องเร่งระยะเวลาอะไรนานๆ ด้วย

ถ่ายวิดีโอยังไม่ประทับใจเท่าไหร่

จุดเด่นของวิดีโอจาก Oppo F7 คือให้แสงสว่างและสีสันได้ดีครับ ถ่ายในอาคารยังให้แสงที่ดีออกมาได้ การถ่ายวิดีโอซูมก็ให้ผลที่ดี แต่ข้อจำกัดของวิดีโอจาก Oppo F7 คือไม่สามารถถ่ายที่ความละเอียด 4K ได้ เลือกได้สูงสุดที่ Full HD เท่านั้น และดูเหมือนจะไม่มีระบบป้องกันการสั่นไหวเลย ลองดูวิดีโอการแสดงสดของ BNK48 ดัานล่างนี้ครับ จะเห็นว่าแม้เราจะนั่งถ่ายอยู่เฉยๆ ก็ยังรู้สึกว่ากล้องสั่นนิดๆ ตามแรงมืออยู่

Play video

ตัวอย่างภาพจาก Oppo F7

การใช้งาน Oppo F7 ในชีวิตประจำวัน

  • การควบคุมแบบปัดๆ แทน Back, Home, Recent คือดีงาม
  • ตัว OS มีฟังก์ชั่นเยอะมาก ลองขุดๆ Settings ดู จะเจออะไรน่าสนใจเพียบ
  • GPS มีปัญหาระหว่างขับรถ

เรื่องที่เราชอบมากเกี่ยวกับ Oppo F7 คือการควบคุมด้วย Gesture หรือการลากไปลากมาครับ ซึ่งทำออกมาได้ดีมาก ผู้ใช้สามารถปิดปุ่ม Back, Home, Recent App ไปทั้งหมดให้เหลือการลากอย่างเดียวได้ ซึ่งทำให้การใช้งาน Oppo F7 สามารถทำได้เต็มจออย่างแท้จริง โดยการใช้งาน Gesture จะอาศัยการลากจากขอบล่างขึ้นมา ซึ่งถ้าลากจากชอบล่างฝั่งซ้ายหรือฝั่งขวาจะแทนการ Back หรือถ้าลากจากกลางขอบล่างจะกลับหน้าโฮม แล้วถ้าเราลากจากตรงกลางขึ้นมากลางจอแล้วค้างไว้สักพักจะเป็น Recent App ให้กดสลับแอปได้ง่ายๆ ครับ แต่ถ้าไม่ชินการใช้งานแบบนี้ ก็สามารถกลับไปใช้การกดปุ่มบนหน้าจอได้เหมือนเดิมนะ

ตัว Color OS ของ Oppo F7 นั้นมีฟีเจอร์เยอะมากนะครับ มีตั้งแต่ความสามารถพื้นฐานอย่างการแคปหน้าจอตามยาว สามารถแคปแชทหรือหน้าเฟซบุ๊กยาวๆ ได้ บันทึกสายสนทนาได้ แบ่งหน้าจอใช้ 2 แอปพร้อมกัน หรือความสามารถเทพๆ อย่าง Game Acceleration ที่เร่งประสิทธิภาพของเกมให้เต็มที่ หรือ Full Screen Multitask ที่สามารถเรียกแอปอื่นๆ เป็นหน้าต่างลอยเหนือแอปที่เปิดแบบเต็มจอได้อย่างง่ายๆ เวลาที่เราดูหนัง ดูคลิปเต็มจออยู่ แล้วข้อความเข้า ก็ไม่ต้องสลับไปแอปแชทเพื่อคุย แต่เรียกเป็นหน้าต่างลอยมาคุยได้เลย

รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยที่ดูมาเต็มกว่าแบรนด์อื่นๆ ทั้ง Oppo Keyboard ที่จะขึ้นมาเองเมื่อเข้าหน้าป้อนรหัส เพื่อรับรองความปลอดภัยว่ารหัสผ่านของเราจะไม่หลุดออกไปจากกรณีใช้แอปคีย์บอร์ดที่มีมัลแวร์แอบแฝง หรือการเปิด Developer Option จะต้องป้อนข้อความยืนยันว่าผู้ใช้ต้องการเปิดจริงๆ เพื่อป้องกันมัลแวร์มาแอบเปิดโดยผู้ใช้ไม่รู้ตัวครับ

ส่วนเรื่องการสแกนนิ้วก็ทำได้รวดเร็ว แตะปุ๊บผ่านปั้บเหมือน Android รุ่นปัจจุบันตอนนี้นะ และสามารถสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกเครื่องได้ด้วย แต่ตามสไตล์นักเขียนที่ไม่ชอบสแกนหน้าเลยเพราะรู้สึกว่าสแกนนิ้วปลอดภัยกว่าเห็นๆ เลยไม่ได้เทสให้อ่านกันนะครับ

Oppo F7 มีลำโพงที่ตัวเครื่องตรงมุมล่างซ้ายแค่ลำโพงเดียวนะครับ ไม่ได้ให้เสียงสเตอริโอแบบที่สมาร์ทโฟนหลายรุ่นทำได้ แต่ก็มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm อยู่ทางด้านล่าง ซึ่งก็มีระบบปรับแต่งเสียง Real HD Sound Technology ที่ Oppo พัฒนาร่วมกับ Dirac บริษัทวิจัยเรื่องเสียงจากสวีเดน ซึ่งทดลองแล้วก็ให้เสียงที่ดีขึ้นจริงครับ เวลาฟังเพลงผ่านหูฟัง 3.5 mm สนุกขึ้นอีกเยอะ ส่วน Bluetooth ก็ด้วยความที่ใช้ Android 8 แล้ว ทำให้รองรับ Codec ทั้ง AAC, aptX HD และ LDAC ครับ ก็คือรองรับหูฟังและลำโพงทั้งโลกอย่างดีนั้นแหละ

ส่วนเรื่องแบตเตอรี่นั้นอึดดีมากครับ ใช้จนหมดวันแบตยังเหลือได้เกินครึ่ง เมพไปแล้ว

ปัญหาที่เจอระหว่างการใช้ Oppo F7

ที่นี้มาถึงปัญหาที่เราเจอระหว่างลองใช้ Oppo F7 กันบ้าง เรื่องขัดใจเล็กๆ คือเราไม่สามารถปัดทิ้งการแจ้งเตือนใน Notification Center ตรงๆ ได้ ต้องปัดแล้วเลือก Delete ซึ่งแอบทำให้หงุดหงิดเหมือนกันเพราะแบรนด์อื่นใช้ปัดทิ้งทีเดียวก็จบแล้ว นอกจากนี้ยังใช้พอร์ต Micro USB แทนที่จะเป็น USB-C ตามยุคตามสมัย ทำให้ใช้กับอุปกรณ์เสริมยุคใหม่ๆ ไม่ได้

และเรื่องที่ขัดใจเรามากที่สุดคือ GPS ครับ เราเทสการขับรถไปต่างจังหวัดจริงๆ เครื่องทดสอบของเรามีอาการเข็มทิศไม่ตรง เบี้ยวซ้ายเบี้ยวขวาระหว่างนำทาง ทั้งที่ขับรถทางตรงอยู่ (ตามรูป Gif ข้างล่าง) แล้วเวลาวิ่งใต้ทางด่วนก็เจอปัญหาจุดนำทางกระโดดบ้าง จึงไม่เหมาะเป็นเครื่องนำทางเวลาขับรถเท่าไหร่ครับ (เครื่องอื่นไม่รู้ว่าเป็นไหม แต่เครื่องทดสอบนี่เป็นทั้งขาไปและขากลับ)

สรุป Oppo F7 ก็เป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจในระดับราคาหมื่นต้นครับ (ราคาเปิดตัวของ Oppo F7 รุ่น RAM 4 GB พร้อมหน่วยความจำ 64 GB อยู่ที่ราคา 10,990 บาท ส่วนรุ่น RAM 6 GB พร้อมหน่วยความจำ 128 GB ราคา 14,990 บาท) ด้วยความเร็วเครื่องที่แรงหายห่วง ใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือเล่นเกมได้ลื่นๆ หมด แถมได้เครื่องที่บางและแบตเตอรี่อึดด้วย และเรื่องกล้องก็ไม่น้อยหน้าใครในระดับราคานี้ครับ