รีวิว MagSafe Battery Pack คุ้มไหมกับราคา 3 พันกว่าบาท
Our score
7.0

MagSafe Battery Pack

จุดเด่น

  1. Design สวยงามและวัสดุ ดีเลิศ
  2. มีขนาดเล็ก เบาและพกพาง่าย
  3. MagSafe ดูดติดแข็งแรงมาก
  4. ใช้งานง่ายมีสถานะแสดงให้เห็นตลอดในทุกๆจุด
  5. สะดวกในการชาร์จ ชาร์จไปพร้อมกับ iPhone ได้เลย

จุดสังเกต

  1. ชาร์จแบบ Power Bank จ่ายไฟได้แค่ 5W (ส่วนถ้าเสียบไฟชาร์จเข้าก้อนแบต จะกลายเป็นแท่นชาร์จไร้สาย 15 W)
  2. วัสดุอาจเป็นรอยได้ง่าย
  3. ขนาด battery น้อยไปหน่อย
  4. ราคาสูงกว่าคู่แข่งในตลาดทั่วไป
  5. ควรทำให้ชาร์จกับ Apple Watch ได้

มาแล้วครับ MagSafe Battery Pack จาก Apple เลย แน่นอนเจ้าตัวนี้ต้องไม่ธรรมดา ทุกคนคงจะเคยเห็น Smart Battery case ของ iPhone11 กันมาแล้วเมื่อปีก่อน ทำให้เจ้าตัวนี้ก็เป็นอุปกรณ์ตัวที่ 2 แล้วครับที่ Apple ได้ทำออกมาสำหรับการใช้งานเป็น battery เสริมให้กับ iPhone12 (สำหรับ iPhone11 ต้องไปหา case MagSafe มาใส่ถึงจะใช้ได้ครับ) เรามาดูกันดีกว่าว่ารอบนี้ Apple มีอะไรมาให้บ้าง

Magesafe Battery pack บรรจุมาด้วยขนาดกล่องกระทัดรัด style Apple มีการแพ็กที่เรียบง่าย เมื่อแกะ seal ด้านบนแล้วเปิดมาก็จะเป็น กล่องซ้อนอีกใบที่เลื่อนออกมาได้ แล้วเจ้า MagSafe Battery pack ก็จะวางอยู่ให้เห็นชัดเจนเลยทันทีครับ โดยจะมีพลาสติกขุ่นห่อไว้อีกชั้นเพื่อกันรอยตามสไตล์ Apple ครับ เมื่อแกะออกมาก็สามารถใช้ได้ทันทีเลยครับ แต่ถ้าจะให้ดีต้องเอาไปชาร์จเพิ่มก่อนนะครับ เพราะที่เค้าให้มานั้นแบตจะให้มาแบบไม่เต็มครับ

สเปก

  • ความจุแบตเตอรี่ : 1,460 mAh 7.62V
  • จ่ายไฟสูงสุด : 15 Watt
  • พอร์ตเชื่อมต่อ : Lighting (20W)

จะเห็นว่า MagSafe Battery pack นั้นมีขนาดแบตที่เล็กอยู่พอสมควร ทำให้มีน้ำหนักค่อนข้างเบา ส่วนตัววัสดุค่อนข้างดีมาก มันจะรู้สึกมน ๆ หน่อยครับด้านบน ให้จับสะดวกไม่ลื่นมาก แต่วัสดุแบบนี้อาจจะเป็นรอยง่ายเหมือนกันนะครับ ส่วนด้านล่างนั้นจะเป็นเหมือนแผ่นวางของ MagSafe เลยครับ ส่วนด้านข้างจะมี port lighting และ LED เพื่อชาร์จ

การชาร์จปกติในแบบ Power Bank จะจ่ายไฟให้ iPhone แบบไร้สายได้แค่ 5 Watt เท่านั้น แต่เมื่อชาร์จโดยเสียบ Lightning เข้าตัว battery pack โดยตรงเพื่อใช้งานในแบบแท่นชาร์จไร้สาย ตัว MagSafe Battery pack จะสามารถจ่ายไฟได้ 15 Watt ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของ MagSafe ตอนนี้

ซึ่งการเสียบชาร์จ MagSafe Battery pack โดยตรงนั้นจะสามารถรับไฟได้เต็ม ๆ เลยที่ 20W ในขณะเดียวกันเมื่อใช้กับ iPhone จะชาร์จได้ถึงแค่ 90% เท่านั้นด้วยความต้องการถนอมการใช้งานเพื่อให้ทำได้ต่อเนื่องทั้งวัน

และมาพูดถึงขนาด battery ใน อุปกรณ์แต่ละรุ่นของ Apple ที่รองรับการชาร์จแบบ MagSafe/Qi กันบ้าง

  • iPhone 12 : 2,227 mAh
  • iPhone 12 Pro : 2,815 mAh
  • iPhone 12 Pro Max : 3,687 mAh
  • iPhone 11 : 3,046 mAh
  • iPhone 11 Pro : 3,190 mAh
  • iPhone 11 Pro Max : 3,969 mAh
  • AirPods 2 : 398 mAh
  • AirPods Pro : 519 mAh

ซึ่งแบตเตอรี่ของ MagSafe Battery pack นั้นจุ 1,460 mAh และมีแรงดันไฟ 7.62V ซึ่งมากกว่าแรงดัน 3.7 V ของแบตที่อยู่ใน iPhone จึงทำให้ชาร์จไอโฟนได้พอดีๆ กับความจุแบตในเครื่องครับ แต่ก็เน้นเอามาใช้ชั่วคราวเป็นพักๆ ค่อยๆ ใช้และก็ค่อย ๆ ชาร์จไปครับ เน้นพกสะดวก และระหว่างวัน แต่ถ้านั่งโต๊ะแล้ว ก็ต้องเสียบสายแทนครับ แต่ข้อดีก็คือยังเอามาใช้ชาร์จ Airpods ได้นะครับและเกินพอหลายรอบซะด้วยสิครับ

เริ่มต้นใช้งาน

สำหรับการเริ่มต้นใช้งานก็ใช้งานได้ง่ายมากครับ เราแค่เอาเจ้าตัว battery pack มาแปะด้านหลังแค่นั้นเอง มันก็จะเริ่มทำงานในทันที ส่วนความแข็งแรงผมค่อนข้างตกใจมากเพราะ battery pack นี้แม่เหล็กดูดติดหลังเครื่องได้แข็งแรงมาก ๆ ครับ แม้แต่จะลองเขย่า ๆ สะบัดรุนแรงแค่ไหน ก็ยอมหลุดเลยครับ แต่จะหลุดออกง่ายมากหากมีการดันเลื่อนตัว battery ออกไปด้านข้าง ดังนั้นการใช้งานที่เหมาะสมที่สุดของตัว battery pack ก็คือใช้แบบถือไว้ในมือ วางไว้ที่โต๊ะ หรือใส่ไปในกระเป๋าครับ แต่ไม่เหมาะอย่างมากถ้าใส่ไปในกระเป๋ากางเกง เพราะตัวแม่เหล็กจะหลุดออกค่อนข้างง่ายในทันที

เมื่อเอามาประกบใช้งานแล้วก็จะออกมาแบบนี้เลยครับ ซึ่งเพื่อน ๆ ทุกคนก็น่าจะเห็นว่าหน้าตามันคล้ายมากกับตัว iPhone Smart Battery pack ที่ Apple เคยออกมาแล้วรอบนึงครับ เป๊ะ! แต่ก็จะอาจจะเห็นได้ว่าจะมีความหนามากกว่าอยู่นิดหน่อยครับ

สำหรับรายละเอียดในการใช้งาน ทุกครั้งที่เราเอา MagSafe Battery pack มาแปะหลังเครื่องเนี่ย จะมี noti และเสียงแจ้งเตือนแบบพิเศษ รวมทั้งการแสดง popup บนหน้าจอ และแสดงสถานะการชาร์จให้เห็นด้วยครับ ครบมากจริงๆ

เสียง noti ตอนเอา battery pack มาแปะหลังเครื่อง

ฟีเจอร์ใหม่ Reverese Charging

และสิ่งที่มาใหม่ที่มาข่าวมากก่อนหน้านี้เรื่อง Reverse Charging ที่มีการบอกใน spec ว่า iPhone12 ทำได้ มาวันนี้ได้ใช้แล้วนะครับ แต่ใช้ได้กับ MagSafe Battery pack เท่านั้นนะครับในตอนนี้

คุณสามารถที่จะชาร์จผ่าน iPhone ไปด้วยพร้อมกับ MagSafe Battery pack ไปด้วยเลยครับ ก็คือชาร์จทีเดียวได้ 2 อุปกรณ์ทันที on the go มากๆครับ แปลว่า หลังเครื่อง iPhone ก็สามารถส่งพลังงานไปให้อีกอุปกรณ์นึงได้เช่นกันครับ ผมลองแล้ว ก็พบหน้าตาขึ้นชาร์จแบบนี้ ทั้งคู่แทนครับ

สรุปคุ้มไหม

สำหรับ Apple MagSafe Battery pack นี้มีราคาอยู่ที่ $99 ซึ่งยังไม่มีเปิดตัวราคาในไทย แต่สำหรับราคาหิ้วอยู่ประมาณ 4,000 บาทในตอนนี้ครับ ด้วยราคานี้ และได้ความคล่องตัวมากขึ้นในการมีแบตใช้ชั่วคราว เผื่อใช้งานตลอดวัน (แม้ในช่วงนี้เราไม่สามารถไปไหนกันได้ก็ตาม) โดยส่วนตัวสำหรับผม คิดว่าค่อนข้างคุ้มเลยครับ ทั้งเบา พกพาสะดวก และเอาไปชาร์จกับ AirPods ได้ด้วย เวลาจะชาร์จเข้า Battery pack ก็ไม่ต้องพกสายอื่น ชาร์จเข้าผ่าน iPhone ได้เลย ก็ค่อนข้างสะดวกดีครับ และถ้าคิดว่าปกติราคาที่ชาร์จ MagSafe ขายอยู่ 1,490 บาท ก็แพงอยู่แล้ว การเพิ่มเงินอีก 2,000 บาทเพื่อเพิ่มฟังก์ชันปลดล็อกเป็น Power Bank พกพาไปที่ไหนก็ได้ สะดวกขึ้น ก็ทำให้รู้สึกคุ้มค่ามากขึ้นครับ

ในเมื่อ battery capacity มีความจุ 1,460 mAh อาจจะให้ลองคิดกันอีกด้านครับ ว่าในแต่ละวันเราจะมีแบตให้ใช้งานเพิ่มมาเท่านี้ ไม่ว่าจะ แชต ประชุม หรือเล่นเกม จะหลังหรือระหว่างใช้ ก็เอา battery pack มาใส่ได้เลย ตลอดเวลาเพื่อลดหย่อนการใช้แบตในรูปแบบประจำวันที่เราใช้งานอยู่ครับ

และสุดท้ายจะดีมาก ๆ ถ้าหากในอนาคตจะมี MagSafe จะมีรุ่นใหญ่กว่านี้ให้สามารถชาร์จ iPhone ได้แบบไว ๆ สัก 10W แต่ยังเบาอยู่ และสามารถชาร์จ Apple Watch คงจะดีมาก ๆ เลยครับ

และก็หวังว่ารีวิวนี้ จะให้ข้อมูลเพื่อนๆในการตัดสินใจกันได้มากขึ้นนะครับ มีความคิดอย่างไรก็อย่าลืมมาบอกกันบ้างนะครับผม

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส