รีวิว Sony WH-1000XM5 หูฟังตัดเสียงรุ่นท็อปสำหรับคนรักเสียงเบส
Our score
8.7

Sony WH-1000XM5

จุดเด่น

  1. เป็นหนึ่งในหูฟังอัจฉริยะที่สุดของตลาด ทั้งปรับระดับการตัดเสียงเอง หรือหยุดเพลงเองเมื่อพูด
  2. สามารถเชื่อมต่อได้ 2 อุปกรณ์พร้อมกัน
  3. ไมโครโฟนปรับปรุงให้ดีขึ้น สามารถใช้คุยสายได้มั่นใจกว่ารุ่นที่แล้ว
  4. ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดีเยี่ยม รวมถึงการดึงเสียงภายนอกก็ทำได้ดี เป็นธรรมชาติ
  5. โทนเสียงหนาหนักแน่น แต่เสียงกลาง-แหลมก็ยังแหวกความหนาออกมาได้

จุดสังเกต

  1. ราคาสูงขึ้นกว่ารุ่นที่แล้ว แต่ความสามารถส่วนใหญ่ไม่ได้ต่างกันแบบก้าวกระโดด
  2. บางเพลงจะเจออาการเบสล้น เบสบวมบ้าง ถ้าไม่ชอบต้องปรับ EQ แก้ในส่วน clear bass
  3. เคสเก็บหูฟังใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นที่แล้วนิดหน่อย
  • คุณภาพเสียง

    8.8

  • คุณภาพวัสดุ

    9.0

  • ความคล่องตัวในการใช้

    8.5

  • ความสามารถในการคุยโทรศัพท์

    9.1

  • ความคุ้มค่า

    8.0

หูฟังตระกูล Sony WH-1000X เป็นหูฟังไร้สายแบบครอบศีรษะที่สร้างชื่อเสียงและการยอมรับมากที่สุดของโซนี่ในยุคปัจจุบันนะครับ ที่ทั้งอัจฉริยะและตัดเสียงรบกวนได้ดีเยี่ยม เมื่อ Sony WH-1000XM5 ที่ถือเป็นรุ่นที่ 5 ของตระกูลนี้ออกมา แบไต๋เราก็ไม่พลาดที่จะรีวิวให้อ่านกัน

งานออกแบบของ Sony WH-1000XM5

Sony WH-1000XM5
Sony WH-1000XM5

ดีไซน์ของ Sony WH-1000XM5 เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดในหูฟังรุ่นนี้นะครับ หลังจากใช้ดีไซน์การออกแบบคล้ายๆ กันมาตั้งแต่ WH-1000XM ตัวแรก จนถึง WH-1000XM4 แล้วก็มาเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรุ่นที่ 5 นี้ครับ

จุดแตกต่างแรกคือหูฟังไม่สามารถพับเวลาเก็บได้เหมือนรุ่นก่อนแล้ว เพราะเปลี่ยนดีไซน์ก้านใหม่เป็นกลม ๆ ที่พับไม่ได้ และดึงปรับระยะความยาวได้อิสระ ไม่ได้ดึงเป็นขั้น ๆ แม้ว่าการที่ WH-1000XM5 พับไม่ได้จะทำให้ขนาดตัวหูฟังใหญ่ขึ้นเวลาพกพา แต่ก็ไม่ได้ใหญ่ขึ้นมากนักจนพกลำบาก ซึ่งขนาดหลังใส่เคสของหูฟังทั้ง 2 รุ่นเป็นดังนี้

Sony WH-1000XM5Sony WH-1000XM4
กว้าง20.2 ซม.16.8 ซม.
ยาว23.6 ซม.21.1 ซม.
สูง5.9 ซม.5.8 ซม.
ขนาดเคสของหูฟัง Sony ทั้ง 2 รุ่น

ซึ่งเคสของหูฟังรุ่นนี้ทำออกมาได้ดีเลย เป็นเคสแข็งพร้อมวัสดุซับแรงมากมายในเคส ทำให้มั่นใจแน่นอนว่าหูฟังของเราจะปลอดภัยในเคสนี้ แต่บางทีจังหวะที่เก็บหูฟังเร็ว ๆ ตัวหูฟังจะไปเกี่ยววัสดุที่บุด้านในให้ปลิ้นออกมาบ้าง ก็ต้องค่อย ๆ ใส่ ให้หูฟังไม่ไปทับตัวกันกระแทกด้านในครับ

ซ้ายคือเคสของ WH-1000XM4 และขวาคือเคสของ WH-1000XM5
ซ้ายคือเคสของ WH-1000XM4 และขวาคือเคสของ WH-1000XM5
ด้านข้างของเคส Sony WH-1000XM5 ที่มีรอยพับแบบโอริกามิ
ด้านข้างของเคส Sony WH-1000XM5 ที่มีรอยพับแบบโอริกามิ

นอกจากนี้ในเคสยังมีช่องสำหรับเก็บสาย USB-C สำหรับชาร์จหูฟัง (ปลายอีกข้างเป็น USB-A) และสาย AUX 3.5 mm สำหรับเชื่อมสัญญาณเสียงกับหูฟังแบบมีสายด้วย แต่ไม่มีหัวแปลงสัญญาณเสียง 2 ขาสำหรับเครื่องบินมาให้แล้ว ส่วนดีไซน์ภายนอกตรงส้นเคสมีการเล่นเส้นสายเหมือนโอริกามิหรือการพับกระดาษของญี่ปุ่นให้ดูมีลูกเล่นสวยงาม

กลับมาที่ตัวหูฟังต่อ ส่วนของก้านคาดศีรษะด้านบนกว้างน้อยลง แต่ก็บุโฟมนุ่มใส่สบายอยู่ดี ตัวแป้นหูฟังทั้งซ้ายและขวาบุเมมโมรี่โฟมนุ่ม ทำให้ใส่หูฟังได้สบาย ยาวนานโดยไม่ล้าหูมากนักครับ แน่นอนสำหรับหูฟังแบบปิดอย่างนี้ ก็จะเกิดความร้อน หรือเหงื่อสะสมภายในแป้นบ้างถ้าฟังต่อเนื่องนาน ๆ โดยส่วนตัวคิดว่าใส่รุ่น 5 นี้ใส่แล้วนุ่มสบายกว่ารุ่น 4 ครับ แต่ผู้ใช้งานบางคนก็บอกว่ารุ่นที่ 4 ใส่สบายกว่า อันนี้ก็ต้องหาหน้าร้านลองด้วยตัวเองดูครับ

หูฟังและกล่องแบบรักษ์โลก
หูฟังและกล่องแบบรักษ์โลก

ส่วนตัวกล่องสำหรับขาย นั้นดีไซน์ตามแนวคิดรักสิ่งแวดล้อมของโซนี่ที่เริ่มใช้มาตั้งแต่หูฟัง TWS ตัวเล็กอย่าง Sony WF-1000XM4 ที่บรรจุภัณฑ์ทั้งหมดจะทำจากกระดาษที่ย่อยสลายหรือเอาไปรีไซเคิลได้ครับ ไม่มีพลาสติกเป็นส่วนประกอบ ไม่ได้เคลือบผิวกระดาษมาด้วย ก็ทำให้หลังจากแกะกล่องแล้วจะเก็บกลับให้เหมือนเดิมไม่ได้เพราะสายคาดกระดาษนั้นยึดมาด้วยกาวครับ

การควบคุมของ Sony WH-1000XM5

หูฟังซีรีส์นี้ขึ้นชื่อเรื่องระบบอัจฉริยะมาตลอดนะครับ ใครที่อยากได้หูฟังที่คิดเองได้ ประเมินสภาพแวดล้อมผู้ใช้เพื่อปรับเสียงอัตโนมัติ หยุดเพลงเองเมื่อพูด ก็ต้องใช้หูฟังตระกูลนี้ครับ (ส่วนใครที่อยากควบคุมเองทั้งหมด ก็ปิดฟังก์ชันได้นะ) แม้ว่าโดยรวมระบบอัตโนมัติจะไม่ต่างกับรุ่นที่ 4 มากนัก แต่ก็ยังถือเป็นผู้นำตลาดอยู่ดีครับ

ปุ่มเปิด-ปิดหูฟัง และปรับการตัดเสียง
ปุ่มเปิด-ปิดหูฟัง และปรับการตัดเสียง

เริ่มจากการควบคุมที่ตัวหูฟังกันก่อนครับ ที่หูด้านซ้ายจะมี 2 ปุ่มคือ

  • ปุ่มเปิด-ปิดหูฟังที่กดต่อเนื่องจะเข้าโหมดเชื่อม Bluetooth
  • ปุ่ม NC/AMB ที่กดเพื่อเปลี่ยนโหมดตัดเสียงรบกวนหรือดึงเสียงภายนอก หรือกด 2 ครั้งหรือ 3 ครั้งเพื่อใช้งาน Spotify Tap สำหรับเปลี่ยน Playlist ที่กำลังเล่นอยู่ไปยังเพลย์ลิสต์โปรดอื่น ๆ ของเราครับ (Spotify Tap ต้องเซตให้เรียบร้อยผ่านแอป Sony Headphone Connect ก่อน ถึงจะใช้ได้)

ส่วนที่หูฟังด้านขวาจะเป็นการควบคุมผ่านการสัมผัสครับ ซึ่งมีหลายคำสั่งมาก ๆ คือ

  • เอาทั้งมือแตะค้างที่หูด้านขวา – ใช้โหมด Quick Attention เพื่อลดระดับเสียงเพลงแล้วฟังเสียงภายนอก
  • แตะ 2 ครั้ง – เล่น/หยุดเพลง, รับสาย/จบสาย
  • ปัดไปข้างหน้า – เปลี่ยนเพลง
  • ปัดไปข้างหลัง – ย้อนเพลง
  • ปัดขึ้น – เร่งเสียง
  • ปัดลง – ลดเสียง
  • ใช้นิ้วแตะค้าง – เรียกผู้ช่วยอัจฉริยะ (Siri หรือ Google Assistent) หรือใช้ตัดสาย

นอกจากนี้ยังมีเซนเซอร์ตรวจการถอดหูฟังอยู่ที่ข้างซ้ายด้วย เมื่อถอดหูฟังออก เพลงก็จะหยุดเองครับ ซึ่งเซนเซอร์ตัวใหม่นี้จะถูกซ่อนไม่ให้เห็น ต่างจากของ WH-1000XM4 ที่มองเห็นในที่ครอบหู

การควบคุมด้วย Sony Headphone Connect

ความอัจฉริยะมาก ๆ ของหูฟังรุ่นนี้จะสั่งผ่านแอป Sony Headphone Connect เหมือนเดิมครับ ซึ่งผู้ใช้สามารถตั้งค่าได้อีกเพียบคือ

  • Adaptive Sound Control หรือการตรวจจับตำแหน่งของเราเพื่อปรับลักษณะการตัดเสียงรบกวนหรือการดึงเสียงภายนอก เช่นถ้าเราเดินอยู่ ระบบดึงเสียงภายนอกอัตโนมัติเพื่อให้ได้ยินเสียงรอบตัว หรือถ้าเรานั่งรถ ระบบก็จะปรับเป็นตัดเสียงรบกวนสูงสุดเพื่อตัดเสียงเครื่องยนต์ออกไปครับ
  • Speak-to-Chat ระบบตรวจจับการพูดของเรา ถ้าหูฟังตรวจได้ว่าเรากำลังพูดอยู่ เพลงจะหยุดเอง แล้วหูฟังจะดึงเสียงภายนอกเข้ามา ทำให้เราคุยกับคนอื่นได้แม้จะไม่ได้ถอดหูฟัง แต่ถ้าใช้แล้วไม่ถูกใจ เช่นเวลาไอหรือพูดกับตัวเองแล้วเพลงหยุดเอง ก็มาปรับความไว หรือปิดฟังก์ชันนี้ได้ แต่เท่าที่เราใช้มา Speak to Chat ในรุ่น 5 นี้ได้รับการปรับปรุงให้ดีกว่ารุ่น 4 แล้วครับ
  • ปรับ EQ เสียง เป็น EQ แบบ 5 band พร้อมแถบปรับเสียงเบส
  • ปรับรูปแบบการควบคุมของปุ่มต่าง ๆ

นอกจากนี้เรายังใช้แอป Sony Headphone Connect เพื่อปรับแต่งหูฟังของเราให้รองรับเสียงรอบทิศทาง 360 Reality Audio ได้ด้วย แล้วไปฟังเพลงรอบทิศทางแบบนี้ใน Tidal ได้

สเปกด้านเสียงของ Sony WH-1000XM5

หูฟังมาพร้อมสาย 3.5mm และสายชาร์จ USB-C
หูฟังมาพร้อมสาย 3.5mm และสายชาร์จ USB-C

สเปกด้านเสียงของ Sony WH-1000XM5 นั้นแตกต่างจากรุ่นที่แล้วพอสมควรครับ โดยเฉพาะการเปลี่ยนไดรเวอร์ในหูแต่ละข้างเป็นขนาด 30 mm ที่รองรับความถี่ตั้งแต่ 5 – 40,000 Hz แทนที่ไดรเวอร์ขนาด 40 mm ในหูรุ่นเดิม นอกจากนี้ยังมีชิปประมวลผล 2 ตัวทำงานร่วมกันเพื่อให้ตัดเสียงรบกวนได้ดีที่สุดคือชิป QN1 สำหรับตัดเสียงรบกวน และชิป V1 เพื่อประมวลผลเสียง

หูฟังรุ่นนี้รองรับ Bluetooth 5.2 รองรับ Codec เสียงที่สำคัญครบถ้วนคือ SBC, AAC และ LDAC ซึ่งถ้าต้องการใช้ความสามารถในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ 2 ตัวพร้อมกัน (Multi Point) จะไม่สามารถใช้ LDAC ที่ให้คุณภาพเสียงสูงสุดได้ จะเป็นการเชื่อมต่อผ่าน AAC ที่ให้คุณภาพรองลงมาเท่านั้น (แต่ก็ยังถือว่าให้เสียงเยี่ยมอยู่ดี) ส่วนใครที่ใช้ iPhone ไม่ต้องคิดมากครับ เพราะไอโฟนเชื่อมได้แต่ AAC เพราะงั้นเปิดระบบเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์ไว้เลยจะทำให้ชีวิตสะดวกขึ้น สามารถต่อหูฟังกับคอมพิวเตอร์พร้อมกันก็ได้ ส่วนคนที่ใช้ Android ที่รักเสียงเพลงจริงๆ ก็สามารถปิด “Connect to 2 devices simulaneously” ในหน้า System ของแอปเพื่อใช้ LDAC ที่ให้คุณภาพเสียงดีที่สุดได้ครับ

การเก็บสายภายในเคส
การเก็บสายภายในเคส

แต่ก็ไม่ใช่ทุกกรณีที่การเชื่อม 2 อุปกรณ์จะทำได้ราบรื่นนะครับ มันอาจจะมีปัญหาบ้างเวลาที่ 2 อุปกรณ์จะพยายามแย่งใช้งานพร้อมกัน เช่น ตอนที่ประชุมออนไลน์ในคอมพิวเตอร์อยู่ บางทีถ้าโทรศัพท์เข้า เสียงจากโทรศัพท์จะเข้ามาในหูฟัง แต่ถ้าไม่รับสายโทรศัพท์ การสลับกลับไปใช้ประชุมสายในคอมพิวเตอร์ จะกลับไปได้ไม่สมบูรณ์ หูฟังกลายเป็นโหมดฟังเพลงธรรมดา ไม่ใช่โหมด Headset สำหรับคุยสาย ฟังก์ชัน speak to chat กลับมาทำงาน ทำให้พอพูดแล้วหูฟังตัดเสียงจากคอมพิวเตอร์ และไมค์ที่หูฟังไม่ทำงาน กลับไปใช้ไมค์ที่คอมพิวเตอร์แทน ซึ่งโซนี่ก็น่าจะจูนเรื่องนี้ผ่านการอัปเฟิร์มแวร์ในอนาคตได้ครับ

นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี DSEE Extreme เพื่อช่วยชดเชยคุณภาพเสียงที่หายไปจากการบีบอัดสัญญาณให้กลับมาด้วย ซึ่งลองเปิด-ปิดเปรียบเทียบเสียงจากในแอปได้ หลังจากเปิด DSEE Extreme จะรู้สึกว่าย่านเสียงสูงสดใส มีรายละเอียดขึ้น เราจึงมักเปิดทิ้งไว้ตลอดครับ

เสียงของหูฟังรุ่นนี้

โดยรวมแล้วเสียงของ Sony WH-1000XM5 นั้นมาโทนเดียวกับรุ่นที่แล้ว คือเป็นหูฟังที่ให้เสียงหนักแน่น อิ่มหนาเลย

  • เสียงเบส – ให้มาเยอะแบบจุก ๆ เบสเยอะกว่า WH-1000XM4 อีกนิดหนึ่ง แถมติดบวมนิด ๆ เมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้วให้เสียงเบสได้กระชับกว่า
  • เสียงกลาง – โดนย่านเบสกวนอยู่บ้างในบางเพลง แต่โดยรวมแล้วถือว่าให้เสียงร้องออกมาได้ชัดเจน ไม่ได้โดนกลบ
  • เสียงสูง – ให้เสียงได้ชัดเจนกว่า WH-1000XM4 ให้รายละเอียดเสียงสูงได้ดี แหวกความหนาของเสียงเบสมาได้ แต่ไม่ได้ถึงระดับเป็นประกายระยิบระยับ เป็นแหลมละมุน ๆ มากกว่าแหลมคม ๆ

เราทดลองฟังเพลงที่ดำเนินด้วยเสียงเบสเยอะ ๆ อย่าง The Weekend ของ Bibi หรือ no song without you (Cosmo’s Midnight Remix) กลายเป็นว่า Sony WH-1000XM5 จะให้เบสเยอะจนรู้สึกบวม ๆ ไปหมด ซึ่งถ้าทดลองฟังแล้วรู้สึกแบบนี้ ก็สามารถปรับ EQ ช่วยเพื่อลดปริมาณเบส หรือปรับเสียงกลาง-แหลมให้ชัดเจนขึ้นเพื่อชดเชยก็ได้

การตัดเสียงรบกวน

พอร์ตเชื่อมต่อของ Sony WH-1000XM5
พอร์ตเชื่อมต่อของ Sony WH-1000XM5

หูฟังตระกูลนี้โซนี่นั้นขึ้นชื่อเรื่องการตัดเสียงรบกวนอยู่แล้วครับ ซึ่งใน WH-1000XM5 ก็ปรับปรุงให้ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดียิ่งขึ้นไปอีก ชนิดที่ว่าข้างห้องมาเซาะร่องที่พื้น เราที่ฟังเพลงอยู่ในหูฟังตัวนี้ยังไม่ได้ยินเลย ใครที่รักจะฟังเพลงในที่ที่มีเสียงรบกวนเยอะ ๆ หูฟังรุ่นนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง

ส่วนการเปิด Ambient Sound เพื่อดึงเสียงภายนอกเข้ามาก็ให้เสียงในระดับที่เป็นธรรมชาติดี สามารถบอกทิศทางเสียงรอบตัวได้ เหมือนกำลังฟังเพลงจากลำโพงอยู่ครับ

คุณภาพไมโครโฟน

Sony WH-1000XM5 มีไมโครโฟนทั้งหมด 4 ตัวเพื่อรับเสียงมาตัดเสียงรบกวน และใช้สำหรับสนทนานะครับ ซึ่งปรับปรุงคุณภาพของไมค์ให้แยกเสียงพูดจากเสียงรบกวนได้ดีกว่ารุ่นที่แล้วขึ้นไปอีก จนใช้เป็นไมค์สำหรับการทำงานได้อย่างวางใจแล้วในรุ่นนี้

เสียงจาก Sony WH-1000XM5
เสียงจาก Sony WH-1000XM4

อายุแบตเตอรี่

ตามสเปกแล้ว Sony WH-1000XM5 สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 30 ชั่วโมง ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกันกับรุ่นที่แล้ว ซึ่งถือเป็นหูฟังที่ใช้งานต่อเนื่องได้ข้ามวันโดยไม่ต้องชาร์จก็ได้ครับ ส่วนการชาร์จกลับจะใช้พอร์ต USB-C แถมรองรับการชาร์จเร็วในมาตรฐาน USB-PD ด้วย ซึ่งเราเทสต์แล้วชาร์จเร็วจริงครับ ถ้าไม่ได้ใช้จนหมด ชาร์จแว่บเดียวก็เต็มแล้ว โดยโซนี่บอกว่าชาร์จ 3 นาทีก็ใช้ต่อได้ 3 ชั่วโมงแล้ว

เปรียบเทียบกับ AirPods Max

Sony WH-1000XM5 และ Apple AirPods Max
Sony WH-1000XM5 และ Apple AirPods Max

เมื่อเทียบ Sony WH-1000XM5 กับคู่แข่งที่ราคาสูงกว่าอย่าง Apple AirPods Max (19,900 บาท) สิ่งแรกที่ต่างกันคือแนวเสียง เสียงของ AirPods Max จะค่อนไปทางเสียง Flat มากกว่าเสียงของ WH-1000XM5 ที่จะให้เบสหนักแน่นกว่า ทำให้อารมณ์ในการฟังเพลงแตกต่างกันพอสมควร ส่วนเสียงกลาง-แหลมทำได้ใกล้เคียงกัน แต่เสียงกลางแหลมของฝั่งโซนี่จะลอยเด่นกว่า และเฉียบคมกว่าฝั่ง AirPods Max ที่ทู่ลงไปอีกหน่อย (โซนี่ว่าเสียงมน ๆ แล้ว แอปเปิ้ลเสียงมนกว่าอีกหน่อย) ส่วนใครจะชอบแบบไหน ต้องลองฟังกันดูครับ

แน่นอนว่าถ้าคุณใช้อุปกรณ์แอปเปิ้ลเป็นหลัก AirPods Max จะได้เปรียบกว่า เพราะสามารถสลับอุปกรณ์ที่ใช้ไปมาได้ทันที ซึ่งก็สะดวกว่าโซนี่ที่เชื่อมต่อได้พร้อมกัน 2 อุปกรณ์ไปอีกระดับหนึ่ง แล้วระบบเสียง 3 มิติของแอปเปิ้ลจะครอบคลุมกว่า เพราะมีทั้งเพลงใน Apple Music ที่เป็น Dolby Atmos และสามารถใช้ดูหนังเสียงรอบทิศทาง 5.1 ได้ผ่านระบบ Spatial Audio ได้ด้วย ในขณะที่โซนี่กับระบบเสียง 360 Reality Audio จะเน้นไปที่เพลงกับ Tidal บริการหลักๆ อย่าง Netflix ยังไม่รองรับครับ

ส่วนความสบายในการใส่ ทำได้ดีคนละด้าน WH-1000XM5 ดีกว่าในเรื่องน้ำหนักเบากว่า ใส่แล้วไม่หนักหัว ส่วนแอปเปิ้ลได้เรื่องแป้นหูฟังที่ใหญ่กว่า ลึกกว่า ใส่ทั้งใบหูได้สบาย ๆ

เปรียบเทียบกับ Sony WH-1000XM4

ซ้าย Sony WH-1000XM4, ขวา Sony WH-1000XM5
ซ้าย Sony WH-1000XM4, ขวา Sony WH-1000XM5

ด้วยความที่ทั้ง WH-1000XM5 (14,990 บาท) และ WH-1000XM4 (11,990 บาท) สองพี่น้องจากโซนี่นั้นยังวางขายอยู่พร้อมกัน โดย WH-1000XM4 มีราคาขายถูกกว่ารุ่นพี่อยู่ 3 พันบาท ทำให้รุ่นน้องยังน่าสนใจอยู่มากครับ

สิ่งที่รุ่นใหม่เจน 5 ทำได้ดีกว่ารุ่นเก่าเจน 4 อย่างชัดเจนคือเรื่องไมค์ครับ สามารถเอาไปใช้ประชุมออนไลน์ได้ชัดเจนกว่าแน่นอน แต่เรื่องอื่นๆ อย่างความสามารถอัจฉริยะ ปรับเสียงภายนอกหรือระบบตัดเสียงรบกวนเอง เรื่อง Speak to Chat หรือแนวเสียงที่ได้จาก 2 รุ่นนี้ใกล้เคียงกันมากครับ รวมไปถึงเรื่องการตัดเสียงรบกวนภายนอกด้วยที่ทำได้เยี่ยมเหมือนกันทั้งคู่ (บางคนบอกว่า WH-1000XM4 ตัดเสียงย่านต่ำ พวกเสียงเครื่องยนต์ได้ดีกว่า WH-1000XM5 ด้วยซ้ำ) ก็ทำให้คนที่ต้องการหูฟังประสิทธิภาพเยี่ยม แต่ราคาเบากว่าก็สามารถหันไปเลือกรุ่น 4 แทนได้อย่างสบายใจ

ส่วนเรื่องดีไซน์ที่แตกต่างกันเลย เรื่องนี้ก็แล้วแต่คนชอบแล้วครับ รุ่น 4 ก็สวยเป็นเอกลักษณ์ของโซนี่มายาวนาน ส่วนรุ่น 5 ก็ได้ความคลาสสิก ด้วยหูฟังก้านกลม ๆ ดูแล้วผู้ดีมาก

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส