รีวิว Sony WF-1000XM3 หูฟังทรูไวร์เลส เสียงดี ตัดเสียงรบกวนได้เทพจริงอะไรจริง!
Our score
8.4

Sony WF-1000XM3

จุดเด่น

  1. ความสามารถตัดเสียงนี่เทพจริงต้องยกให้เขาละ
  2. คุณภาพของโทนเสียงกลางดีและมีเอกลักษณ์ในแบบของ Sony
  3. แบตเตอรีอยู่ได้ยาวเมื่อเทียบกับหลายสิ่ง ๆ ที่หูฟังทำพร้อมกันได้
  4. สามารถใช้งาน Google Assistant ผ่านหูฟังได้
  5. ราคาคุ้มค่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้

จุดสังเกต

  1. เสียงโทนสูงอยู่ในคุณภาพปานกลาง
  2. ไม่รองรับ Codec เสียง aptX และ LDAC
  3. เคสใส่หูฟังใหญ่ไม่เหมาะสำหรับการพกใส่กระเป๋ากางเกง
  4. ไม่สามารถแตะเพิ่มลดระดับเสียงจากหูฟังได้
  • คุณภาพเสียง

    9.0

  • คุณภาพวัสดุ

    9.0

  • ความคล่องตัวในการใช้

    9.0

  • ความสามารถในการคุยโทรศัพท์

    6.5

  • ความคุ้มค่า

    8.5

ในที่สุด แบไต๋ก็ได้ Sony WF-1000XM3 ยอดจองและซื้อถล่มทลายมาไว้ในมือ! จากปากเสียงของผู้ที่ได้ทดลองมา เขาว่ากันว่านี่คือหนึ่งในหูฟังทรูไวร์เลสตัวเทพแห่งปีเลยล่ะ แต่ความดีงามจะมีอยู่แค่นั้นจริง ๆ หรือจะมีอะไรเพิ่มเติมอีก? เชิญมาหาคำตอบในบทความรีวิวนี้กันดีกว่าครับผม


ของหลัก ๆ ในกล่องมีอะไรบ้าง?

  • หูฟังไร้สาย Sony WF-1000XM3
  • เคสใส่หูฟังพร้อมเป็นที่ชาร์จในตัว
  • สาย USB Type-C
  • จุกหูฟัง 3 ระดับ 2 ประเภท (ซิลิโคนและไฮบริดโฟม)

ดีไซน์เรียบเงียบสงัดสื่อพลัง”Active Noise Canceling”

เริ่มต้นที่ตัวเคสใส่หูฟัง (ซึ่งก็เป็นที่ชาร์จในตัว) เลยละกันครับ ภาพรวมตัวเคสนั้น ดูเรียบดูสะอาดตา โดยตัวฝาจะมีการสลักโลโก้ Sony ไว้พร้อมใช้สีที่ตัดกันเป็นสีทองเพื่อส่งเสริมความดูหรูดูแพง และก็มีความแข็งแรงในระดับไว้ใจได้ว่าจะไม่พังง่าย ๆ เมื่อต้องปิดแบบกระแทก ในขณะที่ใต้ฝาจะมีความโค้งมน และนี่จ้าช่องชาร์จแบตเป็นพอร์ต Type C พอร์ตยุคปัจจุบัน และที่สำคัญตัวผิวมีสัมผัสที่ดีติดมือไม่ลื่น

ส่วนตัวหูฟังก็เช่นเดียวกันกับตัวเคสที่เน้นภาพลักษณ์ถึงความพรีเมี่ยม ด้วยการออกแบบมาให้มีรูปทรงคล้ายวงรี ดูเรียบง่ายสะอาดตา ไม่มีปุ่มใด ๆ โดดขึ้นมาเป็นพิเศษ แต่จะมีวงกลมที่ไว้ใช้เป็นทัชเซนเซอร์ในการสัมผัสเพื่อเลือกคำสั่งต่าง ๆ ของหูฟัง พร้อมรูไมโครโฟนทั้งสองข้างที่มีขอบเป็นสีทอง ซึ่งภาพรวมทั้งหมด ก็ตรงตามที่วิศวกร Sony ต้องการจะสื่อถึงพลังของ Active Noise Canceling ที่ตัดเสียงรอบข้างได้เงียบสงัด

ไม่อึดอัดหูเพราะมีโครงสร้างแบบ Ergonomic Tri-Hold Structure

ถ้าพูดถึงหูฟัง in-ear ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของอาการเจ็บที่ช่องหูภายในเมื่อสวมใส่เป็นระยะเวลานาน ๆ กับเรื่องของความไม่แน่นรูหูที่ทำให้เสียงประเภทเบสมาไม่ครบดอกครบลูก ซึ่ง WF-1000XM3 ก็แก้ปัญหาดังกล่าวด้วยโครงสร้างของหูฟังในชื่อ Ergonomic Tri-Hold Structure ที่รองรับสรีระหูหลากหลายรูปแบบ

โดยเมื่อผู้เขียนได้นำไปใช้งานใช้จริง ๆ ก็ไม่ได้พบอาการบาดเจ็บ หรืออึดอัดในช่องหูแต่อย่างใด ส่วนเรื่องอาการหลุด อันนี้ทีมงานแบไต๋ได้ลองนำไปใช้ออกกำลังด้วยรูปแบบการวิ่งสลับเดินดู ตัวหูฟังมีการเขยื่อนบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นตกหล่นออกจากหู ทางที่ดีก็ควรใช้ในการฟังเพลงด้วยกิริยาที่ไม่ได้ออกท่าออกทางมากนักครับ เพราะมันไม่มีมีปีกเกี่ยวใบหูเหมือนหูฟังแบบสปอร์ต และทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยจริง ๆ เบื้องต้นเลยผู้ใช้งานก็ควรจะเลือกจุกหูฟังที่มีมาให้ในกล่องให้พอดีกับใบหูเป็นอันดับแรกด้วยนะ

คำสั่งผ่านการทัชเซนเซอร์เบื้องต้น

WF-1000XM3 เลือกที่จะใช้การป้อนคำสั่งผ่านการทัชเซนเซอร์รูปทรงวงกลมที่ตัวหูฟัง โดยมีวิธีการตามนี้

  • ฝั่งซ้าย
    • แตะหนึ่งครั้งจะเป็นการเปิด/ปิด Active Noise Canceling เพื่อให้เราได้ยินเสียงข้างนอก, Ambient sound mode ที่จะทำให้เราได้ยินเสียงภายนอกตามการตั้งค่าของเราผ่านแอปหรือจากการที่ตัวหูฟังประมวลสภาวะแวดล้อม
    • แตะค้างคือการใช้ฟีเจอร์ Quick Attention หรือการปิด Active Noise Canceling แบบชั่วคราวจนกว่าจะปล่อยนิ้ว
  • ฝั่งขวา
    • แตะหนึ่งครั้งจะเป็นการ เล่น/หยุดเพลงหรือเสียงที่ฟังอยู่
    • แตะสองครั้งคือคือเปลี่ยนฟังแทร็กต่อไป
    • แตะสามครั้งติดคือการย้อนกลับไปฟังแทร็กที่แล้ว
    • แตะค้างเพื่อเรียก Google Assistant ขึ้นมา (ต้องลงแอปบนมือถือเสียก่อน)

แต่เพื่อการใช้งานที่สมบูรณ์แบบของหูฟังนี้ เราจำเป็นจะต้องติดตั้งแอปพลิเคชันของทาง Sony ที่มีชื่อว่า Sony Headphones Connect ด้วย ซึ่งจำเป็นมาก เพราะจะใช้ในการตั้งค่าหลายสิ่งที่จำเป็นมาก ซึ่งที่เด่น ๆ เลยก็ได้แก่ การตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ของแบตเตอรี ประเภท Codec เสียงที่หูฟังใช้อยู่, Adaptive Sound Control ที่จะตรวจจับเสียงภายนอก เพื่อคำนวณและส่งระดับการตัดเสียงรบกวนออกไปในระดับที่เหมาะสมกับสถานการณ์, การปรับ EQ เลือกโทนเสียงที่ดีต่อใจของคุณ หรือจะปรับดึงขึ้นลงตามต้องการ และการเปลี่ยนฟังก์ชันการสัมผัสเซนเซอร์หูของทั้งสองข้าง เช่นการแตะที่หูซ้ายหนึ่งครั้งอาจจะกลายเป็นการปิดเพลงที่เล่นไว้แทนการเปิดโหมดควบคุมเสียงโดยรอบแทน

คุณภาพเสียงดีตามเอกลักษณ์ Sony

แน่นอนว่าในเมื่อเป็นหูฟังของ Sony เอกลักษณ์ของย่านเสียงก็คงหนีไม่พ้นเสียงกลางหรือว่าง่าย ๆ คือเสียงนักร้อง และเสียงประเภทโปร่ง ซึ่ง WF-1000XM3 ก็ทำได้ดี มีมิติที่ครบถ้วน ในขณะที่เสียงต่ำหรือจำพวกเบสก็ฟังสนุก ต้นและปลายของเสียงเบสมาครบไม่ได้ขาดหายไปไหน ส่วนเสียงสูงหรือเสียงที่เวลาฟังแล้วเราจะได้ยินมันแหลม ๆ ทั้งหลาย ก็มีความคมใช้ได้เลยล่ะ

เอาเป็นว่า WF-1000XM3 เป็นหูฟังที่เด่นชัดด้านการให้เสียงที่โปร่งใส เคลียร์เป็นหลัก แต่ย่านอื่น ๆ ก็มีคุณภาพที่ดีตามที่ Codec AAC หรือไฟล์เสียงที่ถูกบีบอัดประเภทนี้จะมอบให้ได้แล้วล่ะครับ

ตัดเสียงภายนอกได้อย่างยอดเยี่ยม

ขยายความโหดของ Active Noise Canceling ใน WF-1000XM3 กันหน่อย หูฟังรุ่นนี้ใช้ HD Noise Canceling Processor QN1E : ชิปประมวลผลตัวใหม่จากทาง Sony ที่จะช่วยจัดการกับเสียงรบกวนภายนอกได้เกือบทุกย่านความถี่ พร้อมมีคุณสมบัติในการช่วยประหยัดพลังงาน ซึ่งก็ไว้ใจได้เพราะชิปตัวนี้เป็นการต่อยอดมาจากหูฟังตัวเทพรุ่นที่แล้วอย่าง WH 1000XM3 นั่นเอง

แต่ถ้าว่ากันถึงประสิทธิภาพกันเสียงภายนอกแบบตรงไปตรงมา ผู้เขียนก็ต้องบอกเลยว่านี่คือหูฟังที่มีการตัดเสียงที่ดีเยี่ยมที่สุดจากบรรดาหูฟังทรูไวร์เลสทั้งหลายที่มีในท้องตลาดตอนนี้ เสียงรถ, เสียงผู้คนคุยกัน หรือแม้เขตก่อสร้าง WF-1000XM3 เอาอยู่จริง ๆ สามารถตัดทอนเสียงรอบข้างได้อยู่หมัด!

และในรุ่นนี้ปัญหาเสียงไม่ตรงกับภาพก็ได้หายไปเป็นที่เรียบร้อย นั่นเป็นเพราะชิป Bluetooth 5.0 รุ่นใหม่ที่การลำเลียงส่งสัญญาณจะถูกลดความหน่วงหรือ Latency ลง ด้วยการที่หูฟังทั้งสองข้างเชื่อมต่อกับมือถือพร้อมกันและทำการบัฟเฟอร์ (หรือที่เรียกว่าการพักและปล่อยสัญญาณ) ออกไปพร้อมกัน ซึ่งบัฟเฟอร์หูฟังด้านซ้ายและด้านขวาพร้อมกัน ลดระยะเวลาซิงค์หู 2 ข้างลง ทำให้แก้ปัญหาเสียงไม่ตรงปากไปได้เยอะมาก ๆ คือมันมีอยู่แหล่ะครับ แต่เป็นในระดับมิลลิเซกหรือแค่เสี้ยววินาทีแยกไม่ออกหรอกว่าตรงไม่ตรงขนาดไหน

ส่วนการใช้คุยโทรศัพท์ ต้องบอกว่า WF-1000XM3 มีการพัฒนาขึ้นจากตัวไมค์ตัดเสียงที่เพิ่มเข้ามา ทำให้คู่สายได้ยินคำพูดของเราครบถ้วนดี แต่ถ้าเป็นสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมอึกทึกครึกโครมอันนี้ก็ต้องทำใจว่าตัวหูฟังคงจะให้เสียงที่ไม่ครบถ้วนทั้งหมดครับ

และชิปใหม่อย่าง HD Noise Canceling Processor QN1E ไม่ได้แค่นำระบบตัดเสียงตัวเทพมาเท่านั้น แต่ยังคงทำให้การลำเลียงไฟผ่านไปยังบริเวณต่าง ๆ ของหูฟังนั้นดีขึ้นและส่งผลให้มีการใช้งานที่นานขึ้นครับ โดยหากใช้ในโหมดที่เปิดระบบตัดเสียงภายนอกหรือ Active Noise Canceling เราก็จะสามารถฟังเพลงติดกันได้ที่ 6 ชั่วโมง ตัวเลขนี้ไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะครับสำหรับใช้ในการเดินทางไปทำงานระหว่างวัน หรือนับจากการเป็นหูฟังทรูไวร์เลสที่มีแยกการทำงานออกจากกันโดยสิ้นเชิง แต่ถ้ารู้สึกว่าไม่พอ เจ้าตัวเคสใส่หูฟังก็สามารถก็มีแบตเตอรีให้ใช้งานได้อีก 18 ชั่วโมงหรือว่าง่าย ๆ ว่าคุณสามารถใช้หูฟังจนแบตหมดได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งนั่นคือการเปิดระบบ Active Noise Canceling แล้วด้วยนะ (ถ้าไม่เปิดจะใช้งานหูฟังต่อครั้งได้ 8 ชั่วโมงและนำไปชาร์จมาใช้ใหม่ได้เป็น 32 ชั่วโมง)

ข้อสังเกต

อ่าน ๆ ดู WF-1000XM3 อาจจะดูเป็นหูฟังที่ไร้ที่ติ แต่เอาเข้าจริง ๆ ก็มีข้อสังเกตอยู่เหมือนกันครับ สิ่งแรกเลยคือเซนเซอร์ข้างหูฟังไม่สามารถลด/เพิ่มเสียงได้ ซึ่งควรเป็นคุณสมบัติอันดับต้น ๆ ที่หูฟังควรจะมี เพราะในหลายกรณีฉุกเฉินเราก็คงไม่สามารถที่จะไปลดหรือเพิ่มเสียงผ่านอุปกรณ์ที่เราเชื่อมอยู่ได้โดยตรงครับ

และอีกข้อสำหรับคนที่จริงจังเรื่องการเชื่อมต่อ หูฟังรุ่นนี้รองรับ codec เสียงแค่ SBC กับ AAC นะครับ ไม่รองรับ aptX หรือ LDAC ของโซนี่เอง ซึ่งสำหรับคนใช้ iPhone หรือ Android ก็คงไม่มีปัญหาเพราะใช้ Codec AAC ในการเชื่อมต่ออยู่แล้ว ซึ่งก็ให้คุณภาพเสียงที่ดีพอ แต่สำหรับคนใช้อุปกรณ์อื่นๆ ที่ไม่รองรับ AAC อย่าง Sony Walkman บางรุ่น ก็ต้องกลับไปใช้รูปแบบเสียงพื้นฐานเป็น SBC ที่คุณภาพด้อยกว่า AAC แบบฟังออก ก็น่าเสียดายที่หูฟังไม่สามารถโชว์ศักยภาพได้เต็มที่กับอุปกรณ์บางตัว

สรุป WF-1000XM3 เสียงดีเอกลักษณ์ Sony พร้อมตัดเสียงภายนอกได้โคตรจะเทพ

อาจกล่าวได้ว่า WF-1000XM3 คือหูฟังทรูไวร์เลสที่ยอดเยี่ยมตัวหนึ่งในปีนี้เลยก็ว่าได้ ทั้งระบบตัดเสียงที่ยอดเยี่ยม, คุณภาพของเสียงที่ดีและมีเอกลักษณ์ตามสไตล์หูฟัง Sony, แบตเตอรีที่ใช้ได้นาน และน่ารักมาก ๆ ตรงที่รูชาร์จเป็น Type C! เรียกได้ว่าเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นอันดับต้น ๆ ในท้องตลาดตอนนี้เลยก็ว่าได้ครับ

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส