เมื่อพูดถึงการเดินทางระหว่างดวงดาว ภาพในหัวของเรามักเป็นยานอวกาศที่พุ่งทะยานด้วยความเร็วแสง ที่มีคนระดับหัวกะทิไม่กี่คน พร้อมสเปิร์มและไข่แช่แข็งเพื่อก่อกำเนิดชีวิตใหม่ด้วยเทคโนโลยีที่โคตรจะล้ำ หรือภารกิจสำรวจดาวใหม่แบบในหนัง Interstellar
แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าภารกิจย้ายดาวนั้นสามารถพามนุษยชาติที่ถูกคัดเลือกไปด้วยได้ส่วนหนึ่ง นี่คือแก่นของ Chrysalis โครงการยานอวกาศที่ไม่ใช่แค่พาหนะ แต่คือเรือโนอาห์ขนาดยักษ์ ความยาวกว่า 36 ไมล์ (58 กิโลเมตร) ที่ออกแบบมาเพื่อนำพามนุษย์กว่า 2,400 ชีวิต พร้อมอารยธรรมของพวกเราไปด้วย ในการเดินทางเที่ยวเดียวที่ยาวนานถึง 400 ปี สู่ระบบดาวที่ใกล้ที่สุดอย่างแอลฟา เซนทอรี (Alpha Centauri) ซึ่งห่างจากโลก 4.37 ปีแสง
Chrysalis เป็นโครงการที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขัน Project Hyperion Design Competition การแข่งขันออกแบบยานอวกาศระหว่างดวงดาวที่ขับเคลื่อนโดยมนุษย์ และมีระยะเวลาเดินทางในอวกาศนับศตวรรษ ซึ่ง Chrysalis ไม่ใช่แค่จินตนาการเพียงอย่างเดียว แต่ถูกสร้างขึ้นบนฐานความคิดของทีมผู้ออกแบบกว่า 6 คน ที่ผสมผสานหลากหลายศาสตร์ไว้ด้วยกัน ทั้งฟิสิกส์ดาราศาสตร์ วิศวกรรมอวกาศ จิตวิทยา วิทยาศาสตร์เศรษฐศาสตร์ นวัตกรรมด้านสังคม สถาปัตยกรรม วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม
โดยไอเดียของ Chrysalis คือความลึกในรายละเอียดที่บังคับให้เราต้องตั้งคำถามใหม่ทั้งหมดเกี่ยวกับเทคโนโลยี สังคม และความหมายของการเป็นมนุษย์ในสารพัดมิติ
สถาปัตยกรรมแห่งการอยู่รอดนับศตวรรษ

ทีมออกแบบ Chrysalis ได้เปรียบเทียบตัวยานว่ามีโครงสร้างเหมือนตุ๊กตาแม่ลูกดกแบบรัสเซีย ที่มีชั้นต่าง ๆ ซ้อนกันอยู่รอบแกนกลาง เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการมีชีวิตรอดและพึ่งพาตนเองได้ของมนุษย์ ซึ่งคำว่า Chrysalis มีความหมายว่า ‘ดักแด้’
- แกนกลาง ทำหน้าที่เป็นเหมือนกับถนนใหญ่ที่เชื่อมแต่ละ Stage ของยาน (การแบ่งยานในแนวนอนมีทั้งหมด 5 Stage) เข้าด้วยกัน ตั้งแต่ห้องบังคับการ ศูนย์การสื่อสาร ระบบขนย้ายสิ่งของแบบไร้น้ำหนัก พื้นที่จัดเก็บของเสีย และพื้นที่เก็บยานขนย้ายมนุษย์และสัมภาระกว่า 200 ลำ ในการลงจอดบนดาวเคราะห์พรอกซิมาเซนทอรี บี (Proxima Centauri b) โดยยานแต่ละลำสามารถจุคนได้ 10 คน และสัมภาระกว่า 5 ต้น
- ชั้นที่ 1 – แหล่งชีวิต ติดกับแกนกลางคือชั้นการผลิตอาหารอย่างครบวงจร มีการเพาะปลูกพืช เชื้อรา จุลินทรีย์ แมลง ไปจนถึงปศุสัตว์ในสภาพแวดล้อมควบคุม และสุดยอดไปกว่านั้นคือการจำลองระบบนิเวศที่หลากหลาย เพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ อย่างป่าเขตร้อนและป่าเขตหนาว
- ชั้นที่ 2 – พื้นที่ส่วนรวม ชั้นของสังคม ที่มีทั้งสวนสาธารณะ โรงเรียน โรงพยาบาล และห้องสมุด เป็นพื้นที่ที่ผู้คนจะได้มีปฏิสัมพันธ์และสร้างสังคมในยานขึ้น รวมไปถึงยังเป็นพื้นที่สำหรับการเกษตรแบบเปิด
- ชั้นที่ 3 – ที่พักอาศัย ถัดออกมาคือชั้นสำหรับครัวเรือนแต่ละครอบครัว ที่ออกแบบมาพร้อมระบบหมุนเวียนอากาศ แลกเปลี่ยนความร้อน และระบบอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการอยู่อาศัยของมนุษย์
- ชั้นที่ 4 – เขตอุตสาหกรรมและวิจัย ที่มีโรงงานสำหรับทุกสิ่งตั้งแต่การรีไซเคิล แล็บชีวภาพ ศูนย์วิจัยด้านวิศวกรรม แล็บผลิตยา ไปจนถึงการผลิตชิ้นส่วนโครงสร้างเพื่อซ่อมบำรุงยาน
- ชั้นที่ 5 – คลัง ชั้นนอกสุดทำหน้าที่เป็นโกดังเก็บทรัพยากร วัสดุ และเครื่องจักรทุกชนิด โดยออกแบบเสนอให้หุ่นยนต์ดูแลจัดการชั้นนี้ทั้งหมด เพื่อทุ่นแรงงานมนุษย์
โดยพลังงานทั้งหมดของ Chrysalis ขับเคลื่อนด้วยเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชัน และรักษาสภาพแรงโน้มถ่วงเทียมไว้ได้ด้วยการหมุนของตัวยานอย่างต่อเนื่อง
จิตวิทยา สังคม และการเดินทางในอวกาศ 400 ปี
ความท้าทายที่สุดของ Chrysalis ไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่คือมนุษย์ เพราะการเดินทาง 400 ปี หมายความว่าผู้โดยสารหลายรุ่นจะเกิด เติบโต และตายลงบนยานลำนี้ พวกเขาจะรู้จักแค่ชีวิตบนยานเท่านั้น และการย้ายถิ่นฐานที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกบนโลกสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นชั่วชีวิตอาจทำให้เกิดบาดแผลในจิตใจ ที่อาจนำไปสู่ปัญหาทางสุขภาพและสังคมที่ใหญ่กว่านั้นท่ามกลางอาวกาศ
อีกหนึ่งสิ่งในรายละเอียดของโครงการนี้ที่ราวกับฉายหนังที่มีความดิสโทเปียให้เราเห็นผ่านโปรเจกต์นี้ เพราะคนทุกคนถูกกำหนดให้มีสัดส่วนการใช้ชีวิตใน 1 วันตามระบบที่กำหนด เพื่อรักษาสมดุลของอารยธรรมบน Chrysalis อย่างชั่วโมงการเรียน การทำงาน การซ่อมบำรุง อย่างไรก็ตาม ยังคงมีช่วงเวลาอิสระสำหรับคนบนยาน แต่เอาเข้าจริงก็อาจไม่ได้เหมาะกับเราในทุกวันนี้ที่ใช้ชีวิตตามกรอบของโลกทุนนิยมสักเท่าไหร่

นอกจากนี้ การบริหารจัดการสังคมบนยานจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับมนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ปกครองที่เป็นมนุษย์กับปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสร้างความยืดหยุ่นของระบบสังคม การถ่ายทอดองค์ความรู้ระหว่างรุ่น และการมองเห็นภาพรวมของยานได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แม้แต่การเกิดก็จะถูกวางแผนเพื่อควบคุมจำนวนประชากรให้อยู่ในระดับที่ยั่งยืน ราว 1,500 คน
แน่นอนว่าโครงการนี้ยังเป็นเพียงทฤษฎี เพราะเทคโนโลยีบางอย่าง เช่น เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชันเชิงพาณิชย์ยังไม่เกิดขึ้นจริง หรือแม้แต่ยานอวกาศขนาดใหญ่ที่มีระบบอันซับซ้อนเกินจินตนาการ
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการผู้ตัดสินจาก Project Hyperion ได้ยกย่อง Chrysalis ว่ามีความสอดคล้องของระบบในภาพรวม และความลึกของรายละเอียด ที่บังคับให้วิศวกรและนักคิดต้องแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ตั้งแต่การสร้างแรงโน้มถ่วงไปจนถึงการป้องกันความขัดแย้งทางสังคมในพื้นที่ปิด
Chrysalis คือภาพสะท้อนที่ชัดเจนว่า หากมนุษยชาติต้องการจะก้าวไปสู่ดวงดาวอย่างแท้จริง เราไม่สามารถคิดถึงแค่ยานได้อีกต่อไป แต่เราต้องคิดถึงการสร้างโลกทั้งใบขึ้นมาใหม่บนยานอวกาศ และต้องเป็นโลกที่ต้องพึ่งพาตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ ไปจนถึงมาตรฐานทางสังคมที่ต้องวางแผนอย่างรัดกุม ในการเดินทางผ่านความมืดมิดของอวกาศนานหลายศตวรรษ เพื่อส่งต่อความหวังไปยังจุดหมายปลายทางที่คนรุ่นแรกบนยานไม่มีวันได้เห็น