[รีวิว] HUAWEI P50 Pro : กล้องโทรได้ระดับแชมป์ กับราคาที่ต้องจ่าย ?
Our score
8.6

Huawei P50 Pro

จุดเด่น

  1. กล้องถ่ายรูปดีมากกกกกกกกก ดีจนแทบจะใช้แทนกล้องถ่ายรูปหลักได้เลย หวังผลได้ค่อนข้างสูง
  2. ใช้ CPU Snapdragon 888 ทำให้เครื่องเร็วแรง สามารถใช้งานได้อย่างไม่ติดขัดใด ๆ
  3. หน้าจอสวยมาก สีตรง และจอก็นุ่มด้วยรีเฟรชเรทสูงถึง 120Hz
  4. ดีไซน์หรูหรา โดดเด่น เมื่อมองเห็นก็จะทราบได้ทันที
  5. แบตถ้าใช้งานทั่วไปสามารถอยู่ได้ตลอดทั้งวัน

จุดสังเกต

  1. ไม่มี 5G แม้ว่าจะใช้ชิปที่รองรับก็ตาม
  2. การที่ไม่มี GMS ทำให้ใช้งานเครื่องได้ลำบากอยู่ แม้มี Gspace
  3. ซอฟต์แวร์กล้องยังดีไม่มากพอ ถ่าย Portrait ยังไม่ดี เหมือนกำลังจูน AI ให้เข้ากับชิป Snapdragon
  4. แบตเตอรี่ลดลงง่ายเมื่อใช้งานหนัก แต่ยังชาร์จเร็วเพื่อแก้ได้
  5. ขนาดของกล้องทำให้นิ้วเผลอไปโดนได้ง่าย
  • หน้าจอ

    10.0

  • กล้อง

    10.0

  • แบตเตอรี

    8.5

  • ประสิทธิภาพ

    8.0

  • เสียง

    9.0

  • ดีไซน์

    7.5

  • ความคุ้มค่า

    7.5

เมื่อพูดถึงสมาร์ตโฟนแบรนด์หัวเว่ย (HUAWEI) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง HUAWEI P Series สิ่งแรกที่เราจะนึกถึงได้ก็คือ นี่มันสมาร์ตโฟน หรือกล้องถ่ายรูปกันแน่ !? ซึ่งตลอดเวลาตั้งแต่ปี 2016 ที่หัวเว่ยได้พัฒนาสมาร์ตโฟนซีรีส์ P ก็ได้บุกเบิกโลกแห่งการถ่ายภาพด้วยสมาร์ตโฟนมาโดยตลอด อีกทั้งยังร่วมงานกับแบรนด์กล้องถ่ายรูประดับโลกอย่าง Leica ในการพัฒนาระบบกล้องสมาร์ตโฟนอีกต่างหาก เรียกได้ว่า ถ้าจะหาสมาร์ตโฟนซักเครื่องมาเพื่อถ่ายรูปแล้วล่ะก็ HUAWEI P Series ก็จะต้องเป็นตัวเลือกหนึ่งของใครหลายคนอย่างแน่นอน

เราเองก็เช่นเดียวกัน สมาร์ตโฟนเครื่องปัจจุบันของเราก็คือ HUAWEI P30 Pro ซึ่งเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรก ๆ เลยก็ว่าได้ ที่มีกล้องแบบ Periscope Lens ที่เลียนแบบการทำงานของกล้องปริทรรศน์ หรือกล้องเรือดำน้ำ ซึ่งทำให้ถ่ายภาพแบบซูมนั้นคมชัดมากกว่าสมาร์ตโฟนรุ่นอื่น ๆ และแน่นอน หัวเว่ยไม่ได้หยุดการพัฒนาเพียงแค่นั้น เพราะหัวเว่ยได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ HUAWEI P50 Pro ที่มีแผงกล้อง Dual-Matrix วงแหวนคู่เสมือนกล้องรีเฟล็กซ์ในอดีต อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีการถ่ายภาพเอกสิทธิ์เฉพาะอย่าง HUAWEI XD Optics ที่ช่วยให้การเก็บรายละเอียดทำได้ดีขึ้นยิ่งกว่าเดิม การันตีด้วยคะแนนจากดีเอ็กซ์โอมาร์ค (DXOMARK) ผู้จัดอันดับกล้องสมาร์ตโฟนชื่อดัง ที่ให้คะแนนเป็นอันดับ 1 ของโลก รวมกว่า 144 คะแนน !

วันนี้เราอยากจะพาทุกคนไปพบกับรีวิว ที่เป็นเหมือนการผจญภัยของเรา ที่ขยับรุ่นขึ้นมาจากรุ่นก่อนอย่าง P30 Pro และได้พบเจอข่าวเกี่ยวกับการโดนห้ามใช้ Google Mobile Services (GMS) จนทำให้ไม่กล้าขยับไปเล่นรุ่นอื่นนอกจากรุ่นเดิม ได้ขยับออกจากเซฟโซนเดิม และใช้ P50 Pro นี้เป็นเครื่องหลักสักระยะหนึ่ง แล้วมาแบไต๋ให้ทุกคนได้รู้จักว่า เจ้า P50 Pro นี้มีดีอย่างไรกันบ้าง ! แล้วใช้งานหลังยุคที่ไม่มี GMS แล้วจะไหวเหรอ ?

โดยสีที่ทางแบไต๋ได้รับมาในครั้งนี้ เป็นสี Cocoa Gold นั่นเองครับ

สเปกโดยภาพรวม

  • ขนาดเครื่อง 158.8 x 72.8 x 8.5มม. หนัก 195 กรัม มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
  • หน้าจอ OLED 6.6 นิ้ว ความละเอียด 2700 x1228 พิกเซล 450ppi อัตรารีเฟรชเรต 120Hz แบบปรับได้ มี Touch Sampling Rate 300Hz
  • ชิปเซต CPU Snapdragon 888 4G Octa-core (1×2.84GHz Kryo 680 & 3×2.42GHz Kryo 680 & 4×1.80GHz Kryo 680) มาพร้อมการ์ดจอ Adreno 660
  • หน่วยความจำ RAM 8GB และ ROM 256GB
  • กล้องหลัง 4 ตัว
    • กล้องหลัก 50MP True-Chroma Camera (เลนส์สี, รูรับแสง f/1.8, OIS (กันสั่นด้วยฮาร์ดแวร์)
    • 40MP True-Chroma Camera (เลนส์โมโน หรือเลนส์สีขาวดำ, รูรับแสง f/1.6)
    • 13MP Ultra-Wide Angle Camera (ที่ถ่ายภาพได้กว้างถึง 120 องศา มีรูรับแสง f/2.2)
    • 64MP Telephoto SuperZoom Camera (กล้อง Periscope รูรับแสง f/3.5, OIS) รองรับ AF
  • กล้องหน้า 13MP (ถ่ายภาพมุมกว้างพิเศษ, f/2.4, โฟกัสอัตโนมัติ)
  • รองรับการใส่ 2 ซิม เครือข่ายที่รองรับมีดังนี้
    • 4G FDD LTE:Bands 1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 7 / 8 / 12 / 17 / 18 / 19 / 20 / 26 / 28 / 32 / 66
    • 4G TDD LTE:Bands 34 / 38 / 39 / 40 / 41
    • 3G WCDMA:Bands 1 / 2 / 4 / 5 / 6 / 8 / 19
    • 2G GSM:Bands 2 / 3 / 5 / 8 (850 / 900 / 1800 / 1900MHz)
  • รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooh 5.2, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot
  • ระบบระบุตำแหน่ง GPS (L1 + L5 Dual band) / AGPS / GLONASS / BeiDou (B1I + B1C + B2a Tri-band) / GALILEO (E1 + E5a Dual band) / QZSS (L1 + L5 Dual band) / NavIC
  • ระบบเซนเซอร์ Gravity Sensor / Infrared Sensor / Fingerprint Sensor / Hall Sensor / Barometric Pressure Sensor / Gyroscope / Compass / Ambient Light Sensor / Proximity Sensor / Laser Sensor / Colour Temperature Sensor
  • ระบบปฏิบัติการ EMUI 12 ซึ่งมีพื้นฐานมาจาก Android 11
  • แบตเตอรี่ 4360mAh รองรับ HUAWEI SuperCharge 66W และ Wireless HUAWEI SuperCharge 50W
  • สีที่วางขาย Golden Black / Cocoa Gold
  • ราคาขายในประเทศไทย 33,990 บาท

ข้างในกล่องมีอะไรกันบ้างนะ ?

  • ตัวเครื่อง HUAWEI P50 Pro
  • อะแดปเตอร์ชาร์จ HUAWEI SuperCharge 66W
  • สาย USB-A to USB-C
  • เคสซิลิโคน
  • เข็มเปิดถาดใส่ซิม (Sim Card Ejector)
อุปกรณ์ในกล่องมีให้ตามนี้เลยครับ !

อ่านแค่สเปกก็รู้เลยครับว่าที่เขาต้องการจะขายเป็นพิเศษก็คือ ‘กล้อง’ ของเจ้า HUAWEI P50 Pro นี่เองล่ะครับ กล้องหลักทั้ง 4 ตัวของ HUAWEI P50 Pro นี้ ได้ทำงานร่วมกับนวัตกรรมอย่างเทคโนโลยี HUAWEI XD Optics ที่คอยช่วยแก้ไขจุดผิดพลาดและสร้างรายละเอียดสุดเนี้ยบขึ้นใหม่ได้ รวมถึงเทคโนโลยี XD Fusion Pro Image Engine ที่เข้ามายกระดับการเก็บรายละเอียด สี และขอบเขตรายละเอียดของภาพ พร้อมกันนั้นยังมีนวัตกรรม True-Chroma Image Engine ที่ช่วยให้ได้สีที่แม่นยำเท่าที่จะเป็นไปได้ เรียกได้ว่าภาพถ่ายที่ออกมานั้นแทบจะสะท้อนสิ่งที่เห็นได้ด้วยตามนุษย์เลยก็ว่าได้ แต่ว่าแค่คำโฆษณาของเขาคงไม่พอครับ เราไปดูส่วนที่สำคัญที่สุดของเจ้า HUAWEI P50 Pro นี้กันก่อนเลยครับ

กล้องถ่ายภาพ

หลังจากที่เราได้ลองใช้มาสักระยะหนึ่งแล้ว บอกได้เลยครับว่า HUAWEI P50 Pro นี้ทำให้เราอยากหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาถ่ายภาพบ่อยขึ้นอย่างมาก ด้วยความที่ HUAWEI P50 Pro นี้มาพร้อมระบบกล้อง Dual-Matrix Camera ภาพถ่ายที่ได้จากกล้องสมาร์ตโฟนตัวนี้ จัดว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่ถ่ายภาพได้ ‘โหด’ สมคำร่ำลือของเขาจริง ๆ ครับ ภาพถ่ายที่ถ่ายออกมานั้นมีความคมชัด สีที่ตรงมากเป็นพิเศษ อีกทั้งยังสามารถถ่ายภาพในที่มืด ถ่ายในช็อตที่ท้าทาย และยังสามารถถ่ายภาพแบบซูมได้อย่างไม่มีปัญหาจริง ๆ

ชุดกล้องหลังทั้งหมด จะอยู่ในวงแหวนทั้ง 2 วง เรียกว่า Dual-Matrix Camera นั่นเองครับ

โดยส่วนของ Dual-Matrix Camera นั้นจะแบ่งวงแหวนออกเป็น 2 วง และแต่ละวงก็จะมีกล้องที่แตกต่างกันไปดังนี้เลยครับ

  • วงแหวนด้านบน ประกอบไปด้วยกล้องหลัก 3 ตัว
    • กล้องหลัก 50MP True-Chroma Camera (เลนส์สี, รูรับแสง f/1.8, OIS (กันสั่นด้วยฮาร์ดแวร์)
    • 40MP True-Chroma Camera (เลนส์โมโน หรือเลนส์สีขาวดำ, รูรับแสง f/1.6)
    • 13MP Ultra-Wide Angle Camera (ที่ถ่ายภาพได้กว้างถึง 120 องศา มีรูรับแสง f/2.2)
  • วงแหวนด้านล่าง ประกอบไปด้วยกล้องเสริม 1 ตัว
    • เลนส์ 64MP Telephoto SuperZoom Camera (กล้อง Periscope รูรับแสง f/3.5, OIS) รองรับ AF
    • แฟลช Dual Tone LED

ซึ่งกล้องทั้ง 4 ตัวนี้จะทำงานร่วมกันเพื่อให้ภาพถ่ายที่ออกมานั้นมีประสิทธิภาพมากที่สุดเลยด้วยครับ โดยจะขออธิบายในส่วนของภาพถ่ายไปทีละส่วนดังนี้เลยครับ

(หมายเหตุ ภาพทุกภาพสามารถกดที่ภาพเพื่อขยายขนาดภาพได้ด้วยนะครับ)

กล้องถ่ายภาพหลัก

อย่างแรกที่เราอยากชื่นชมเรื่องกล้องถ่ายรูปของมันก็คือ ภาพถ่ายที่ถ่ายได้มีความคมชัด สมจริง และสามารถนำไปใช้ได้จริงอย่างมากเลยครับ ภาพถ่ายที่ถ่ายออกมาผ่านเลนส์หลักเซนเซอร์ 50 ล้านพิกเซล ที่ถูกลดสเกลมาเหลือ 12 ล้านพิกเซลนั้นจัดว่าทำได้ดีอย่างมากในทุกระยะ และทุกสภาพแสง สมเป็นมือถือเรือธงเลยครับ ถ้าให้อธิบายง่าย ๆ ก็เรียกได้ว่าเป็นมือถือที่สามารถถ่ายภาพ ‘หวังผล’ ได้เลยครับ โดยภาพตัวอย่างที่จะเอามาให้ได้ชมกันนั้น เป็นภาพถ่ายจากหลายระยะ หลายวัตถุ และหลายสภาพแสงเลยครับ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากหลายระยะการถ่ายของ HUAWEI P50 Pro

กล้องถ่ายภาพซูม

นับตั้งแต่การเปิดตัวของ HUAWEI P30 Pro และการเปิดตัวฟีเจอร์ของกล้อง Periscope ของ HUAWEI เทรนด์การถ่ายภาพแบบซูม และยังรักษาความละเอียดไว้ก็ปะทุขึ้นมาอย่างมาก ใน HUAWEI P50 Pro นี้ก็เช่นกัน ภาพถ่ายซูมของเจ้ากล้องตัวนี้ยังคงเหมาะกับการใช้ถ่ายภาพซูม และหวังผลได้ในหลายระยะอย่างมาก ซึ่งทำให้แม้เราอยู่ในระยะที่อยู่ห่างจากวัตถุที่เราต้องการค่อนข้างมาก หรือองค์ประกอบของเราเล็กจนเกินไป ก็ยังสามารถใช้การซูมเพื่อปรับขนาดของวัตถุให้ใหญ่พอที่เราจะพอใจได้เลยครับ โดยเราได้ลองถ่ายภาพแบบมุมกว้าง (Wide), 1x, 3.5x และ 10x เพื่อให้ทุกคนได้ลองตัดสินใจกันดูได้เลยครับว่าภาพที่ซูมแล้วยังหวังผลได้หรือไม่

นอกจากจะสามารถถ่ายวิวแล้ว ยังสามารถใช้ถ่ายภาพวัตถุที่อยู่ห่างพอสมควร แต่เราอยากได้ภาพถ่ายใกล้ ๆ โดยไม่ต้องเข้าใกล้ เช่นสัตว์เลี้ยงได้อย่างง่ายดายอีกด้วยครับ

นอกจากการซูมแบบธรรมดาแล้ว กล้องของเจ้า HUAWEI P50 Pro นี้ยังสามารถซูมได้สูงสุดถึง 100x อีกด้วยนะครับ ! เรียกได้ว่าถ้าซูมเพื่อถ่ายวัตถุที่อยู่ไกลมาก ๆ นี่สามารถส่องได้ไกลมากจริง ๆ เลยล่ะครับ

ความเจ๋งที่แท้จริงของกล้องซูมก็คือ ซอฟต์แวร์ของทาง HUAWEI นี่แหละครับ ถ้าสังเกตในช่วงภาพถ่ายจากกล้องถ่ายภาพหลัก จะมีอยู่ภาพหนึ่งที่ผมแอบใส่ภาพถ่ายแบบซูมไว้ ซึ่งก็คือภาพนกพิราบนั่นเองครับ ภาพนั้นผมได้ทำการซูมแบบ x3.5 ไว้ นอกจากที่ภาพมันจะซูมแล้ว ตัวของซอฟต์แวร์เองก็ได้ทำให้รายละเอียดของภาพคมชัดมากยิ่งขึ้นไปพร้อมกันด้วยนั่นเองครับ

ภาพนี้ถ่ายแบบซูม 3.5 เท่าไปนะ !

นอกจากนั้นทาง HUAWEI ได้เพิ่มฟิลเตอร์ เพื่อให้เราสามารถถ่ายภาพเพื่อให้ได้อารมณ์ที่แตกต่างได้อีกด้วย โดยฟิลเตอร์ที่ได้รับการพูดถึงมากก็คือฟิลเตอร์ Moody ซึ่งทำให้ภาพเป็นสีขาวดำ แต่ด้วยเลนส์สีขาวดำ 40MP True-Chroma Camera ทำให้ภาพถ่ายทีไ่ด้ได้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปได้นั่นเอง

ภาพถ่ายในที่แสงน้อย (กลางคืน)

การถ่ายภาพกลางคืนของเจ้า HUAWEI P50 Pro นี้เรียกได้ว่าเป็นอีกขั้นของการถ่ายภาพยามกลางคืนจริง ๆ ครับ เนื่องจากว่าปกติ เวลาเราถ่ายภาพช่วงกลางคืน เรามักจะต้องเจอกับการ ‘รอ’ ให้ภาพที่เรากดถ่ายไปนั้นประมวลผลก่อน ถึงจะได้ภาพถ่ายกลางคืนออกมา แต่ด้วยเทคโนโลยี Super High-res Image Processing Engine ของเลนส์ถ่ายภาพหลักของ HUAWEI P50 Pro ทำให้การถ่ายภาพกลางคืนนั้นสว่าง และใช้เวลาน้อยกว่าที่เคยเป็น น้อยจนแทบไม่ต้องรอเลยครับ ! แถมภาพที่ทำได้ยังสว่างมากพอจนเห็นรายละเอียดเยอะมากอีกด้วยการถ่ายภาพเสริมด้วย

ในขณะเดียวกัน การถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยและมีไฟเข้ามาอย่างจัง เจ้า P50 Pro นี้ก็สามารถจัดการภาพถ่ายช่วงกลางคืนให้สวยงามได้อยู่ เก็บรายละเอียดของไฟเหล่านั้นได้อย่างดีอีกด้วยนะครับ อยากให้ลองดูตัวอย่างภาพในสภาวะแสงที่ท้าทายเหล่านี้ดู

ภาพถ่ายบุคคล

อีกเรื่องที่น่าพูดถึงก็คือ การถ่ายภาพบุคคลครับ เนื่องจากว่ากล้องถ่ายภาพของ HUAWEI P50 Pro นี้มีเลนส์ Telephoto ที่ช่วยในการถ่ายภาพให้มีพื้นหลังที่เบลอแล้ว ยังมีเรื่องของ AI เข้ามาช่วยในโหมดถ่ายภาพบุคคลอีกด้วย โดยสามารถเข้าไปถ่ายได้ง่าย ๆ เพียงแค่แตะเข้าไปที่โหมด Portrait ด้านล่างเท่านั้นเองครับ ภาพที่ถ่ายออกมาได้นั้นบอกได้เลยว่าถ่ายได้ดีมากจริง ๆ

แต่แม้ว่าภาพหลาย ๆ ภาพจะดูแล้วเพอร์เฟกต์มาก ๆ แต่ AI ก็ยังเป็น AI ครับ ภาพถ่ายที่ทำได้ยังคงมีจุดสังเกตที่ภาพถ่ายบางภาพ มีการตัดฉากให้เป็นพื้นหลังได้ไม่ดีพออยู่ เช่นในภาพที่ 5 ที่ตึกบริเวณด้านบนซ้ายมือยังคงมีส่วนที่ไม่โดนลบไปอยู่ ซึ่งเกิดขึ้นได้ค่อนข้างบ่อยครับ คาดว่าน่าจะเกิดจากการปรับจูน AI ให้เข้ากับชิป Snapdragon ยังไม่เพอร์เฟกต์มากพอ แต่นี่อาจจะเป็นแค่ปัญหาทางซอฟต์แวร์ในช่วงแรกเท่านั้น ทาง HUAWEI อาจจะมีการแก้ซอฟต์แวร์ให้สามารถถ่ายรูปได้ดีขึ้นได้ในอนาคต

บริเวณตึกของภาพยังไม่ถูกทำให้เบลอ แม้จะเป็นพื้นหลัง

ภาพถ่ายมาโคร

สำหรับการถ่ายในระยะมาโครนี้ จะใช้เลนส์มุมกว้างเป็นหลักครับผม แต่ภาพที่ได้ก็ยังมีคุณภาพมากเช่นเดียวกันครับ โดยการถ่ายภาพระยะมาโครด้วยเลนส์มุมกว้างนั้นดีกว่าการใช้เลนส์มาโครตรง ๆ ในสมัย P30 Pro ตรงที่ภาพที่ออกมานั้นมีความคมชัดมากกว่า และสีมีความเพี้ยนน้อยกว่าตอนใช้เลนส์มาโครล้วน ๆ อีกด้วยครับ วิธีการถ่ายก็ง่ายดายมากเลยครับ เพียงแค่จ่อกล้องของเราให้เข้าใกล้วัตถุให้มากพอ กล้องจะทำการตัดเข้าโหมด Super Macro อัตโนมัติ ตามภาพตัวอย่างเลย

ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นได้ว่าภาพซ้ายที่ไม่ได้ใช้โหมด Super Macro นั้นมีความแตกต่างทั้งทางด้านรายละเอียด และระยะที่เข้าใกล้ได้อย่างมากเลยครับ เมื่อมองภาพขวาจะเห็นเลยครับว่าเม็ดพิกเซลที่พรินต์ลงบนสแตนดีนั้นชัดเจนขึ้นมาเลยครับ

ภาพถ่ายจากกล้องหน้า (เซลฟี)

กล้องหน้าของ HUAWEI P50 Pro

กล้องหน้าของ HUAWEI P50 Pro นี้เป็นกล้องหน้าแบบเจาะรู (Hole Punch Camera) บนหน้าจอ ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/2.4, โฟกัสอัตโนมัติ ซึ่งภาพถ่ายจากกล้องหน้านี้ก็เป็นอีกจุดเด่นของเขาเช่นเดียวกันนะครับ นอกจากที่ HUAWEI P50 Pro นี้จะสามารถถ่ายภาพกล้องหน้าแบบ Portrait ได้แล้ว ยังสามารถถอยภาพออกให้เป็นมุมกว้างได้ถึง 2 ระดับด้วยกันเลยครับ รับรองว่าสามารถใช้ถ่ายภาพเพื่อนได้ทั้งกลุ่มพร้อมกันอย่างแน่นอน !

การถ่ายวิดีโอ

สำหรับการถ่ายวิดีโอนั้นต้องยอมรับว่า HUAWEI P50 Pro นั้นค่อนข้างหวังผลได้ค่อนข้างมาก รวมถึงสามารถใช้มือของเราในการถ่ายไปด้วยเลยได้อีกด้วย ด้วยความสามารถในการกันสั่นแบบ AIS Pro ช่วยให้ได้งานวิดีโอระดับมืออาชีพ สามารถถ่ายออกมาได้โดยง่าย โดยในตัวอย่างนี้ได้ทำการถ่ายวิดีโอโดยการถือเครื่องมือเปล่า ไม่มีการใช้อุปกรณ์ช่วยใด ๆ

แต่ไม่ใช่แค่ในช่วงกลางวันเท่านั้น ช่วงกลางคืนก็เช่นกัน งานวิดีโอก็ค่อนข้างคมชัด ไม่ต่างจากการถ่ายภาพนิ่งเลยแม้แต่น้อย สามารถใช้ถ่ายได้อย่างดี

แต่ก็ใช่ว่าจะถ่ายได้แค่ 1080p เท่านั้นนะครับ เพราะเจ้า HUAWEI P50 Pro นี้สามารถถ่ายได้สูงสุดถึง 4K 60FPS เลยครับ ! ลองดูวิดีโอตัวอย่างด้านล่างได้เลยครับ (อย่าลืมปรับเป็น 4K ด้วยนะครับ)

ประสิทธิภาพ และการใช้งานในชีวิตประจำวัน

ส่วนนี้เป็นส่วนที่ค่อนข้างจะซับซ้อนมากที่สุดในรีวิวนี้แล้วล่ะครับ !? เนื่องจากว่าทาง HUAWEI นั้นถูกแบนไม่ให้ใช้บริการของ กูเกิล (Google) ทำให้ไม่สามารถเข้าถึง GMS หรือ Google Mobile Services ได้ ดังนั้นส่วนนี้จึงเป็นส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันเลย หลังจากที่เราได้ลองใช้มา เลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์หลาย ๆ อย่างที่เราได้ไปเจอมาให้ทุกคนได้อ่านกัน

คำถามที่คนชอบถามกันก็คือ “ถ้าเกิดว่าโดนแบนไม่ให้ใช้ GMS แล้ว จะใช้กูเกิลได้ยังไงกันล่ะ” เรื่องนี้ต้องบอกเลยว่า ใครที่กำลังใช้สมาร์ตโฟนของ HUAWEI แล้วไม่มี GMS ใช้ก็ไม่ต้องกลัวไป เพราะตอนนี้เรามีทางเลือกที่ทำให้ใช้ แอปของ Google ได้แบบเดิมแล้วนั่นเอง ด้วยแอป Gspace ! ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ผ่านทาง HUAWEI AppGallery เลย วิธีการใช้ก็ง่ายแสนง่ายครับ เราลองไปดูคลิปที่พี่หนุ่ยได้รีวิวแอปนี้ รวมถึงสอนการใช้งานได้ตามนี้เลยครับ !

อย่างที่คลิปได้บอกไว้นั่นแหละครับ แม้ว่าจะสามารถใช้งานได้ในหลาย ๆ ส่วนแล้ว แต่ก็ยังมีการติดขัดอยู่บ้างครับ อย่างเช่นโฆษณาในแอป Gspace หรืออย่างปัญหาที่ทำให้ยังใช้ Disney+ Hotstar ไม่ได้, Netflix ใช้ได้แค่ความละเอียดระดับ L3 หรือกระทั่งเกมบางเกมไม่สามารถดาวน์โหลดได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วหลายปัญหาสามารถแก้ไขได้ด้วยการดาวน์โหลดผ่านช่องทางอื่น หรือจะดาวน์โหลดโดยตรงผ่าน Huawei AppGallery เลยก็ได้นะครับ !

อีกอย่างก็คือ HUAWEI AppGallery เอง ก็มีแอปที่จำเป็นต่อการใช้งานสมาร์ตโฟน ที่ต้องใช้ความปลอดภัย ไม่สามารถโหลดผ่านแอปเสริมใด ๆ อย่างเช่นแอปธนาคาร หรือแอปของเครือข่ายมือถือ ซึ่งแอปเหล่านี้มีให้บริการเกือบทั้งหมดใน HUAWEI AppGallery แล้ว สามารถดาวน์โหลดผ่าน AppGallery แล้วใช้งานได้เลยอีกด้วย เราได้ลองใช้มาแล้ว ทุกธนาคารที่เราใช้ สามารถใช้งานได้ปกติเลย ! แม้กระทั่งแอปยอดฮิตตอนนี้อย่าง ‘เป๋าตัง’ ก็ใช้ได้เช่นกัน

เมื่อพ้นเรื่องความเข้ากันได้ของแอปแล้ว เรามาดูประสิทธิภาพจริง ๆ ของเจ้า HUAWEI P50 Pro นี่กันครับ โดย HUAWEI P50 Pro นั้นมาพร้อมกับชิปเซตตัวท็อปของตลาด (เมื่อปีที่แล้ว) อย่าง Qualcomm Snapdragon 888 ตัวแรงสุดของทางค่ายนั่นเองครับ เป็นชิปแบบ 8 แกน ความเร็วสูงสุดที่ 2.84GHz ซึ่งบอกเลยว่า ‘ร้อนแรง’ อย่างมากครับ เพราะหลาย ๆ คนน่าจะทราบกันแล้ว ว่าสมาร์ตโฟนที่ใช้ Snapdragon 888 นั้นร้อนแทบจะทุกรุ่นเลย เจ้า HUAWEI P50 Pro นี้ก็เช่นกันครับ แม้จะมีประสิทธิภาพที่สูงมาก แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความร้อนที่บางครั้งอาจจะทำให้ไม่สบายเวลาใช้งานได้ครับ

ผลการทดสอบประสิทธิภาพด้วย Geekbench ได้คะแนน Single Core ไป 937 คะแนน และ Multi Core 3277 คะแนนครับ ซึ่งถือว่ามาแรงแซงทางโค้งมากจริง ๆ ครับ !

หน้าจอ

แต่แค่ตัวเลขคะแนนเฉย ๆ ก็คงจะไม่พอใช่ไหมล่ะครับ เรามาดูการทดสอบเล่นจริงกันเลยดีกว่าครับ ซึ่งนอกจากจะดูเรื่องสเปกของเครื่องข้างในแล้ว ส่วนที่เรามองหรือหน้าจอก็สำคัญไม่แพ้กันเลยนะครับ โดยหน้าจอของ HUAWEI P50 Pro นี้มีหน้าจอ OLED ที่ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด 2700 x1228 พิกเซล 450ppi มีอัตรารีเฟรชเรต 120Hz แบบปรับได้ ซึ่งจะสลับไปมาระหว่าง 60Hz 90Hz และ 120Hz เพื่อประหยัดพลังงาน และมี Touch Sampling Rate สูงถึง 300Hz เลยทีเดียว บอกเลยว่าใช้งานได้ลื่นไหลมาก ๆ สบายตาสุด ๆ เลยล่ะครับ !

นอกจากนั้น จากการลองเทียบตรง ๆ กับเครื่องเก่าของเรา จะเห็นชัดเจนเลยว่า HUAWEI P50 Pro นั้นมีสีสันที่ดูดี และสมจริงกว่าเครื่องก่อนอย่างมากอีกด้วยนะครับ ด้วยความที่จอของเครื่องเป็นแบบ 10-bit ทำให้สีสันสวยงามและสมจริง จะถ่ายรูปแบบไหนออกมา ก็สวยคมชัดมากเลยครับ

การเล่นเกม

สำหรับการเล่นเกมนั้นต้องบอกเลยว่า HUAWEI P50 Pro นั้นขับประสิทธิภาพได้ออกมาอย่างดีมากเลยครับ สามารถเล่นเกมที่กินสเปกสูง ๆ อย่าง Genshin Impact (ดาวน์โหลดนอก Huawei AppGallery นะครับ) ได้อย่างดีพอสมควร สามารถปรับการตั้งค่าสูงสุดได้ แต่จะมีอาการกระตุกค่อนข้างมาก ถ้าเกิดว่าตั้งค่าระดับปานกลาง ก็สามารถเล่นได้ที่ 60 fps เลยครับ

แต่ถ้าต้องการอัดหน้าจอ ควรเล่นที่ 30fps ก็พอครับ และยังคงมีอาการกระตุกบ้าง ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยแนะนำให้เล่นไปและอัดหน้าจอไปด้วยเท่าไหร่ครับ

สำหรับเกมที่อยู่ใน HUAWEI AppGallery นั้น ก็มีเกมยอดฮิตอยู่เหมือนกัน อย่างเช่น Ragnarok X: Next Generation ที่เมื่อเล่นแล้ว สามารถตั้งค่าสูงสุดได้ทั้งหมดเลย แถมเปิดโหมด 60 fps ได้อย่างไม่มีอาการกระตุกอีกด้วยนะ !

แบตเตอรี่

พอพูดถึงเรื่องเกมแล้ว ก็คงจะไม่พูดเรื่องแบตเตอรี่ไม่ได้อย่างแน่นอน โดยแบตเตอรี่ของ HUAWEI P50 Pro นั้นให้มาถึง 4360mAh เลยครับ ซึ่งแม้ว่าจะดูเยอะมาก แต่ด้วยความร้อนของเครื่องขณะเล่นเกม หรือทำงานหนัก ก็ทำให้แบตเตอรี่ลดมากถึงกว่า 20% เมื่อเล่นเกมต่อเนื่อง 20 นาทีครับ แต่ว่าถ้าใช้งานทั่วไป หรือเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กทั่วไป แบตเตอรี่สามารถอยู่ได้ทั้งวันเลยครับ ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่นั้นก็รวดเร็วมาก ถ้าเกิดว่าใช้อะแดปเตอร์ชาร์จเก่าจาก P30 Pro (40W) ก็ยังสามารถใช้ชาร์จ P50 Pro ได้ดีอยู่ด้วยนะครับ โดยสามารถชาร์จจาก 10% ไปยัง 100% ได้ภายใน 1 ชั่วโมงเท่านั้นครับ ส่วนถ้าชาร์จด้วยอะแดปเตอร์ชาร์จ HUAWEI SuperCharge 66W นั้นจะชาร์จได้มากถึง 20% ภายใน 10 นาทีเท่านั้นครับ

คุณภาพงานประกอบ และดีไซน์ตัวเครื่อง

อย่างสุดท้ายที่อยากจะพูดถึงก็คืองานประกอบของเครื่อง และดีไซน์ของตัวเครื่องนั่นเองครับ โดยตัวเครื่องนั้นมีขนาดและน้ำหนักที่กำลังดีมาก ๆ โดยส่วนตัวของเรา (แม้อาจจะเป็นเพราะมือเราใหญ่ด้วย) แต่ว่าการจับถือทำได้ค่อนข้างดี จะมีปัญหาด้านการจับถือเครื่องแล้ว มืออาจจะไปโดนบริเวณกล้อง ทำให้กล้องเป็นรอยนิ้วมือได้ง่ายก็เป็นได้ครับ

อีกเรื่องที่อยากให้เป็นข้อสังเกตไว้ก็คือ HUAWEI P50 Pro นั้นมีดีไซน์ฝาหลังแบบมันวาว สะท้อนแสง ทำให้การถือเครื่องแบบไม่มีเคสนั้น จะทำให้เกิดรอยนิ้วมือบนฝาหลังได้ง่ายด้วยครับ ส่วนเรื่องความหนาของเครื่องนั้นก็นับว่ามีความหนากำลังดี ไม่ทำให้รู้สึกว่าหนาหรือบางไป ด้วยความหนาที่ 8.5 มม. เท่านั้นครับ

ข้อสังเกต และสรุป

HUAWEI P50 Pro นั้นเป็นสมาร์ตโฟนที่มีจุดเด่นด้านกล้องอย่างมาก สามารถถ่ายภาพเพื่อหวังผลได้มาก พร้อมถ่ายในทุกสถานการณ์และทุกสภาพแสง ในขณะที่การถ่ายวิดีโอก็ค่อนข้างดีเช่นเดียวกัน แต่ว่า HUAWEI P50 Pro ก็ยังมีข้อสังเกตอยู่บ้าง ดังนี้เลยครับ

  • ไม่มี 5G แม้ว่าจะใช้ชิปที่รองรับก็ตาม อย่างแรกที่อยากจะให้ข้อมูลไว้ก่อนก็คือ เจ้า HUAWEI P50 Pro นี้ไม่สามารถใช้งาน 5G ได้ไม่ว่าจะเครือข่ายใดก็ตาม แม้ว่าจะใช้ชิปอย่าง Snapdragon 888 แล้ว เพราะปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ
  • การที่ไม่มี GMS ทำให้ใช้งานเครื่องได้ลำบากอยู่ แม้มี Gspace แม้ว่า Gspace จะทำให้เพิ่มความน่าใช้ของ HUAWEI P50 Pro อย่างมาก เนื่องจากหลาย ๆ แอปสามารถใช้งานได้เหมือนเดิมแล้ว โดยเฉพาะแอปจาก Google เอง แต่ว่า Gspace ยังไม่สามารถทดแทนแอปที่ต้องดาวน์โหลดผ่าน Google Play Store ได้ทั้งหมด อย่างเช่นเกม หรือแอปที่ต้องใช้ Google เข้าช่วยต่าง ๆ เช่น Disney+ Hotstar เป็นต้น
  • ซอฟต์แวร์กล้องยังดีไม่มากพอ โหมดถ่ายน้ำตกจาก HUAWEI P Series เก่า ๆ หายไป และในเฟิร์มแวร์แรก การถ่าย Portrait ค่อนข้างแย่ เหมือนหัวเว่ยยังต้องจูน AI ให้เข้ากับชิป Snapdragon ที่ไม่เคยใช้อยู่
  • แบตเตอรี่ลดลงง่ายเมื่อใช้งานหนัก ซึ่งนี่ค่อนข้างเป็นปัญหาของ Snapdragon 888 อยู่แล้ว ด้วยปัญหาเรื่องความร้อนของชิปที่ค่อนข้างร้อนง่าย เลยยิ่งทำให้แบตเตอรี่ของเครื่องลดลงง่ายตามไปด้วยเลย แต่ว่าด้วยอแดปเตอร์ชาร์จแบต HUAWEI SuperCharge 66W ที่ชาร์จได้รวดเร็วมากจนอาจจะทำให้ปัญหานี้ไม่รุนแรงมากนัก
  • การวางตำแหน่งของกล้อง และขนาดของกล้องทำให้เผลอไปโดนได้ง่าย เนื่องจากแผงกล้องของ HUAWEI P50 Pro นั้นเป็นแบบ Dual-Matrix Camera ทำให้ตัวกล้องนั้นมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ ไม่ว่าจะใส่เคสหรือไม่ แต่ตอนใช้งานทั่วไปอาจจะทำให้นิ้วไปโดนกล้องแบบไม่รู้ตัว ทำให้ต้องเช็ดเครื่องบ่อย ๆ ได้ครับ

ทั้งหมดทั้งมวลนี้เราต้องสรุปให้ฟังเลยว่า พอใจในกล้องของมันอย่างมากเลย กล้องถ่ายรูปที่ดี หวังผลได้แบบนี้มีมาได้เห็นไม่บ่อยมากนัก กล้องของ HUAWEI P50 Pro นี้สามารถชนกับกล้องเรือธงของแบรนด์ใหญ่ ๆ ได้เลยครับ เพียงแต่ว่าการที่ไม่มี GMS นั้นดูจะเป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้ากล้องถ่ายรูปโทรได้นี้แหละครับ เลยทำให้เครื่องนี้ยังคง ‘มีราคาที่ต้องจ่าย’ อยู่

ส่วนใครที่สนใจ ค่าตัวของ HUAWEI P50 Pro นี้อยู่ที่ 33,990 บาทครับ แต่ถ้าซื้อผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายก็อาจจะได้ราคาที่ถูกลงก็ได้นะครับ !

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส