Sony ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนเรือธงเน้นศักยภาพด้านถ่ายภาพรุ่นล่าสุด นั่นคือ Xperia 1 VII (อ่านว่า Mark 7) ซึ่งมีดีไซน์ใกล้เคียงกับ Xperia 1 VI รวมถึงได้รับการติดตั้งหน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว, แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh, ระบบกล้อง 3 ตัว และสีตัวเครื่องใหม่ 2 สี ได้แก่ Moss Green และ Orchid Purple

เริ่มกันที่ระบบการถ่ายภาพ ซึ่งเป็นไฮไลต์หลักของสมาร์ตโฟนในตระกูล Xperia โดยได้รับการติดตั้งกล้องหลัง จำนวน 3 ตัว ซึ่งยังคงใช้เซนเซอร์เดียวกับรุ่นก่อน ดังนี้
- กล้องหลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล : เซนเซอร์ Exmor T ขนาด 1/1.35 นิ้ว, ความยาวโฟกัส 24 มม., รูรับแสง f/1.9, ระบบกันสั่น OIS (Optical Image Stabilization), ระบบออโตโฟกัส PDAF (Phase Detection Autofocus)
- กล้องซูม ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล : เซนเซอร์ Exmor RS ขนาด 1/3.5 นิ้ว, ความยาวโฟกัส 85 – 170 มม., รูรับแสง f/2.3 – f/3.5, รองรับการโฟกัสภาพระยะ 4 ซม. ที่ความยาวโฟกัส 120 มม.
ทั้งนี้ เซนเซอร์ที่ได้รับการอัปเกรด คือ
- กล้อง Ultrawide ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล : เซนเซอร์ Exmor RS ขนาด 1/1.56 นิ้ว (ใหญ่ขึ้น 2.1), ความยาวโฟกัส 16 มม., รูรับแสงกว้างขึ้นเป็น f/2.0 ช่วยให้เก็บแสงได้มากขึ้น (จากเดิม f/2.2)


Sony ได้นำฟีเจอร์ AI อัจฉริยะที่ทรงพลัง เรียกว่า Alpha มาช่วยส่งเสริมระบบการถ่ายภาพ ได้แก่ AI ช่วยโฟกัสดวงตามนุษย์และสัตว์โดยอัตโนมัติแบบเรียลไทม์, AI ช่วยตรวจจับวัตถุอัตโนมัติ, AI ช่วยจัดการ White Balance, AI ช่วยจัดการ Exposure และ AI ช่วยวิเคราะห์ความลึกของภาพ รวมถึงรองรับการบันทึกภาพแบบ Ultra HDR และยังคงมาพร้อมปุ่มชัตเตอร์แบบ 2 จังหวะ ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ โดยได้รับการปรับปรุงให้มีความกว้างมากขึ้นและใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น
ในขณะที่กล้องด้านหน้าตัวเครื่องมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f/2.0

นอกจากนี้ยังมาพร้อมช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ซึ่งใช้วัสดุตะกั่วและทองคำ เพื่อให้สามารถส่งสัญญาณเสียงคุณภาพสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และวงจร AIC (Audio Integrated Circuit) ช่วยจัดการเสียงให้มีคุณภาพสูงขึ้น

ด้านการประมวลผลนั้น ได้อัปเกรดมาใช้ชิปเซตเรือธง Qualcomm Snapdragon 8 Elite ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 4.32 GHz ซึ่งได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพซีพียู, ชิปกราฟิก และชิป AI ให้สูงขึ้นกว่า 40% เมื่อเทียบกับ Snapdragon 8 Gen 3 ในรุ่นก่อน โดยทำงานร่วมกับแรม 12 GB และสตอเรจ 256 GB (รองรับ MicroSD Card ช่วยขยายสตอเรจได้สูงสุดถึง 2 TB) บนซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ Android 15 ที่รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์เป็นระยะเวลา 4 ปี และอัปเดตแพตช์ความปลอดภัยเป็นระยะเวลา 6 ปี
รวมถึงรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7 และส่งข้อมูลผ่าน Bluetooth ได้เร็วขึ้นเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน

Sony Xperia 1 VII ยังได้รับการติดตั้งแผงหน้าจอ OLED ของ BRAVIA (แบรนด์ของ Sony ที่ผลิตโทรทัศน์ระดับพรีเมียม) ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด 1,080 x 2,340 พิกเซล โดยรองรับรีเฟรชเรต 120 Hz, และมีความสว่างสูงขึ้น 20% ซึ่งป้องกันรอยด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus 2 และ Victus รุ่นแรกที่ด้านหน้าและหลังตัวเครื่องตามลำดับ และมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68 ซึ่งช่วยป้องกันตัวเครื่องในน้ำลึก 1.5 เมตร ได้นานสูงสุด 30 นาที
Sony ยังได้ติดตั้งเซนเซอร์วัดแสง (Illuminance Sensor) ที่ด้านหน้าและด้านหลังตัวเครื่องของ Xperia 1 VII เพื่อช่วยตรวจวัดแสงและปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ รวมถึงปรับสีเพื่อรองรับสภาวะแสงที่ต่างกันโดยอัตโนมัติ และติดตั้งลำโพงสเตอริโอแบบ Full-Stage เพื่อมอบเสียงเบสและเบสกลางที่หนักแน่นขึ้น 10% ซึ่งได้รับการปรับแต่งคุณภาพโดย Sony Music Entertainment

นอกจากนี้ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh เช่นเดียวกับรุ่นก่อน และรองรับการชาร์จไฟ 30 W ซึ่งทาง Sony ยืนยันว่าสามารถจัดการพลังงานให้ใช้งานได้นานถึง 2 วันเต็ม รวมถึงรับชมวิดีโอต่อเนื่องได้นานถึง 36 ชั่วโมง รวมถึงฟีเจอร์ Xperia Adaptive Charging และ Battery Care ซึ่งช่วยคงศักยภาพของแบตเตอรี่ให้ลดลงไม่ถึง 20% หลังจากใช้งานไปแล้ว 48 เดือน
Sony Xperia 1 VII มีด้วยกัน 3 สี ได้แก่ Slate Black, Moss Green และ Orchid Purple โดยได้รับการวางจำหน่ายในยุโรปและสหราชอาณาจักร ในราคา 1,499 ยูโร หรือประมาณ 55,400 บาท และ 1,399 ปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 61,500 บาท
นอกจากนี้จะมีเวอร์ชันความจุ 512 GB สำหรับตลาดเอเชียด้วย ซึ่งทาง Sony จะเปิดเผยข้อมูลราคาให้ทราบต่อไป
