รีวิว Marshall Middleton ลำโพงพกพารุ่นใหญ่ กันน้ำ เสียงกว้างขวางทรงพลัง
Our score
8.0

Marshall Middleton

จุดเด่น

  1. ดีไซน์สวยงามเอกลักษณ์ของ Marshall พร้อมกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67
  2. เสียงกว้างขวาง เบสแน่นกำลังสวย ให้เสียงได้นุ่มนวล ฟังสบาย
  3. มีช่องต่อ 3.5 mm สามารถเชื่อมเสียงผ่านสายคุณภาพสูงมาออกลำโพงได้
  4. สามารถเชื่อมต่อหลายลำโพงให้เสียงออกพร้อมกันระหว่างรุ่น Willen, Emberton II และ Middleton ได้ด้วย Stack Mode
  5. ทำตัวเป็น Powerbank ชาร์จไฟผ่าน USB-C ให้มือถือได้

จุดสังเกต

  1. ตัวใหญ่และหนักกว่าลำโพงพกพาทั่วไป
  2. รองรับการเชื่อมต่อเสียงบลูทูธแค่ SBC ไม่รองรับรูปแบบเสียงคุณภาพสูงอย่าง aptX, AAC หรือ LDAC
  3. แบตเตอรี่ไม่อึดเท่า Emberton II แม้ว่าจะมีขนาดใหญ่กว่า
  4. ไม่มีไมโครโฟนในตัว ใช้เป็น Speaker Phone ไม่ได้
  • คุณภาพเสียง

    8.7

  • ความสะดวกในการพกพา

    7.5

  • การเชื่อมต่อ

    8.2

  • ความคุ้มค่า

    7.5

ผลิตภัณฑ์ลำโพงไร้สายของ Marshall นั้นแยกออกเป็น 2 กลุ่มนะครับ คือกลุ่ม Home Line ลำโพงตัวใหญ่สำหรับใช้ในบ้าน เน้นเสียบปลั๊กใช้งาน ตระกูล Woburn, Action หรือ Stanmore และกลุ่มพกพา ลำโพงมีแบตเตอรี่ในตัวสำหรับใช้งานที่ไหนก็ได้ ซึ่งวันนี้เราจะรีวิว Marshall Middleton น้องใหม่ล่าสุด แต่นับเป็นรุ่นใหญ่ในตระกูลครับ

ดีไซน์ของ Marshall Middleton

Marshall Emberton II, Middleton และ Willen
Marshall Emberton II, Middleton และ Willen

Middleton นั้นใช้ภาษาในการออกแบบแบบเดียวกับพี่กลาง Marshall Emberton และน้องเล็ก Willen ที่ออกมาก่อนหน้านี้นะครับ คือตัวลำโพงเป็นกล่องสี่เหลี่ยม หุ้มด้วยยางสังเคราะห์ให้แข็งแรง ป้องกันการกระแทก แล้วใช้สีทองเหลืองที่โลโก้ Marshall มาติดตะแกรงลำโพงด้านหน้าสีดำเพื่อความโดดเด่น นอกจากนี้ยังมี Control Knob สีทองเหลืองด้านบนที่ใช้ควบคุมการทำงานได้สารพัด ซึ่งเป็นดีไซน์ที่หล่อมาทั้งตระกูล ซึ่งมีวิธีการควบคุมดังนี้

  • กดค้าง – เปิด/ปิดลำโพง
  • กดสั้น ๆ – เล่นเพลง/หยุดเพลง
  • โยกขึ้น – เร่งเสียง
  • โยกลง – ลงเสียง
  • โยกไปทางขวา – เปลี่ยนเพลง
  • โยกไปทางซ้าย – เล่นเพลงเดิม
    • โยกซ้ำเพื่อเล่นเพลงก่อนหน้านี้อีกรอบ

ดีไซน์พิเศษของ Middleton คือมีสายคล้องข้อมือยางแถมให้ในกล่อง ซึ่งเมื่อเอาไปติดกับลำโพงก็จะทำให้เคลื่อนย้ายได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องถือลำโพงหนา ๆ หนัก ๆ จับลำบากโดยตรง

สายยางที่แถมมาในกล่อง
สายยางที่แถมมาในกล่อง

นอกจากนี้ยังป้องกันฝุ่นและน้ำในระดับ IP67 ก็ทำให้มีลุ้นว่าถ้าลำโพงตกน้ำก็น่าจะยังรอดแหละ ถ้าน้ำไม่ลึกเกินไป เอาไปใช้ที่หาดทรายก็ได้ ทรายไม่เข้าลำโพง ใช้ช่วงสงกรานต์ก็โดนสาดน้ำไม่พัง

ด้านหลังของลำโพงยังมีพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จไฟ ซึ่งในกล่องจะมีสาย USB-A to USB-C มาให้ แต่ไม่มีหัวชาร์จมาให้นะครับ ก็เอาหัวชาร์จมือถือมาใช้ได้เลย นอกจากนี้ยังมีช่อง AUX 3.5 mm สำหรับเชื่อมต่อสัญญาณเสียงภายนอก ซึ่งจะให้คุณภาพดีกว่าการฟังผ่าน Bluetooth ที่รองรับ Codec เสียงเพียงแค่ SBC เท่านั้น ไม่รองรับ Codec คุณภาพสูงอย่าง AAC ที่ iPhone ใช้ หรือกลุ่ม aptX, LHDC ที่ Android ใช้ ก็ไม่รองรับครับ

เสียงของ Middleton

เสียงมาตรฐานของ Marshall Middleton นั้นนุ่มนวล กว้างขวาง เสียงกระจายไปได้ทั่วห้อง ฟังเพลิน ฟังได้ยาว ๆ เบสกำลังสวยเลย ไม่บวมจนไปกวนเสียงอื่น ๆ แล้วก็มีรายละเอียดในเบสที่ดี ได้ยินไลน์เบสที่อยู่ในเพลงได้ชัดเจนระดับหนึ่งเลย ส่วนเสียงกลาง-แหลม ในค่ามาตรฐานเสียงจะเก็บตัวไปนิดหนึ่ง เราจึงปรับ EQ เพิ่มเสียงแหลมหรือ Treble ขึ้นเป็น 6 หรือ 7 (มาตรฐานคือ 5) ก็จะได้เสียงที่โปร่งสดใสขึ้น ได้ยินรายละเอียดชัดเจนขึ้น แต่ก็ไม่ใช่เสียงที่เต็มไปด้วยรายละเอียดนะครับ

เสียบสาย AUX ตรงจากเครื่องเล่นเพลงได้
เสียบสาย AUX ตรงจากเครื่องเล่นเพลงได้

Middleton เป็นลำโพงสเตอริโอในตัว ไม่ต้องต่อลำโพง 2 ชุดเพื่อให้เสียงแยกซ้าย-ขวา ซึ่งก็ให้มิติเสียงได้กว้างขวาง โอบล้อม ฟังสนุกเลย แม้ว่ามันไม่ใช่ลำโพงแบบ 360 องศา เสียงจะออกจากด้านหน้าที่มีตัวอักษร Marshall อยู่ แต่ก็แผ่ไปด้านซ้าย-ขวาของลำโพงได้ดีเลย อย่างไรก็ตาม ก็ควรหันลำโพงให้ถูกทิศเวลาฟังจะดีที่สุด

ลำโพงรุ่นนี้ให้ความดังในระดับที่น่าพอใจ ดังพอที่จะเติมเสียงห้องขนาดกลาง ๆ ได้สบาย แล้วก็ดังพอที่จะใช้งานนอกสถานที่ในวงที่ไม่ใหญ่มากได้ ซึ่งเป็นความดังระดับเดียวกับ Emberton II, JBL Flip 6 แต่ยังไม่ดังเท่าระดับ JBL Xtream 3 ครับ

เปรียบเทียบ Middleton และ Emberton II

MiddletonEmberton II
ความถี่ที่ตอบสนอง50 – 20,000 Hz60 – 20,000 Hz
ความดังสูงสุด87 dB SPL @ 1 m87 dB SPL @ 1 m
ไดรเวอร์วูฟเฟอร์ 2 ตัวแบบ Class D กำลัง 20W
ทวีตเตอร์ 2 ตัวแบบ Class D กำลัง 10W
Full-Range 2 ตัว
Class D กำลัง 10W
แบตเตอรี่เล่นได้ 20+ ชั่วโมงเล่นได้ 30+ ชั่วโมง
ระยะเวลาชาร์จ4.5 ชั่วโมง
ชาร์จ 20 นาทีเล่นได้ 2 ชั่วโมง
3 ชั่วโมง
ชาร์จ 20 นาทีเล่นได้ 4 ชั่วโมง
ทำเป็น Powerbankได้ไม่ได้
ช่อง AUXมีไม่มี
ปรับแต่งเสียงEQ แบบ 2 Band กดที่เครื่อง
ปรับได้ 10 ระดับ
EQ แบบ Preset
เลือก 3 แบบผ่านแอป
ขนาดลำโพง109 x 230 x 95 mm68 x 160 x 76 mm
น้ำหนัก1.8 kg0.7 kg
ราคา12,990 บาท7,490 บาท

ด้วยความที่ Marshall Middleton นั้นตัวใหญ่กว่า Emberton II พอสมควร แถมหนักกว่ากันถึง 1.1 กิโลกรัม เพราะฉะนั้นเสียงของ Middleton จะใหญ่ หนา หนักแน่นกว่า Emberton II ที่เสียงไปทางโปร่งฟุ้งมากกว่า เพราะไม่มีเบสที่มีกำลังมากพอมาเสริมความหนักแน่นให้เสียงได้ และเบสของรุ่นน้องจะมีรายละเอียดน้อยกว่า เพราะอาศัยแต่ Passive Radiator อย่างเดียว ในขณะที่ Middleton จะมีลำโพงดอกใหญ่อีก 2 ดอกพร้อม Passive Radiator เพื่อสร้างแรงสั่นสะเทือน

ด้านบนของลำโพง Marshall ทั้ง 3 รุ่น
ด้านบนของลำโพง Marshall ทั้ง 3 รุ่น

ส่วนในแง่ของการใช้งานอื่น ๆ Middleton นั้นมาพร้อม EQ 2 Band คือปรับเสียงต่ำกับเสียงสูงได้ย่านละ 10 ระดับ ก็สามารถจูนเสียงให้ถูกใจได้อีก ซึ่งจะปรับที่บนตัวลำโพงหรือจะปรับผ่านแอป Marshall Bluetooth ก็ได้ ส่วน Emberton II จะมี EQ แค่ 3 แบบ ที่ไม่สามารถปรับได้เอง และต้องเลือกผ่านแอปเท่านั้น คือ

  • Marshall เสียงมาตรฐานจากโรงงาน
  • Push เสียงเน้นเบสและแหลมมากขึ้น
  • Voice เน้นเสียงพูด สำหรับฟัง Podcast

นอกจากนั้น Middleton ยังสามารถทำตัวเป็น Powerbank ให้สมาร์ตโฟนได้ โดยต่อสายจาก USB-C ด้านหลังลำโพงเข้ามือถือได้เลย แม้ว่าแบตเตอรี่จะไม่อึดเท่า Emberton II ก็เถอะ (ก็อย่างว่า ดอกลำโพง 4 ดอกก็ต้องกินไฟมากกว่า 2 ดอกอยู่แล้ว)

อ่านรีวิว Marshall Emberton II และ Willen

การต่อลำโพงหลายตัวผ่าน Stack Mode

ด้านข้างของลำโพง Marshall 3 รุ่น
ด้านข้างของลำโพง Marshall 3 รุ่น

ลำโพงของ Marshall ชุดใหม่คือ Emberton II, Willen และ Middleton มีความสามารถในการเชื่อมลำโพงหลายตัวเข้าด้วยกัน เพื่อเล่นเพลงเดียวพร้อมกันนะครับ ซึ่งจะฟังในรุ่นเดียวกัน หรือข้ามรุ่นกันระหว่าง 3 ตัวนี้ก็ได้ ก็ทำให้มีโอกาสใช้งานได้ง่ายขึ้นมาก เพราะแม้เรากับเพื่อนจะไม่ได้ซื้อลำโพงรุ่นเดียวกัน แต่ก็สามารถนำมาเชื่อมกันได้อยู่ดี

โดยวิธีการต่อเชื่อมก็ง่าย ๆ

  1. ที่ลำโพงหลักให้กดปุ่ม Bluetooth 3 ครั้งเพื่อเริ่ม Stack Mode
  2. ที่ลำโพงลูกที่จะเชื่อมเสริมเข้าไป ให้กดปุ่ม Bluetooth 2 ครั้งเพื่อจับเข้ากลุ่ม
  3. สามารถเพิ่มลำโพงได้เรื่อย ๆ มากกว่า 2 ตัว

แล้วลำโพงทุกตัวก็จะส่งเสียงพร้อมกันหมด สร้างมิติของเสียงและความดังมากกว่าเดิม ถ้ามีลำโพง Marshall รุ่นใหม่หลาย ๆ ตัว ลองเล่นดูครับ สนุกดี

สรุปความคุ้มค่า

Marshall Middleton ตั้งราคาเปิดตัวในไทยที่ 12,990 บาท ก็ถือว่าเป็นลำโพงพกพาที่ราคาสูงระดับหนึ่งเลย เป็นราคาที่เทียบได้กับ Marshall Kilburn II ลำโพงพกพาได้ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งให้เสียงดังกว่า ตัวใหญ่และหนักกว่านี้ แต่ไม่ได้ป้องกันน้ำกันฝุ่นดีเท่า และเบสไม่ได้ลงลึกเท่า Middleton นอกจากนี้ยังเป็นราคาที่เทียบได้กับ Marshall Action III ลำโพงบ้านที่ต้องเสียบปลั๊กใช้งานตลอดเวลา แต่ให้เสียงที่มีกำลังและเบสได้ลึกกว่า Middleton

ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องการเสียงดนตรีคุณภาพตลอด แม้ช่วงเวลาที่เดินทางท่องเที่ยว และสามารถพกลำโพงขนาดย่อม ๆ ติดตัวไปได้ รวมถึงต้องการลำโพงที่เสียงดีพอสำหรับการใช้งานในบ้านทุกวัน Marshall Middleton ก็เป็นจุดสมดุลของทางเลือกนี้ครับ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส