รีวิว Huawei Freebuds Pro หูฟัง TWS ดีที่สุดของหัวเว่ย
Our score
9.2

รีวิว Huawei Freebuds Pro หูฟัง TWS ดีที่สุดของหัวเว่ย

เสียงดี ไมค์ดี ความสามารถดี

หัวเว่ยเริ่มเป็นแบรนด์ที่น่ากลัวในเรื่องเสียงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากทุ่มพัฒนาหูฟังอย่างหนัก จนได้ผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ในกลุ่มหูฟังแบบ TWS ได้ ซึ่ง Huawei Freebuds Pro ไม่ใช่แค่เสียงดี แต่การเชื่อมต่อก็ดี ไมโครโฟนก็ดีด้วย

จุดเด่น

  1. คุณภาพเสียงดีงาม เสียงไม่ Lag ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป
  2. การเชื่อมต่อดี สัญญาณเสถียร เพลงไม่กระตุก แม้ใช้งานไกลๆ
  3. ไมโครโฟนดี ตัดเสียงรอบข้างได้ดีในระดับหนึ่ง ใช้คุยสายรู้เรื่องแน่นอน
  4. ระบบตัดเสียงรบกวนเยี่ยม ฟังเพลงแล้วสงัด แถมสามารถเลือกให้เสียงภายนอกเข้ามาได้ด้วย
  5. รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ 2 ตัวพร้อมกัน (Multipoint)
  6. การสั่งงานด้วยการบีบคือดี ทำให้สั่นงานได้แม่นๆ ไม่มีลั่น

จุดสังเกต

  1. เคสเปิดง่าย แต่หูฟังดึงออกมาใช้ยาก โดยเฉพาะเวลามือลื่น
  2. ไม่มีแอปสำหรับ iOS (คือใช้งานกับ iPhone ได้ ให้เสียงดี สั่งงานผ่านหูฟังได้ แต่ไม่มีแอปช่วยปรับละเอียด)
  3. ไม่มี EQ ให้ปรับ ทำให้มีรูปแบบเสียงแบบเดียวเท่านั้น
  4. ไม่ระบุระดับการกันน้ำ ทำให้ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานที่มีความชื้น
  • คุณภาพเสียง

    9.2

  • คุณภาพวัสดุ

    9.0

  • ความคล่องตัวในการใช้

    9.5

  • ความสามารถในการคุยโทรศัพท์

    9.0

  • ความคุ้มค่า

    9.5

ถ้าจะบอกว่า Huawei เป็นแบรนด์ลำโพงและหูฟังไปแล้ว ก็คงจะไม่ผิดครับ เพราะช่วงปีที่ผ่านมาหัวเว่ยออกผลิตภัณฑ์ด้านเสียงออกมาเยอะมาก และปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกรุ่นด้วย ซึ่งหลังจาก Huawei Freebuds 3 ออกมาและได้ผลตอบรับที่ดี ก็ถือเวลาของรุ่นใหญ่ ที่ถือว่าเป็นหูฟังแบบ True Wireless รุ่นท็อปสุดของหัวเว่ยอย่าง Huawei Freebuds Pro ครับ

การออกแบบของ Huawei Freebuds Pro

Huawei Freebuds Pro

ตัวกล่องชาร์จของ Huawei Freebuds Pro นั้นออกแบบโดยมีกลิ่นอายจาก Freebuds 3 อยู่ไม่น้อยครับ คือเป็นกล่องมน ๆ รีๆ ที่มีขนาดใหญ่กว่ากล่องมน ๆ กลม ๆ ของรุ่นเดิมครับ ซึ่งสีที่เราได้มารีวิวนี้คือ Silver Frost สีเทาเข้ม ๆ คล้าย ๆ สีแบบ Gun Metal อยู่ ซึ่งหลายคนก็น่าจะชอบสีนี้กันนะครับ

สัมผัสแรกเมื่อได้จับตัวเคสชาร์จตัวนี้คือมันหนักกว่าเคสหูฟังไร้สายทั่วไปครับ จับแล้วรู้สึกหนักแน่นอยู่เหมือนกัน ที่ตัวเคสจะใช้พอร์ต USB-C เพื่อชาร์จเคสและตัวหูฟัง และมีปุ่มซ่อนอยู่ข้างเคสเพื่อเข้าสู่โหมดเชื่อมต่อหูฟังครับ (วิธีเชื่อมต่อคือเปิดฝาเคสออกมา แต่ยังไม่ต้องเอาหูฟังออกจากเคส แล้วกดปุ่มที่เคสค้างไว้จนไฟในเคสกะพริบ ก็จะสามารถเชื่อมต่อ Bluetooth ได้ครับ) นอกจากนี้ตัวเคสชาร์จตัวนี้ยังรองรับการชาร์จแบบไร้สายด้วย โดยหันเอาด้านที่เป็นโลโก้ Huawei ขึ้นครับ ก็จะชาร์จไร้สายได้

Huawei Freebuds Pro

ส่วนตัวหูฟังนั้นเป็นแบบ In-Ear ที่ดีไซน์แตกต่างจากหูฟังแบบ TWS ทั่วไปอยู่สักหน่อย คือมีตัว Pod ของหูฟังขนาดใหญ่ที่เป็นที่อยู่ของไดรเวอร์ลำโพง 11 mm เพื่อส่งเสียงออกไปตรงปลายของหูฟังที่เป็นจุกยางแบบ In-Ear ครับ ซึ่งหัวเว่ยบอกว่าดีไซน์นี้ออกแบบให้รับน้ำหนักหูฟังแบบ Tri-Hold ทำให้หูฟังสามารถยึดติดอยู่กับหูได้นาน โดยที่ผู้ฟังไม่ล้าหูเมื่อเทียบกับหูฟังทั่วไป ซึ่งยึดเกาะหูได้ดีด้วย เดินไปเดินมาหูฟังก็ไม่มีหลุด แล้วก็มีก้านสั้น ๆ ยื่นออกไปเพื่อเป็นไมโครโฟน

แต่ข้อสังเกตของดีไซน์กล่องชาร์จกับตัวหูฟังคือหยิบหูฟังออกจากกล่องยากไปนิดครับ เพราะทุกอย่างมันลื่นไปหมดเลย ต้องหาเหลี่ยมเพื่อจับหูฟังออกมาดี ๆ นอกจากนี้ยังไม่ระบุระดับการกันน้ำครับ ก็ตีความว่าไม่กันน้ำแล้วกัน ทำให้ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานตากฝน หรือใช้งานแบบเจอเหงื่อนะครับ

การควบคุม Huawei Freebuds Pro

การบีบควบคุมหูฟัง Huawei Freebuds Pro
การบีบควบคุมหูฟัง

การควบคุมหูฟังรุ่นนี้จะแปลกว่าหูฟัง True Wireless ทั่วไปนะครับ แต่ก็เป็นความแปลกที่สั่งงานได้สะดวกดีครับ คือจะใช้การบีบก้านหูฟังเป็นหลัก ซึ่งจะบีบที่ก้านซ้ายหรือก้านขวาก็ได้นะครับ ซึ่งการบีบเพื่อสั่งงานนี้ทำให้ใช้งานได้แบบไม่ลั่นเหมือนหูฟังที่สั่งงานด้วยระบบสัมผัส ที่แตะนิดแตะหน่อยก็ลั่นไปคำสั่งนู้นนี้แล้ว แล้วเมื่อบีบถูกต้องก็จะมีเสียงตอบรับเบา ๆ ให้เข้าใจว่าหูฟังรับรู้คำสั่งเรียบร้อยครับ

  • บีบที่ก้าน 1 ครั้ง : เล่น/หยุดเพลง, รับสาย/จบสาย
  • บีบที่ก้าน 2 ครั้ง : เปลี่ยนเพลง, ตัดสาย
  • บีบที่ก้าน 3 ครั้ง : ย้อนเพลงเดิม
  • บีบค้างที่ก้าน : ปรับระบบการตัดเสียงรบกวน
    • โดยหมุนวนใน 3 สถานะคือเปิดระบบตัดเสียงรบกวน/ปิดระบบ/เปิดเสียงภายนอกเข้ามา
    • ซึ่งสามารถปรับผ่านแอป Huawei AI Life ให้หมุนแค่ 2 สถานะที่ต้องการได้ เช่นไม่ต้องการใช้การปิดระบบตัดเสียงรบกวน ก็เลือกให้เหลือแค่ เปิดระบบตัดเสียงกับเปิดเสียงภายนอกเข้ามาได้
    • และปรับผ่านแอปให้บีบที่หูฟังข้างซ้ายกับขวาให้ผลต่างกันได้ เช่นเซ็ตให้บีบค้างที่ข้างขวาเป็นการเรียกผู้ช่วยอย่าง Google Assistant ออกมาก็ได้
  • ลากขึ้น-ลงที่ก้าน : เร่งเสียง ลดเสียง

นอกจากนี้เรายังสามารถควบคุมการทำงานของหูฟังได้หลายอย่างผ่านแอป Huawei AI Life ครับ ทั้งการปรับรูปแบบสั่งงานผ่านการบีบค้างที่เราเล่าไปแล้ว หรือการเลือกรูปแบบการตัดเสียงรบกวน (Noise Cancelling) หรือตั้งค่าระบบ Wear Detection ว่าจะให้หยุดเพลงเองเมื่อถอดหูฟังออกมาหรือไม่ ที่น่าสนใจคือ “Tip fit test” คำสั่งทดสอบหูฟังว่าเราเลือกจุกยางเหมาะสมกับหูของเราหรือไม่ เพื่อให้ได้เสียงที่ดีที่สุดครับ นอกจากนี้ยังใช้อัปเดตเฟิร์มแวร์ของหูฟังให้รองรับการทำงานได้ดีขึ้นด้วย

เจาะลึกเรื่องระบบตัดเสียงรบกวนสักหน่อยครับ คือหูฟังรุ่นนี้สามารถเลือกการตัดเสียงรบกวนได้ 3 ระดับ พร้อมระบบ Dynamic Noise Cancellation ที่เลือกระดับการตัดเสียงรบกวนอัตโนมัติโดยพิจารณาจากเสียงภายนอกครับ สรุปแล้วเรามีระบบตัดเสียงรบกวนให้เลือก 4 แบบคือ

  • Cosy ตัดเสียงภายนอกน้อยๆ สำหรับสถานที่ที่เสียงรบกวนไม่เยอะ
  • General ตัดเสียงภายนอกระดับกลาง สำหรับสถานที่ทั่วไป
  • Ultra ตัดเสียงรบกวนสูงสุด สำหรับสถานที่ที่เสียงดังๆ
  • Dynamic คือระบบ Dynamic Noise Cancellation นั่นเอง ที่ระบบจะเลือกระดับการตัดเสียงรบกวนจาก 3 ระดับด้านบนนี้มาใช้อัตโนมัติให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม (ซึ่งปกติเราก็เลือกอันนี้แหละ)

นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถปิดระบบตัดเสียงรบกวน หรือใช้โหมด Awareness เพื่อดึงเสียงภายนอกเข้ามาในหูได้ ทำให้เหมาะสำหรับการฟังเพลงระหว่างการเดินทาง ให้เรายังได้ยินเสียงรอบตัวเพื่อความปลอดภัยครับ ซึ่งเสียงที่ผ่านเข้ามาก็ชัดเจนดีเลยครับ แถมสามารถเลือกให้ดึงเสียงภายนอกแบบเน้นเสียงพูดได้ด้วย

แต่ข้อสังเกตเรื่องการควบคุมนี้อยู่ที่แอป Huawei AI Life นั้นยังไม่มีใน iOS ทำให้ยังไม่สามารถควบคุมหูฟังอย่างละเอียดผ่าน iOS ได้ แต่ก็สามารถเชื่อมต่อหูฟังกับ iPhone, iPad เพื่อใช้งานได้ ให้เสียงดีตามปกตินะครับ แล้วก็สั่งงานระบบตัดเสียง เปิดเสียงผ่านการบีบที่ตัวหูฟังได้นะ

คุณภาพเสียงของ Huawei Freebuds Pro

ส่วนประกอบภายในของ Huawei Freebuds Pro
ส่วนประกอบภายในของ Huawei Freebuds Pro

เสียงของ Huawei Freebuds Pro นั้นจัดเป็นเสียงที่ฟังง่ายนะครับ ใครฟังก็ชอบได้ง่าย ๆ ภาพรวมคือเป็นเสียงที่โปร่งใส รายละเอียดดี มีเบสแน่น ๆ มาจุก ๆ เป็นลูก ๆ

  • เสียงเบส – หนักแน่น กระชับอยู่ในร่องในรอย ให้แรงกระแทกของเสียงเบสได้ ซึ่งถือว่าให้เสียงได้แน่นมากแล้ว แต่ยังไม่ใช่หูฟังแบบ TWS ที่ให้เบสได้แน่นที่สุดในตลาดตอนนี้นะ
  • เสียงกลาง – ชัดเจน แยกชิ้นเครื่องดนตรีได้ เบสไม่เข้ามากวน
  • เสียงสูง – สว่าง สดใส ปลายเสียงเปิด
  • เวทีเสียง – กว้างขวาง โปร่งสบาย

ซึ่งนี่เป็นเสียงที่ดีที่สุดจากหูฟังแบบ TWS ของหัวเว่ยแล้วครับ ดีขึ้นไปจาก Freebuds 3 อีกระดับเพราะรุ่นนี้เป็นหูฟังแบบ In-ear แล้ว ทำให้การตัดเสียงทำได้ดีกว่า โดยตัว Noise Cancellation ในหูฟังก็ทำได้ดีมาก สามารถสร้างความสงัดในการฟังเพลงได้จริง ๆ ถ้าเปิดระบบตัดเสียงรบกวนพร้อมกับเปิดเพลง ใครเรียกก็ไม่หันกันแล้วตอนนี้ ส่วน Codec เสียงที่ใช้ในหูฟังรุ่นนี้จะเป็น SBC และ AAC ไม่รองรับ aptX นะครับ นอกจากนี้เรายังไม่สามารถปรับแต่ง EQ ของหูฟังได้นะครับ มีเสียงมาตรฐานแบบ Dynamic Equalizer อย่างเดียว ที่ระบบจะปรับเสียงให้เองตามลักษณะการสวมใส่หูฟัง ได้ให้เสียงที่เป็นมาตรฐานทุกครั้งที่ใส่ครับ

เรื่องที่น่าประทับใจอีกอย่างของหูฟังรุ่นนี้คือระยะการทำงานครับ คือหัวเว่ยนั้นขึ้นชื่อเรื่องเสาสัญญาณอยู่แล้ว ใน Huawei Freebuds Pro จึงใช้เสา Bluetooth แบบคู่ สามารถรับมาตรฐาน Bluetooth 5.2 ได้ระยะไกลเลย แบบสมาร์ตโฟนอยู่ชั้นล่าง เราเดินขึ้นไปชั้นบน เพลงก็ยังไม่กระตุก น่าประทับใจมากครับ

ส่วนความหน่วงของเสียงหรือความ Lag ถือว่าทำได้ดีครับ เราเทสต์กับ Huawei P30 Pro ก็ดู Youtube เสียงซิงก์ตรงปาก ส่วนเล่นเกมก็เสียงออกมาตรงจังหวะ ไม่แตกต่างจากการใช้ลำโพงเครื่อง ถือว่าหัวเว่ยทำในจุดนี้ออกมาได้ดีมากครับ

คุณภาพไมค์ของ Huawei Freebuds Pro

Huawei Freebuds Pro

สิ่งหนึ่งที่หัวเว่ยทำได้ดีมาตั้งแต่ Freebuds 3 แล้วคือคุณภาพไมค์ครับ ซึ่งใน Huawei Freebuds Pro ก็มีไมโครโฟนคุณภาพดีไม่แพ้กัน โดยหูฟังแต่ละข้างนั้นจะมีไมโครโฟน 3 ตัวพร้อม Bone Sensor เพื่อตรวจจับการสั่นไหวของกระดูก แล้วเอามาวิเคราะห์ว่าเสียงภายนอกที่ต้องตัดออกคืออะไร นอกจากนี้ดีไซน์ตัวหูฟังยังมีท่อระบายลม เพื่อลดเสียงลมที่จะเข้าไมค์ด้วย ทำให้เสียงคุยโทรศัพท์ออกมาชัดเจนครับ ซึ่งเราทดสอบโทรคุยในสถานที่ที่มีเสียงรบกวน ก็พบว่าปลายสายได้ยินเสียงเราชัดเจนดี สามารถคุยได้อย่างไม่มีปัญหาครับ

นอกจากนี้ Huawei Freebuds Pro ยังรองรับระบบ Multipoints คือเราสามารถต่อหูฟังเข้ากับอุปกรณ์ได้ 2 ตัวพร้อม ๆ กัน เช่น เชื่อมต่อหูฟังกับสมาร์ตโฟนไปพร้อม ๆ กับคอมพิวเตอร์ เมื่อเราฟังเพลงผ่านคอมพิวเตอร์อยู่ แล้วมีคนโทรเข้ามาที่สมาร์ตโฟน ก็สามารถใช้หูฟังตัวนี้รับสายได้ทันทีโดยไม่ต้องตัดการเชื่อมต่อจากคอมพิวเตอร์ แล้วไปเชื่อมใหม่กับสมาร์ตโฟนครับ ซึ่งระบบนี้มักจะมีในหูฟังที่ขนาดใหญ่กว่านี้ ไม่ค่อยเห็นในหูฟังแบบ TWS เท่าไหร่ครับ

อายุแบตเตอรี่ของ Huawei Freebuds Pro

Huawei Freebuds Pro

หูฟังรุ่นนี้ถือว่าใช้งานได้นานนะครับ เราฟังเพลงต่อเนื่องก็ไม่เคยแบตหมดคาหูเลยสักครั้ง ส่วนเคสชาร์จก็ใช้งานได้ยาวนานขึ้นไปอีก ซึ่งรายละเอียดแบตเตอรี่ของหูฟังรุ่นนี้เป็นดังนี้ครับ

  • เล่นเพลง
    • 4 ชั่วโมง เมื่อเปิดใช้งาน ANC
    • 7 ชั่วโมง ปิดใช้งาน ANC
    • ใช้งานได้นานสุด 30 ชั่วโมงเพื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จ
  • คุยโทรศัพท์
    • 2.5 ชั่วโมง เมื่อเปิดใช้งาน ANC
    • 3 ชั่วโมง ปิดใช้งาน ANC
  • อัตราการชาร์จไฟ
    • 6W เมื่อผ่านสาย USB-C ชาร์จเคสและหูฟังเต็มใน 1 ชั่วโมง
    • 2W เมื่อชาร์จไร้สาย ชาร์จเคสและหูฟังเต็มใน 2 ชั่วโมง

Huawei Freebuds Pro หูฟังที่เสียงดีและคุ้มค่า

Huawei Freebuds Pro color

Huawei Freebuds Pro เปิดตัวมาด้วยราคา 5,499 บาทนะครับ จัดเป็นหูฟังแบบ True Wireless กลุ่มพรีเมียมเลย ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากกว่าคู่แข่งหลายตัวในท้องตลาดครับ เพราะด้วยระดับราคาที่ถูกกว่า แต่ให้เสียงเกรดดีเลย ไมค์ก็ดี การเชื่อมต่อก็ดี ทำให้เป็นหูฟังที่สมดุลสำหรับการใช้งานทั้งฟังเพลงและคุยโทรศัพท์ของคนทั่วไปครับ ซึ่งถ้าใครต้องการหูฟัง TWS ที่เสียงดีกว่านี้ ก็มีให้เลือกอยู่นะครับ แต่ไมค์จะไม่ดีเท่านี้นะ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส