เมื่อปี 2012 Samsung สร้างความฮือฮาด้วยการออกกล้องดิจิตัลคอมแพค ที่ใช้ระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์ออกมาในชื่อของ Galaxy Camera ถือว่าได้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดีพอสมควร เพราะสามารถผสมผสานความเป็นกล้องที่สามารถถ่ายภาพได้อย่างมีคุณภาพ และเลนส์ซูมสะใจถึง 21 เท่า รวมกับระบบของแอนดรอยด์ที่ช่วยให้ใช้แอพต่างๆ กับรูปภาพได้อย่างสะดวกมายิ่งขึ้น

มาปีนี้ Samsung ได้ทำการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง Galaxy Camera ใหม่ให้ใช้งานได้ดีกว่าเดิม โดยเปิดตัวในเดือนมกราคม 2014 ที่ผ่านมา และวางจำหน่ายแล้วในไทยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในราคา 15,900 บาท

ส่วนตัวผมเองก็ใช้ Galaxy Camera รุ่นแรกอยู่แล้ว ครั้งนี้ได้มีโอกาสลองใช้ Camera 2 หลังจากที่ได้ใช้อยู่หลายวัน ต้องบอกเลยว่างานนี้ไม่ใช่แค่การปรับโฉมหรืออัปสเป็กเครื่องเพียงอย่างเดียว แต่มันลงตัวและช่วยให้การใช้งานในทุกๆ ด้านดีมากขึ้น ดีขนาดที่ว่ามีรุ่นแรกอยู่แล้วยังอยากจะเปลี่ยนมาใช้ Camera 2 กันเลยทีเดียว

Specification

ก่อนอื่นมาดูรายละเอียดสเป็คของ Galaxy Camera 2 กันก่อนว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง

  • ขนาด 132.5 x 71.2 x 19.3 mm หนัก 283 g
  • หน้าจอสัมผัสแบบ Super Clear LCD ขนาด 4.8 นิ้ว ความละเอียด 720 x 1280px (306ppi) กระจก Corning Gorilla Glass 2
  • CPU Quad-core 1.6 GHz
  • หน่วยความจำภายใน 8 GB
  • RAM 2 GB
  • รองรับ microSD ได้สูงสุด 64GB
  • เชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n, dual-band, Wi-Fi hotspot
  • รองรับ Bluetooth 4.0
  • รองรับระบบ NFC
  • มีช่องต่อ HDMI
  • แบตเตอรี่แบบถอดได้ขนาด 2,000 mAh
  • Android 4.3
  • กล้องความละเอียด 16.3 ล้านพิกเซล (4608 x 3456 pixels) autofocus, 21x optical zoom
  • มีระบบป้องกันการสั่นไหวของภาพ (optical image stabilization)
  • แฟลช แบบ pop-up Xenon flash และมีไฟสำหรับ Auto Focus
  • เซนเซอร์ภาพขนาด 1/2.3” รองรับ geo-tagging, touch focus, face and smile detection
  • ถ่ายวิดีโอความละเอียด 1080p@30fps, 512p@120fps

open-2-resized

ดีไซน์ใหม่สวยงามน่าใช้ยิ่งกว่าเดิม

ถ้าเทียบกับรุ่นแรกแล้ว Camera 2 ดีไซน์และใช้วัสดุที่ทำออกมาแล้วดูดีกว่าเดิมมาก จากตัวแรกที่ดูเหลี่ยมๆ แข็งๆ มาใน Camera 2 ออกแบบมาให้อารมณ์เหมือนกล้องคอมแพคย้อนยุค ที่มีบุบวัสดุคล้ายหนังแบบ Faux Leather เหมือนกับฝาหลังของ Note 3 และส่วนที่เป็นโลหะก็ทำเป็นสีโลหะขัด รวมถึงดีไซน์ก็มีความโค้งมนมากขึ้น

ไฟแฟลชเปลี่ยนรูปแบบเป็น Pop-up ที่ดูดีกว่ารุ่นแรกที่โผล่เด้งขึ้นมาดื้อๆ และฝาปิดช่อง USB  ก็ทำออกมาดีขึ้นกว่าเดิม สรุปเลยว่า Camera 2 หล่อขึ้นมากว่าเดิมมากเลยล่ะ

อัปสเป็คเครื่องให้แรงขึ้น

สำหรับสเป็คของหน้าจอนั้นจะยังเหมือนของเดิมเป๊ะ แต่ส่วนของ CPU, RAM, หน่วยความจำนั้นปรับเปลี่ยนขึ้นมาพอสมควร (Camera รุ่นแรกเป็น Quad-core 1.4 GHz RAM 1GB หน่วยความจำ 4GB) ซึ่งทำให้การทำงานในการเปลี่ยนเมนู, เรียกแอพต่างๆ ทำได้เร็วมากขึ้นมาก ส่วนแบตเตอรี่มีขนาดความจุเพิ่มขึ้นมาอีกนิดนึง ช่วยให้ใช้งานได้นานขึ้นอีกหน่อย

ใส่ซิมไม่ได้แล้ว

สรุปแล้ว Samsung ได้ถอดเอาระบบเชื่อมต่อผ่าน 3G และ 4G ออกไป เหลือไว้แต่เพียง Wifi เพียงอย่างเดียว ซึ่งถือว่าคิดถูกแล้ว เพราะในรุ่นแรกนั้นยอมรับว่าการมี 3G ในกล้องช่วยให้ถ่ายภาพแล้วแชร์ส่งต่อได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็แปลว่าเราจะต้องมีซิมเบอร์สำหรับกล้องเพิ่มมาอีก 1 เบอร์ และการเชื่อมต่อผ่าน 3G นั้นก็ยังสูบแบตฯ ของเครื่องอย่างรวดเร็วชนิดที่ว่าแบตฯ เต็มก้อนเอามาใช้งานถ่ายภาพได้แค่1-2 ชั่วโมงเท่านั้น อีกทั้งการตัดระบบ 3G ออกไปก็ช่ว่ยให้ Samsung สามารถลดต้นทุนของ Camera 2 ไปได้เยอะเลยทีเดียว

Galaxy-CAmera--1-2

เทียบกันระหว่าง Galaxy Camera รุ่นแรกกับ Camera 2 จะเห็นได้เลยว่ารุ่น 2 ดูโค้งมน มีดีไซน์ และดูเซ็กซี่กว่ารุ่นแรกมาก

มี NFC เพิ่มขึ้นมาแชร์ง่ายยิ่งกว่าเดิม

เป็นความสามารถที่ต้องบอกว่า “น่าจะมีตั้งแต่รุ่นแรก” เพราะมันช่วยให้เราแชร์รูปไปยังอุปกรณ์อื่นที่รองรับ NFC ได้เพียงแค่เอาไปแตะกัน (และไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็น Samsung เหมือนกัน) รวมทั้งความเร็วในการส่งไฟล์ก็เร็วมาก ชนิดที่ว่ารูปถ่ายความละเอียด 16MP ขนาด 8-9 MB สามารถส่งเสร็จภายในไม่กี่วินาที อีกทั้งสามารถส่งไฟล์จำนวนมากๆ และกลับไปถ่ายภาพต่อได้โดยที่ใช้งานไม่สะดุดอีกด้ว ถือว่าการเอา 3G ออกไปแล้วใส่ NFC เข้ามาแทน เป็นอะไรที่ลงตัวมากๆ

Samsung Link เล่นและแชร์ภาพผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ได้ทันที

อันนี้สำหรับใครที่ใช้ Smart TV ของ Samsung หรือโน้ตบุคที่รองรับระบบ Samsung Link สามารถเล่นไฟล์ภาพหรือวิดีโอจาก Galaxy Camera 2 ไปแสดงผลบนอุปกรณ์ที่รองรับได้โดยไม่ต้องโอนไฟล์ไปให้ยุ่งยาก

สั่งถ่ายภาพได้จากมือถือ

Galaxy Camera 2 มีความสามารถในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ โดยสามารถลงแอพเพื่อใช้งานเป็นช่องมองภาพ (Viewfinder) และกดชัตเตอร์ผ่านสมาร์ทโฟนได้ เหมาะสำหรับตั้งกล้องถ่าย โดยการเปิดเรียกใช้งานก็สะดวกเพียงแค่แตะด้วย NFC ก็ใช้งานได้ทันที

เลนส์กล้องเหมือนเดิมทุกประการ

ถูกต้องแล้วครับ ดูจากสเป็กและการใช้งาน มันคือตัวเดียวกันกับรุ่นแรกเลย แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าแย่ เพราะตัวเลนส์ชุดนี้ถือว่าเป็นเลนส์กล้องคอมแพคของ Samsung ที่อยู่ในระดับดีอยู่แล้ว รวมถึงความสามารถในการซูม 21 เท่าก็ยังเป็นสิ่งที่ทำให้ประทับใจได้เหมือนเดิม

การใช้งานแอพบนแอนดรอยด์ ตอบสนองได้ดี

Camera 2 มาพร้อมกับแอนดรอยด์ 4.3 Jelly bean (ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กิน Kitkat กับเค้าหรือไม่) เทียบกับตัวแรกที่เป็น 4.1.2 หน้าตาน่าใช้กว่าเดิมมาก รวมทั้งยังลื่นไหลกว่าอย่างเห็นได้ชัด การเปลี่ยนจากการใช้งานกล้องเพื่อถ่ายภาพ สลับมาเป็นการใช้งานแอพบนแอนดรอยด์ ทำได้รวดเร็วกว่ารุ่นแรกอย่างเห็นได้ชัด

สำหรับการใช้งานแอพต่างๆ ทั่วไป กับสเป็คเครื่องระดับนี้ การใช้งานทั่วไปอย่างเช่น Social Network, เช็คอีเมล์, ฟังเพลง, Line ฯลฯ ทุกอย่างใช้ได้สบายอยู่แล้ว ส่วนพวกแอพเกมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เกมของ Line, หรือเกมที่มีกราฟิก 3D หนักๆ อย่าง Asphalt 8 เท่าที่ได้ลองเล่นแล้วก็ไหลลื่นดีไม่มีสะดุดอะไร

แต่ว่าคุณอยากจะเอากล้องถ่ายรูปไว้เล่นเกมอย่างนั้นหรือ? โอเคล่ะว่าตัวของมันสามารถที่จะเล่นเกมต่างๆ ได้ แต่ว่าด้วยรูปทรงที่เป็นกล้องถ่ายรูปที่ถือได้ไม่ถนัดมือเวลาที่จะดูหน้าจอด้านหลังกล้องแบบถือโทรศัพท์ รวมทั้งน้ำหนักที่มากกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป ไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ที่คุณจะใช้มันเพื่อเล่นเกม

ดังนั้นแนะนำว่าเกมอย่าได้เอามาลงบน Galaxy Camera 2 เลย เพราะนอกจากจะถือเล่นไม่ถนัดแล้ว มันยังผลาญพลังงานในแบตเตอรี่ของคุณที่มีอยู่แค่ 2,000 mAh ไปอย่างรวดเร็ว จนไม่มีเหลือพอสำหรับใช้ถ่ายรูปหรือยิงแฟลชได้ เกมน่ะ เอาไว้เล่นบนมือถือเถอะ

แนะนำแอพที่ควรมีใช้ใน Galaxy Camera 2

  • Snapseed : แอพแต่งภาพฟรีจาก Google ที่ต้องบอกว่าใช้งานได้หลากหลายครอบจักรวาล ทั้งการปรับสีของภาพ, หมุนแต่ง, ใส่ Filter ฯลฯ เป็นแอพที่ใช้งานง่ายแต่เปี่ยมล้นด้วยประสิทธิภาพในการใช้งาน
  • Instagram : แอพสามัญประจำเครื่องของคนชอบแชร์ภาพ จุดเด่นพอใช้บน Galaxy Camera 2 ก็คือด้วยภาพที่ถ่ายมามีความละเอียดสูง พอเอามาแต่งผ่าน Instagram ถึงแม้ว่าจะถูกปรับให้มีขนาดเล็กลง แต่ภาพจะยังคงความเนียนเอาไว้ไม่หยาบจนขึ้น noise จนทำให้ภาพมีความสวยงามลดลง
  • Molome : อีกแอพแชร์ภาพยอดนิยม ฝีมือพัฒนาของคนไทย มีลูกเล่นในการแต่งภาพมากมาย แถมยังมีสติกเกอร์โดนๆ ให้เลือกใช้อีกเพียบ
  • Dropbox : ถ้าคุณไม่เคยใช้ก็จงใช้ ถ้าใครใช้อยู่แล้วก็เอาอีเมล์ที่คุณลงทะเบียนใช้งานอยู่แล้วมา Sign in กับ Galaxy Camera 2 คุณจะได้พื้นที่สำหรับเก็บข้อมูลใน Cloud เพิ่มขึ้นเป็น 50GB ถือเป็นสิทธิพิเศษสำหรับคนที่ใช้งาน Samsung โดยเฉพาะ

 

การใช้งานกล้องถ่ายภาพ

มาถึงความสามารถหลักของ Galaxy Camera 2 ก็คือ “การถ่ายภาพ” ถ้าดูในแง่ของความเป็นกล้องคอมแพคแล้วถือว่ามีลูกเล่นการใช้งานที่ครบครัน อีกทั้งมีโหมดถ่ายภาพต่างๆ ให้เลือกใช้มากมายตามแต่สถานการณ์ที่คุณต้องการ หรือกระทั่งอยากจะปรับการถ่ายภาพแบบกล้องมือโปร ก็สามารถเลือกทำได้ด้วยเช่นกัน

ถ่ายแบบง่ายๆ ด้วย Auto

 เป็นโหมดที่ได้ลองใช้บ่อยที่สุด เรียกง่ายๆ ว่าถ้าต้องถ่ายภาพก็ชักกล้องขึ้นมาเปิดแล้วก็ยิงๆ ได้เลย ด้วยความที่ตัวกล้องมีเซนเซอร์ภาพที่ค่อนข้างโอเค ภาพที่ถ่ายถ้าเป็นเวลากลางวันกลางแจ้งนี่สบายหายห่วง แต่ถ้าเป็นในร่ม, แสงน้อย หรือถ่ายเวลากลางคืน แนะนำว่าไปใช้ใน Smart Mode จะดีกว่า ไม่ใช่ว่าใช้ Auto แล้วจะถ่ายออกมาไม่ดี แต่ในกรณีที่เลือกใช้ Smart Mode ให้เหมาะกับสภาพแสงที่ถ่ายจะได้ภาพที่สวยกว่า

 

GC2-Natural-resized

ภาพโทนสีธรรมชาติ เก็บแสงเงาต่างๆ ได้เป็นที่น่าพอใจ รูปนี้กดซูม 4X แน่นอนว่าภาพชัดไม่มีแตก (เพราะเป็น Optical Zoom

โหมด Auto ภาพถ่ายกลางแจ้ง เก็บรายละเอียดของภาพได้ครบถ้วน แสงโอเค

โหมด Auto ภาพถ่ายกลางแจ้ง เก็บรายละเอียดของภาพได้ครบถ้วน แสงโอเค

พอดีมีโอกาสได้ไปประเทศจีน ต้องบอกว่าทริปนี้ใช้ Galaxy Camera 2 เก็บภาพสวยๆ เป็นหลัก แทบจะไม่ได้หยิบกล้อง DSLR ขึ้นมาใช้เลย (แล้วจะแบกไปด้วยทำไมเนี่ย)

พอดีมีโอกาสได้ไปประเทศจีน ต้องบอกว่าทริปนี้ใช้ Galaxy Camera 2 เก็บภาพสวยๆ เป็นหลัก แทบจะไม่ได้หยิบกล้อง DSLR ขึ้นมาใช้เลย (แล้วจะแบกไปด้วยทำไมเนี่ย)

beijin-3

beijin-2

beijin-1

Smart Mode ที่มีให้เลือกทุกสถานการณ์

ใน Galaxy Camera 2 มี Smart Mode ในการถ่ายภาพให้เลือกใช้มากถึง 28 Mode ด้วยกัน เรียกได้ว่าคลอบคลุมแทบจะทุกสถานการณ์ถ่ายภาพ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์การถ่ายที่โดดเด่นในสมาร์ทโฟนของ Samsung หลายๆ อย่างถูกนำมาบรรจุเพิ่มเติมด้วย อย่างเช่น Drama (ถ่ายภาพเคลื่อนไหวหลายๆ ช็อตไว้ในภาพเดียว), Eraser (ลบวัตถุที่เคลื่อนไหวในภาพออกไปได้), Sound & Shot ฯลฯ จะขอแนะนำโหมดเด่นๆ ที่อยู่ใน Smart Mode ให้ได้รู้จักกัน

  • Beauty Face ถ่ายภาพแบบหน้าเนียน ที่ช่วยปรับแต่งภาพบริเวณผิวให้เนียน เท่าที่ทดสอบดูแล้วปรับภาพแล้วยังดูเป็นธรรมชาติไม่เนียนหลอนเหมือนกับกล้องสมาร์ทโฟนบางรุ่นที่มีโหมดนี้ ที่เกลี่ยหน้าเรียบซะจำตัวเองเกือบไม่ได้ (ฮา)
  • Selfie Alarm โหมดที่ช่วยให้ถ่ายรูปตัวเองได้สะดวกยิ่งขึ้น ในยุคที่ Selfie กำลังครองโลก ใน Galaxy Camera 2 ก็ได้เพิ่มส่วนนี้เข้ามาให้ด้วย
  • โหมดภาพในสภาพแสงตามเวลา หรือสถานการณ์ต่างๆ เช่น Dawn (พระอาทิตย์ขึ้น), Sunset  (พระอาทิตย์ตก) Snow (ถ่ายภาพทิวทัศน์ที่เป็นหิมะ), Food (ถ่ายภาพอาหาร), Party/Indoor (ถ่ายภาพในอาคารสถานที่), Night (ถ่ายเวลากลางคืน), Firework (ถ่ายพลุไฟ), Light Trace (ถ่ายภาพไฟที่กำลังเคลื่อนไหว), Waterfall (ถ่ายภาพน้ำที่กำลังไหล)
  • Action Freeze ถ่ายภาพที่มีการเคลื่อนไหวให้หยุดนิ่ง เหมาะสำหรับถ่ายภาพกีฬา
  • Rich Tone (HDR) การถ่ายภาพที่จะเฉลี่ยค่าแสงในภาพ อันนี้ก็เหมือนกับกล้องทั่วไปที่ถ่ายแล้วจะต้องใช้เวลาในการประมวลผลหลังถ่ายเสร็จ

ต้องเรียกว่าโหมดต่างๆ ใน Smart Mode ของ Galaxy Camera 2 นั้น ตอบโจทย์ความต้องการถ่ายภาพในทุกสถานการณ์ที่ต้องการจะถ่าย แค่เราเลือกโหมดให้ตรงกับภาพที่เราจะถ่าย ก็สามารถถ่ายภาพออกมาได้เทียบเท่าใช้กล้อง DSLR ถ่ายกันเลย

Smart Mode จะมีให้เลือกใช้ได้อย่างเยอะ ตามแต่จะต้องการใช้ถ่ายได้เลย

Smart Mode จะมีให้เลือกใช้ได้อย่างเยอะ ตามแต่จะต้องการใช้ถ่ายได้เลย

Smart Mode Suggest เลือกโหมดที่เหมาะกับเวลาที่คุณต้องการอย่างรู้ใจ

เป็นสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาและเป็นประโยชน์มากๆ จากที่บอกไปด้านบนว่า Galaxy Camera 2 มี Smart Mode ให้เลือกถึง 28 รูปแบบ ปัญหาที่เจอมาก็คือ กว่าจะเลือกเจอโหมดที่อยากจะใช้นั้นต้องเลื่อนหมุนกว่าจะเจอก็ต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ว่า Smart Mode Suggest นั้นการใช้งานอารมณ์ก็คล้ายๆ กับ Auto Mode ก็คือแค่หยิบกล้องขึ้นมาแล้วกดเพื่อวัดโฟกัสภาพ จากนั้นกล้องจะทำการคาดเดาว่าภาพที่คุณจะถ่ายนั้นเหมาะสมกับ Smart Mode แบบไหน แล้วมันจะเลือกมาให้ 3 โหมดที่น่าจะเหมาะกับภาพที่คุณกำลังจะถ่าย ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่ฉลาดมากๆ และช่วยให้การใช้งานสะดวกรวดเร็วมากกว่าแต่ก่อน

GC2-Nightmode-3-resized

วิวทิวทัศน์ของกทม.ยามค่ำคืน

GC2-Nightmode-2-resized

GC2-Nightmode-1-resized

ถ่ายภาพเวลากลางคืน ตัวเซนเซอร์ของกล้องเก็บแสงต่างๆ ได้ค่อนข้างคมชัด ไม่เหมือนกล้องสมาร์ทโฟนทั่วไปที่เวลาเจอแสงไฟแล้วภาพจะฟุ้งพร่าไปหมด

ถ่ายภาพแบบมือโปรด้วย Expert Mode

โหมดที่ให้คุณเลือกปรับค่าการถ่ายภาพต่างๆ ในรูปแบบเดียวกับการใช้กล้อง DSLR สามารถเลือกปรับได้ในแบบ P (Program), A (Apenrture Priority), S (Speed Priority), M (Manual) และแบบที่ผู้ใช้เลือกเอง   การใช้โหมดนี้ก็สำหรับคนที่มีพื้นฐานในการถ่ายภาพกล้องโปรมาก่อน แต่เชื่อเถอะพอคุณใช้งาน Smart Mode ไปเยอะๆ เจ้า Expert Mode นี่เรียกว่าแทบจะไม่ได้แตะเลย เพราะว่ามันสะดวกกว่าพอสมควร แต่โหมดนี้มีไว้เพื่อรองรับการใช้งานขั้นสูงได้ด้วย เรียกว่าเห็นเล็กๆ จิ๋วๆ แบบนี้แต่ก็ทำงานอย่างโปรได้ด้วยเหมือนกัน

Expert Mode นี่เลือกปรับค่าต่างๆ ได้อารมณ์เหมือนกับกล้อง DSLR กันเลย

Expert Mode นี่เลือกปรับค่าต่างๆ ได้อารมณ์เหมือนกับกล้อง DSLR กันเลย

เลือกดูข้อมูล, Edit ปรับแต่ง และใส่ลายน้ำให้กับภาพได้

ความสามารถเพิ่มเติมในการใช้งานบน Galaxy Camera 2 ก็คือการเปิด Preview ดูภาพ ในรุ่นแรกเต็มที่ก็ทำได้แค่เปิดเช็คดูภาพ แล้วก็แชร์ส่งต่อ แต่ในรุ่น 2 นั้น เลือกดูข้อมูลของภาพที่ถ่ายได้แบบละเอียด นอกจากนี้ยังเลือกปรับแต่งภาพได้ด้วย ทั้งแบบพื้นฐานอย่างการคร็อปภาพ, หมุน ไปจนตกแต่งภาพ, พิมพ์ข้อความลงไป, เขียนบนหน้าจอด้วยลายมือ หรือว่าทำลายน้ำแปะซ้อนไปบนภาพก็สามารถทำได้ เรียกได้ว่ามีฟีเจอร์ให้เลือกใช้หลังจากการถ่ายภาพให้ใช้แบบหลากหลายมาก

เลือกดู Info ของภาพได้อย่างละเอียดยิบ มีโชว์ยัน Diagram ค่าสีของภาพกันเลย

เลือกดู Detail ของภาพได้อย่างละเอียดยิบ มีโชว์ยัน Diagram ค่าสีของภาพกันเลย

นอกจากเปิด Preview ได้แล้ว ยังมีเลือกปรับแต่งภาพ, ตกแต่ง, เขียนด้วยลายมือ, หรือใส่ลายน้ำไปกับภาพ ผ่านการใช้งานบนกล้องได้ทันที

นอกจากเปิด Preview ได้แล้ว ยังมีเลือกปรับแต่งภาพ, ตกแต่ง, เขียนด้วยลายมือ, หรือใส่ลายน้ำไปกับภาพ ผ่านการใช้งานบนกล้องได้ทันที

ถ่ายภาพไฟกลางคืนได้สวยงามด้วย Xtremera

ที่จริงแล้วใน Smart Mode เองก็มีโหมดสำหรับถ่ายภาพไฟเวลากลางคืน แต่ใน Galaxy Camera 2 จะมีแอพที่ชื่อว่า Xtreamera เพิ่มขึ้นมา โดยมีความสามารถในการใช้งานถ่ายภาพไฟเวลากลางคืน แต่ก่อนอื่นเลยคุณจะต้องมีขาตั้งกล้องเอาไว้ใช้ถ่ายภาพด้วย โดยในแอพจะมี 2 โหมดถ่ายภาพให้เลือก

xtremera

  • Star Trail คงจะเคยเห็นภาพถ่ายท้องฟ้ายามค่ำคืนแล้วเห็นดาววิ่งเป็นเส้น วิธีการถ่ายแบบนี้คือการตั้งกล้องกดถ่ายภาพทิ้งไว้เป็นหลายชั่วโมง ตัวแอพจะทำการตั้งเวลาในการถ่ายภาพให้ เหมาะสำหรับเวลาไปเที่ยวป่าขึ้นเขาค้างคืน ตั้งกล้องถ่ายไว้ จะได้ภาพที่สวยงามมากๆ (ในเมืองหมดสิทธิ์ครับ ดาวซักดวงแหงนหน้ามองขึ้นไปไม่เห็นซักดวง)
  • Light Art สำหรับถ่ายภาพไฟที่กำลังเคลื่อนไหว จะเป็นไฟรถวิ่งตามถนน หรือถือไฟเอาไว้แล้ววาดเป็นเส้นในอากาศเพื่อเขียนเป็นเส้นก็ทำได้ เป็นอีกโหมดถ่ายรูปที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์หน่อย แต่ได้ภาพออกมาที่สวยแปลกตาดีมากๆ
ลองถ่ายภาพแบบ Light Art ประมาณ 15 วินาที ได้ภาพถ่ายกลางคืนที่สวยงามและมีชีวิตชีวา

ลองถ่ายภาพแบบ Light Art ประมาณ 15 วินาที ได้ภาพถ่ายกลางคืนที่สวยงามและมีชีวิตชีวา

แต่งภาพสนุกๆ ด้วย Paper Artist 

ใน Galaxy Camera 2 ทาง Samsung ก็มีแอพแต่งภาพแถมติดมาให้ด้วย เป็นแอพที่ให้เลือกฟิลเตอร์แบบต่างๆ ที่จะเปลี่ยนภาพถ่ายของคุณเป็นงานศิลป์รูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำ, สีน้ำมัน, ภาพสเก็ต, Halftone ฯลฯ เอาไว้ใช้แต่งภาพแปลกๆ เอาไว้แชร์ได้ไม่เหมือนใคร

เลือกปรับภาพเป็นแบบ Halftone ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ

เลือกปรับภาพเป็นแบบ Halftone ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ

แล้วคุณจะทึ่งกับการซูมได้ถึง 21 เท่า

ต้องขอบอกว่านี่คือที่สุดแห่งความประทับใจในการใช้ Galaxy Camera 2 (แต่เอามาเขียนซะอันสุดท้าย 55555) เพราะการซูมคือจุดเด่นของกล้องที่ไม่มีสมาร์ทโฟนใดๆ มาเทียบเท่าได้ เต็มที่มือถือซูมได้ก็แค่ 4x แบบ Digital ที่ซูมแล้วได้ภาพขยายขึ้นแต่แตกยับอย่างกับเซนเซอร์หนัง AV แต่ Galaxy Camera 2 นั้นเป็นซูมแบบ Optical นั่นคือซูมด้วยเล่น ที่มีระยะการซูมได้มากสุดถึง 21x

เอาเป็นว่าเราจะมาลองให้คุณดูว่า การซูมได้ 21 เท่านั้นมันน่าตื่นเต้นขนาดไหน

GC2-ZoomB-1-resized

ถ่ายภาพภายในอาคาร เอาล่ะ ผมจะซูมไปที่ร่มที่อยู่ตรงกลางของภาพ ห่างจากจุดที่นั่งอยู่ประมาณ 60 เมตร

GC2-ZoomB-2-resized

สามารถซูมเข้าไปใกล้จนเห็นลายละเอียดบนร่มได้เลย

 

GC2-ZoomB-3

แต่ว่านี่เป็นการซูมที่ประมาณ 10x เท่านั้นนะ

GC2-ZoomA-1-resized

ภาพวิวภายในเมืองหลวง จะซูมไปไหนดีนะ?

GC2-ZoomA-2-resized

คราวนี้ลองซูมเต็มเหนี่ยว 21x นี่คือภาพที่ได้

GC2-ZoomA-3

สามารถซูมไปเห็นยอดตึกที่อยู่ห่างไปประมาณ 2-3 กิโลเมตรได้เลย

ลองถ่ายวิวนอกหน้าต่าง อยากเห็นอะไรที่แบบว่าอยู่ไกลสุดๆ มั้ยครับ

ลองถ่ายวิวนอกหน้าต่าง อยากเห็นอะไรที่แบบว่าอยู่ไกลสุดๆ มั้ยครับ

GC2-ZoomC-2

ดูออกมั้ย ว่าผมซูมไปที่ไหน?

ระยะห่างจากตึกนี้ประมาณ 2 กิโลเมตร ซูมจนอ่านตัวหนังสือบนป้ายออกได้นี่ ไม่ธรรมดาแล้ว

ระยะห่างจากตึกนี้ประมาณ 2 กิโลเมตร ซูมจนอ่านตัวหนังสือบนป้ายออกได้นี่ ไม่ธรรมดาแล้ว

ปิดท้ายกับการซูมคราวนี้เป็นการถ่ายวิดีโอบ้าง งานนี้คือการไปถ่ายบรรยากาศการเปิดตัว “แบไต๋ไฮเทค Loca” งานจัดที่ห้องแกรนด์บอลลูมของโรงแรมเซนทาราแกรนด์ เวทีนั้นตั้งอยู่ด้านในสุด ส่วนผมอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าห้อง ซึ่งห่างประมาณ 100-150 เมตร

การถ่ายวิดีโอครั้งนี้ใช้ซูมที่ 10x เท่านั้น เพราะว่าต้องการเก็บภาพบรรยากาศทั้งทีวี เพราะถ้าซูม 21x นั้นจะซูมไปได้ระยะโคลสอัพครึ่งตัวน้องเฟื่องกันเลยทีเดียว

Play video

ต้องบอกเลยว่า Galaxy Camera 2 นี่เหมาะสำหรับไปถ่ายเวลาไปชมคอนเสริต์มากๆ ไม่ต้องอยู่ที่นั่งติดเวที ก็สามารถซูมภาพถ่ายแบบใกล้ๆ ได้เลย

ประสบการณ์หลังใช้ Galaxy Camera 2

สำหรับผมที่เป็นคนที่ใช้ Galaxy Camera รุ่นแรกอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว รู้สึกเลยว่า Samsung ทำการบ้านมากับ Galaxy Camera 2 ค่อนข้างดี แก้ไขส่วนด้อยทั้งหลายที่มีในรุ่นแรกออกไปได้เกือบทั้งหมด และเพิ่มเติมฟีเจอร์การใช้งานที่ช่วยให้การถ่ายภาพแบบไม่ต้องใช้ทักษะเยอะ แต่ก็ถ่ายภาพออกมาได้อย่างมือโปร รวมถึงมีขนาดที่เล็กกะทัดรัดพกพาง่าย

และด้วยความที่มันใช้ระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์ ทำให้สามารถใช้แอพต่างๆ บนกล้องนี้ได้ ไม่ว่าจะแต่ภาพหรือใช้งาน Social ต่างๆ ได้ภายในตัวของมันเอง ถึงแม้ว่าตอนนี้จะถูกเอา 3G ออกไป แต่มันก็สมารถแชร์เนตมาจากสมาร์ทโฟนเพื่อออนไลน์ หรือต่อผ่าน Wi-Fi ก็ยังได และการเพิ่ม NFC เข้ามา ทำให้มันแชร์ภาพไปยังอุปกรณ์อื่นได้อย่างรวดเร็วและสะดวกมากๆ

ข้อเสียของมัน น่าจะเป็นเรื่องของแบตเตอรี่ ที่ถึงแม้จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 2,000 mAh แล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังรู้สึกว่ามันยังไม่พอใช้งานแบบต่อเนื่องมากนัก ชาร์จเต็มๆ 1 ครั้งใช้แบบเต็มที่ถ่ายภาพและใช้แอพต่างๆ ด้วย อยู่ได้ประมาณ 2-3 ชม.เท่านั้น เรียกว่าอีเว้นท์เต็มวันนี่ไม่พอแน่นอน ก็ต้องแก้ไขด้วยการใช้ Powerbank มาเติมพลังอยู่เรื่อยๆ เอาแทน

อีกอย่างก็คือเรื่องวัสดุที่เป็น Faux Leather สีขาว รับประกันได้ว่าใช้งานไปนานๆ คงเหลืองแน่นอน (อย่างที่ Galaxy Camera ตัวแรกของผมเหลืองขี้มือไปเรียบร้อยแล้ว) ถ้าใครชอบสีขาวก็แนะนำว่าให้ดูแลรักษาขัดเช็ดอยู่เสมอ แต่ถ้าคิดว่าทำไม่ได้ แนะนำซื้อสีดำไปเลย

สรุป

สำหรับใครที่ต้องการซื้อกล้องคอมแพคสำหรับพกติดตัวเอาไว้ถ่ายรูป Galaxy Camera 2 ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่ากล้องคอมแพคทั่วๆ ไปที่ตอนนี้ราคาอยู่ประมาณหมื่นบาทต้นๆ สำหรับ Galaxy Camera 2 กับราคาเปิดตัว 15,900 บาท ใช้งานถ่ายรูปได้หลากหลาย และใช้งานแอพของแอนดรอยด์ได้ แชร์ไฟล์ภาพผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ด้วย NFC ซึ่งมันสะดวกกว่าพวก Wi-Fi Direct ที่กล้องคอมแพครุ่นอื่นๆ ใช้กัน