เมื่อพูดถึงประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นในวงการภาพยนตร์ซีรีส์ ที่เกี่ยวกับการยัดเยียดบทคนดำลงไปในบทตัวละครผิวขาว หรือการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาเพื่อให้ตัวละครนั้นถูกบิดเบือน รวมถึงประเด็นเรื่องทางเพศที่ผู้หญิงเก่งกว่าผู้ชาย ซึ่งเรื่องแบบนี้มันแทบจะไปทุกวงการบันเทิงกันเลยทีเดียว ที่ในตอนแรกคนก็เห็นด้วยและสนับสนุน แต่พอมันมากขึ้นเยอะไปจนทำให้หลายคนที่เคยสนับสนุนออกมาต่อต้านจนเป็นเรื่องใหญ่โต ที่แม้แต่วงการเกมเราก็พลอยโดนไปด้วย แต่ของพวกนี้มักไม่ค่อยถูกพูดถึงหรือเรียกง่าย ๆ คือจุดไม่ติดไม่มีคนเล่นด้วย จะมีแค่ประเด็นการทารุณกรรมสัตว์ของ ‘PETA’ ในเกม ‘God of War Ragnarok’ ที่ถูกพูดถึงบ้างนอกนั้นก็ไม่มีประเด็นอะไรให้เป็นข่าว และไม่ใช่แค่จุดประเด็นไม่ติดเท่านั้นสิ่งเหล่านี้กลับส่งผลตรงข้ามด้วยซ้ำ ประมาณว่าวงการอื่นเขาเป็นแบบนี้แต่วงการเกมเราตรงข้าม แถมการออกมาดราม่าเรื่องที่ไม่มีคนออกมาแย้งด้วย เรียกว่าน่าแปลกมาก ๆ เลยทีเดียว จนเราต้องหยิบเรื่องเหล่านี้มาพูดถึง จะมีเรื่องราวดราม่าที่วงการอื่นเขาเป็นแต่วงการเกมดราม่าตรงข้ามบ้างนั้นมาดูไปพร้อมกันเลย

หมายเหตุ เนื้อหาในบทความเป็นการยกตัวอย่างโดยอ้างอิงจากข่าวที่เคยเกิดขึ้น ที่ถ้าเป็นจักรวาลคู่ขนานอาจจะเกิดขึ้นก็ได้ กับมุก 5 บาท 10 บาทที่ใส่มาถ้าไม่ฮาก็ขออภัยด้วย

ความเท่าเทียมทางเพศเรื่องการแต่งกาย

Nikke

เริ่มต้นเรื่องแรกที่สามารถเอามาเป็นดราม่าได้แบบง่าย ๆ เลยถ้าจะมีคนหยิบมาพูดถึง นั่นคือประเด็นการแต่งกายของสาว ๆ ในเกมต่าง ๆ ที่มันช่างดูเย้ายวนออกไปทางสื่อ 18+ เอามาก ๆ ซึ่งเรื่องนี้มันมีเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยอดีต ที่เรามักจะเห็นตัวละครชายที่สวมชุดเกราะหนัก ๆ ปิดมิดชิดแม้แต่สะดือก็ไม่มีให้เห็น แต่พอมาเป็นตัวละครที่เป็นอาชีพเดียวกันเธอกลับสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น ประหนึ่งว่าการถอดเสื้อผ้าน้อยชิ้นนั้นคือเกราะป้องกัน ที่ขัดแย้งกับความเป็นจริงมาก ๆ ประมาณว่าตัวละครฝ่ายตัวร้ายจะไม่กล้าโจมตีเพราะกลัวจะทำผิวสาวน้อยเหล่านั้นมีริ้วรอย ซึ่งในอดีตก็เคยมีคนเอาเรื่องนี้มาพูดถึงบ้าง จนมีการจัดตัวละครหญิงที่แต่งตัวมิดชิดออกมา ซึ่งบอกเลยว่าวงการเกมช่วงนั้นค่อนข้างจืด เหมือนต้มจืดที่แม่ครัวลืมใส่รสดีผสมผงชูรสลงไป จนทำให้วงการเกมที่เกินครึ่งเป็นผู้ชายรู้สึกหงอยเหงา ประหนึ่งความกระชุ่มกระชวยที่สาว ๆ แต่งตัวมิดชิดมันคือกำแพงที่ทำให้ความอยากเล่นเกมของหนุ่ม ๆ ลดลง (เกี่ยวก็บ้าไปแล้ว) จนทางฝั่งนักพัฒนาคงจะเล็งเห็นว่านักเล่นเกมต่างหงอยเหงาจนยอดขายตก เลยจัดเกมตัวละครสาวเบิ้ม ๆ ออกมามากมาย ขนาดทีมพัฒนาพี่จีนยังเล็งเห็นเรื่องนี้ (รึเปล่า) เลยจัดเกมมือถือแบบเบิ้ม ๆ (หมายถึงเกมขนาดใหญ่) ออกมามากมาย ซึ่งที่เห็นชัดที่สุดก็น่าจะเป็น ‘Nikke’ ที่จัดสาวน้อยทุกแบบที่คุณต้องชอบซึ่งเรียกว่าเน้นกันสุด ๆ (เน้นปืนกับระบบการเล่น) จนล่าสุดทางเกม ‘Nikke’ กับ ‘Naraka Bladepoint’ ก็ดันมีประเด็นที่แฟน ๆ ไม่พอใจขึ้นมา ที่จู่ ๆ สองเกมนี้ก็ปรับรูปแบบชุดตัวละครในเกมให้มิดชิดขึ้น จนถูกนักเล่นเกมรุมต่อว่าไปทางค่ายเกมให้เอาชุดแบบเดิม (เบิ้ม ๆ) กลับมาไม่งั้นจะเลิกเล่น ซึ่งไม่ใช่แค่หลักพันแต่หลักหมื่นจนเกือบแสนเลยทีเดียว ซึ่งแทนที่วงการเกมจะโดนถล่มเรื่องเอาตัวละครสาว ๆ แต่ตัวไม่เหมาะสมกลับกลายเป็นว่าทางคนเล่นเกมออกมาว่าค่ายเกมที่ปิดชุดให้มิดชิดแทน ยุคนี้สมัยนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้จริง ๆ

Dragon Quest 3
Nikke
Naraka Bladepoint

ตัวละครผิวดำไม่ได้เป็นพระเอกหรือบทสำคัญ

Deathloop

ถ้าใครที่ติดตามข่าวสารมาตลอดจะทราบดีว่ามีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่เหล่าค่ายหนังหรือเจ้าของ ‘Streaming’ ใหญ่ ๆ ทั้งหลายต่างก็พร้อมใจกันยัดเยียดความเป็นคนดำลงไปในสิ่งต่าง ๆ รวมถึงการบิดเบือนเนื้อหาและใส่ตัวละครผิวดำลงไปในภาพยนตร์ต่าง ๆ อย่าง ‘The Little Mermaid’ หรือนางฟ้าใน ‘Pinocchio’ และอีกมากมายที่ถ้าเอามาบ่นคงจะได้อีกหนึ่งบทความเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้คนดูภาพยนตร์ต่างรับไม่ได้กับ แต่พอมามองในวงการเกมเรากลับไม่ได้เห็นการเรียกร้องเหล่านี้เกิดขึ้นเลย ตัวละครไหนขาวก็ขาวไปตัวไหนดำก็ดำไป แม้จะมีเกมเอามาทำใหม่ตัวละครก็ยังสีผิวเดิม จะมีแค่ประเด็นสมัยที่ ‘Resident Evil 5’ ออกมาใหม่ ๆ ในอดีตที่เคยมีดราม่าเรื่องคนขาวที่ไล่ยิงคนดำในเกม จนมีคนบอกว่าแล้วทีชาติอื่น ๆ ก็เป็นซอมบี้โดนยิงเหมือนกันทำไมไม่มีคนมาบ่นบ้าง ทำไมต้องเรียกร้องเฉพาะคนดำ (แถมคนที่เรียกร้องก็คือคนขาวไม่ใช่คนดำ) และอีกหนึ่งสาเหตุที่ไม่มีคนมาเรียกร้องให้คนดำเป็นตัวละครหลักในเกม ก็เพราะถ้าคุณได้เล่นเกมคุณจะรู้ดีว่าในเกมจะมีฉากที่ตัวละครที่เราเล่นเสียชีวิต ทั้งตายแบบธรรมดาไปจนถึงตายแบบโหดจัดชิ้นส่วนกระจายหัวระเบิดไส้ไหล ที่ถ้าคุณอยากให้คนดำมาเป็นตัวเอกเยอะ ๆ ก็ได้นะแต่คุณต้องทนเห็นตัวละครผิวดำที่คุณเรียกร้องตายซ้ำไปซ้ำมาเพราะการเล่นพลาดของคุณเอง ที่เรียกว่าจะโทษนักพัฒนาเกมก็ไม่ได้เพราะเกมมันต้องมีการตาย เมื่อคิดแบบนั้นคนขาวที่เรียกร้องความเท่าเทียมให้คนดำในวงการเกมเลยไม่มีนั่นเอง

Resident Evil 5
The Callisto Protocol
Tomb Raider

ทารุณกรรมสัตว์

God of War Ragnarok

ต้องเรื่องนี้ซิถึงจะมีประเด็นเมื่อเทียบกับ 2 เรื่องที่ผ่านมา เพราะเมื่อไม่นานมานี้ทางองค์กรชื่อยาว ๆ ว่า ‘People for the Ethical Treatment of Animal’ (องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรด้านสิทธิสัตว์ของอเมริกา) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า ‘PETA’ ได้ออกมาเรียกร้องนักพัฒนาเกม ‘God of War Ragnarok’ ให้ปรับปรุงฉากการต่อสู้ทำร้ายเหล่าสัตว์ในเกมนี้ หรือพูดง่าย ๆ มันคือเรียกร้องสิทธิ์ให้สัตว์ในเกม ที่ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่องค์กรนี้ทำแต่เขาทำมานานแล้วตั้งแต่อดีต และมีการทำเกมเชิงประชดล้อเลียนออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเกมล้อเลียนเกม ‘Pokemon’ ที่เอาสัตว์มาต่อสู้กันในชื่อเกม ‘PETA’s Pokemon Black and Blue’ หรือเกมทำครัวน่ารัก ๆ อย่าง ‘Cooking Mama’ ก็ไม่รอดโดนเอามาเปลี่ยนเป็น ‘Mama Kills Animals’ ที่คุณสามารถไปหามาเล่นได้ ที่พอข่าวนี้ออกมาแทนที่จะมีคนเห็นด้วยทุกคนกลับขำชักดิ้นชักงอเหมือนกุ้งโดนน้ำร้อนลวก จนคนที่เห็นข่าวต้องบอกคนเล่นเกมว่าพักหายใจก่อนไหมกันเลยทีเดียว ก่อนที่นักเล่นเกมที่หยุดหัวเราะและจับไหล่ ‘PETA’ จ้องตาเขาแล้วพูดว่า “ตั้งสติหน่อยมันคือเกมเราฆ่าสัตว์ในเกมเท่านั้น ส่วนคนที่มันทำร้ายสัตว์คือพวกที่ไม่เล่นเกม เรารักสัตว์แต่สัตว์ในเกมมันไม่มีชีวิตมันแค่โปรแกรม โอเคนะพี” ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่หาว่าเกมสร้างความรุนแรงเลย เหมือนเราเตะหมาในเกมแล้วรู้สึกอยากไปเตะหมาในชีวิตจริง คนเล่นเกมอย่างเราคิดวิเคราะห์แยกแยะได้นะพี

PETA

บิดเบือนประวัติศาสตร์

Battlefield

คราวนี้มาดูเรื่องราวที่เป็นแบบก้ำกึ่งที่มีทั้งโดนว่าและไม่โดนว่า กับกรณีของเกมหลายเกมที่อ้างอิงประวัติศาสตร์จริง ๆ มาใส่ แล้วไปบิดเบือนแก้ไขจนมันต่างออกไปจากเดิม อย่างที่เกม ‘Battlefield’ โดนกับการใส่ทหารหญิงพิการลงไป รวมถึงเนื้อหาที่บอกว่าคนดำในสงครามโดนกดขี่ ทั้งที่ความจริงทหารหญิงก็มีในสงครามแต่ไม่เด่นขนาดนี้ รวมถึงเหล่าทหารผิวดำก็ได้รับการยกย่องไม่ต่างกับวีรบุรุษในสงครามเลย ซึ่งเรื่องนี้ในหน้าประวัติศาสตร์มีบันทึกเอาไว้มากมาย พอไปเปลี่ยนแปลงเลยทำให้คนรับไม่ได้เหมือนในวงการภาพยนตร์ที่ก็โดนมาเหมือนกัน กับเนื้อหาที่เปลี่ยนแปลงไปเมื่อเอาประวัติบุคคลสำคัญมาสร้าง หรือเอาเหตุการณ์ในตอนนั้นมาทำเป็นภาพยนตร์แล้วเปลี่ยนจนไม่เหลือรูปแบบเดิม ที่ถ้ามองในวงการเกมก็ดูเหมือนสิ่งที่ ‘Battlefield’ จงใจเปลี่ยนก็เพื่อเอาใจตลาด ที่ในตอนนั้นกำลังเรียกร้องสิทธิ์ให้คนดำกับเพื่อนหญิงพลังหญิงเพื่อให้เกมถูกพูดถึง แต่ดันจุดไม่ติดแถมยังโดนด่าเพราะไปเปลี่ยนประวัติศาสตร์เกมเพื่อเอาใจตลาด (ซวยไป) กับอีกแบบที่เปลี่ยนเนื้อหาไปแต่ก็ไม่มีใครว่าแถมชอบด้วย นั่นคือการยัดตัวละครลงไปในเหตุการณ์สำคัญอย่างซีรีส์ ‘Assassin’s Creed’ ที่ใส่ตัวละครของเราไปอยู่เรื่องราวในประวัติศาสตร์จริงมากมายหลายเหตุการณ์ แต่แทนที่จะถูกด่ามันกลับได้รับคำชมจากอาจารย์หลายคนที่สอนประวัติศาสตร์บอกให้เด็ก ๆ ไปเล่นเกมเหล่านี้ เพื่อจะได้รู้จักประวัติศาสตร์ประหนึ่งว่าออเจ้าไปเดินเล่นสมัยอยุธยาและอยู่ในเหตุการณ์สำคัญที่มีอยู่จริง แต่เนื้อหาไม่ตรงกับที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์จริงแต่กลับไม่โดนด่า ขณะที่วงการอื่นเขาว่าบิดเบือนไม่เหมือนเดิมโดนด่ายับ แต่วงการเกมบอกดีจัดไปเลยเด็ก ๆ ควรหามาเล่นตรงข้ามไปอย่างนั้น

Battlefield
Assassin's Creed

ฉากแนว 18+ กับความโหดในเกมประเทศที่ไม่จำกัดอายุคนซื้อ

Mortal Kombat

แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงดราม่าก็ต้องมีเรื่องราวของความรุนแรงในวิดีโอเกมกับฉากแนว 18+ ที่ต้องถูกพูดถึง ซึ่งในวงการเกมนั้นเรื่องแบบนี้มันมีมานานมาก ๆ แล้วถึงความไม่เหมาะสมกับความรุนแรงหรือฉากไม่เหมาะสมต่าง ๆ จนมีองค์กรคณะกรรมการจัดเรตสื่อซอฟต์แวร์เพื่อความบันเทิงที่เรียกว่า ‘Entertainment Software Rating Board’ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ‘ESRB’ ขึ้นมาเพื่อควบคุมอายุคนซื้อเกม ที่เหมือนเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีจ้างคนที่อายุเกินไปซื้อเหล้าบุหรี่ตามร้านขายของให้ ซึ่งกฎหมายนี้ก็มีผลเฉพาะบางประเทศที่เข้มงวดในเรื่องนี้ แต่เหล่าคุณลุงคุณป้าที่ปกครองประเทศต่างก็รู้ว่าเดี๋ยวเด็ก ๆ ก็จ้างคนอายุถึงไปซื้อเกมมาให้ เลยสั่งไปทางนักพัฒนาเกมให้จัดการปกปิดเนื้อหาความรุนแรงในเกมไปเลย ไม่อย่างนั้นเราไม่ให้ขายในประเทศเรานะ จนนักพัฒนาเกมยอมทำตามเพราะประเทศนั้น ๆ มียอดขายดีเลยมีปากเสียง ซึ่งมันก็ไม่มีปัญหาที่นักเล่นเกมอย่างเราจะออกมาโวยวาย เพราะมันเกิดขึ้นแค่บางประเทศที่วางขาย แค่เราไปซื้อแผ่นประเทศอื่นก็จบแต่ถ้ามันเกิดขึ้นทั้งภูมิภาค อย่างที่เกม ‘Assassin’s Creed Valhalla’ ที่วางขายในทวีปเอเชียจะมีการเซนเซอร์เพื่อให้สอดคล้องกับการเรต ‘CERO’ ของญี่ปุ่น ที่เล่นเอาคนเล่นเกมประเทศอื่น ๆ เดือดสิงานนี้ จนมีการออกมาร้องเรียนว่าถ้าจะทำก็ทำเพียงในบางประเทศไป ประเทศเมืองพุทธอย่างเราชอบความรุนแรง เลือดก็คือเลือดฉากฆ่าฉากตายใส่มาเลยยิ่งเบิ้ม ๆ ยิ่งชอบ เพราะเราคงไม่รู้สึกสะใจหรืออยากเอามีดไปแทงคนหรือไปลวนลามใครในชีวิตจริง แต่การเห็นการตัดฉากโหด ๆ ในเกมไป มันก็เหมือนซื้อขนมปังที่มีไส้กรอกแค่ครึ่งเดียวอยู่ตรงหัวกับท้ายตรงกลางไม่มี (หวังว่าคนเล่นเกมจะเข้าใจความหมาย) ขณะที่วงการอื่นเขาก็มีการจัดอายุคนดูก็ไม่เห็นมีคนมาว่า จะมีแค่วงการเกมนี่ละที่ออกมาโวยไม่เหมือนชาวบ้าน

The Last of Us Part II
Assassin's Creed Valhalla

เพื่อนหญิงพลังหญิงที่เกินจริง

Bayonetta

อีกหนึ่งเรื่องราวดราม่าในวงการอื่นโดยเฉพาะภาพยนตร์ ที่มีการบ่นถึงความไม่เท่าเทียมจนเกินไป กับการใส่ให้ตัวละครหญิงมีความแข็งแกร่งเท่าตัวละครชาย โดยเฉพาะตัวละครสาวน้อยตัวเล็ก ๆ ที่สามารถเอาชนะตัวละครชายตัวใหญ่ ๆ ได้อย่างง่ายดาย ที่ดูเป็นอะไรที่ขัดแย้งกับความเป็นจริงจนมีประเด็นดราม่าในหลาย ๆ เรื่อง แต่พอเรามามองในวงการเกมเรื่องนี้กลับตรงข้าม เพราะสิ่งที่วงการเกมทำนั่นคือการใส่สาวน้อยโลลิ (เด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารัก) ลงไปสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาด ขนาดที่ว่าสาวน้อยโลลิตัวเล็ก ๆ น่ากอดน่าฟัด (เสียงไอดังคุก ๆ ขึ้นมาเลย) ที่ถือดาบเล่มโตที่ผิดกับขนาดตัวเองไปสู้ศัตรู หรือจะเป็นตัวละครสาวน้อยตัวเล็ก ๆ ในเกมต่อสู้อย่าง ‘Dead or Alive’ หรือ ‘TEKKEN’ ที่ก็จัดตัวละครสาวน้อยโลลิน่ารักมาสู้กับผู้ชายกล้ามโตเป็นเรื่องปกติ และตรงข้ามถ้าเกมไหนไม่มีสาวน้อยน่ารัก ๆ ใส่ลงมา เกมภาคนั้นเตรียมโดนคนเล่นเกมด่าแน่นอน เพราะวงการนี้ชอบแบบเบิ้ม ๆ โลลิเยอะ ๆ ขณะที่วงการอื่นมองว่าสาวน้อยตัวเล็ก ๆ อัดผู้ชายคือยัดเยียดเพื่อนหญิงพลังหญิง แต่ในวงการเกมกลับบอกขอเยอะ ๆ มาก ๆ ไม่ต้องมีตัวละครชายเลยก็ยิ่งดี (นั่นก็เกินไป) ไม่เชื่อถามคนเล่นเกมดู บอกแล้ววงการนี้มันเถื่อนจัดสาว ๆ ใส่เสื้อผ้ามิดชิดไม่มีตัวละครหญิงในเกมน่ารัก ๆ อยู่ไม่ได้บอกเลย ท่านผู้เจริญหลายท่านในวงการเกมกล่าวเอาไว้

Dead or Alive
TEKKEN
Genshin Impact

ความหลากหลายทางเพศ

The Last of Us Part II

ปิดท้ายกับอีกหนึ่งกรณีที่เป็นประเด็นให้ถูกพูดถึงในวงการต่าง ๆ เกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ ที่กว่าเรื่องนี้จะได้รับการยอมรับและใส่มาในสื่อต่าง ๆ ได้อย่างแพร่หลายนั้นต้องใช้เวลานานมาก ๆ เพื่อให้คนดูที่ยังไม่ชินได้ซึมซับเรื่องนี้ เพราะเราติดภาพของชายต้องเป็นชายเข้ม ๆ แมน ๆ ผู้หญิงก็ต้องเป็นสาวน้อยอ่อนแอ และผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงเท่านั้นห้ามไปคู่กับเพศเดียวกัน จนวันเวลาเปลี่ยนแปลงตามสื่อต่าง ๆ ที่เริ่มเห็นตัวละครชายรักชายหญิงรักหญิงมากขึ้น แต่กว่าที่จะได้รับการยอมรับก็เล่นเอาถูกต่อต้านพอสมควรเลย เหมือนที่คนสมัยก่อนว่าเต้นกินรำกินไม่เจริญ มาดูยุคนี้ใคร ๆ ก็เต้นจนเป็นดาว ‘TikTok’ แต่ในวงการเกมเรากลับไม่ต่อต้านหรือมีก็น้อยมาก ๆ เพราะเมื่อมีการสนับสนุนเรื่องความหลากหลายทางเพศในตัวละคร ค่ายเกมต่าง ๆ ก็จัดให้แบบไม่ลังเลอย่าง ‘The Sims 4’ ที่ก็ให้ผู้ชายหญิงเพศเดียวกันแต่งงานกันได้ รวมถึงหลาย ๆ เกมที่เราสามารถจีบเพศเดียวกันได้แบบไม่มีใครว่าอะไรหรือออกมาต่อต้านแบบสื่ออื่น หรือถ้ายังไม่หลากหลายพอเราก็สามารถแต่แบบตัวละครไม่มีเพศก็ได้ เช่นตัวละครหญิงมีหนวดหรือตัวละครชายที่สามารถใส่กระโปรงแบบผู้หญิง เพื่อบอกให้รู้ว่าคุณสามารถเป็นตัวของตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องระบุเพศสภาพตัวเอง เรียกว่ามีอิสระไม่ดราม่าอยากเป็นอะไรเป็นเลยในโลกของวิดีโอเกม แต่ผลกระทบนี้ก็มีบางประเทศที่รับไม่ได้อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับศาสนาและผู้นำของประเทศนั้น ๆ แต่ในวงการเกมเราเปิดกว้างไม่ดราม่านั่นคือสิ่งที่หลายคนไม่รู้มาก่อน

The Sims 4
Stardew Valley
monster hunter rise sunbreak

เป็นอย่างไรกันบ้างกับการรวมประเด็นดราม่าต่าง ๆ ที่เจ้าอื่นเขามีเรื่องให้ถกเถียงมีประเด็นดราม่าให้พูดกันยืดยาวถึงความไม่เหมาะสมนั่นนี่ แต่พอมาวงการเกมไม่มีดราม่ายังพอว่าแต่มันกลับไปดราม่าตรงข้ามเสียอย่างนั้น โดยเฉพาะเรื่องราวของท่านผู้เจริญที่ถ้าขาดไม่มีหรือปกปิดก็เตรียมตัวโดนคลื่นดราม่าท่านผู้เจริญถล่มแน่นอน ซึ่งคนที่อยู่วงการเกมมาตลอดน่าจะทราบกันดี และหลายท่านก็น่าจะเป็นหนึ่งในผู้เจริญนั้น ส่วนใครที่เพิ่งจะเข้ามาละอ่านบทความนี้ก็ทราบไว้เลยว่า นักเล่นเกมอย่างเราไม่ค่อยสนใจประเด็นอ่อนไหวเหล่านี้ เพราะเรามองที่ความสนุกและความสบายตาตอนเล่นเป็นหลัก ที่อาจจะมองดูหื่นหรือไม่ดีไม่เหมาะสมในสายตาคนนอก แต่ต้องยอมรับว่ามันคือเรื่องจริงและมันก็ขับเคลื่อนวงเกมให้เดินต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงตอนนี้ ส่วนใครที่มีประเด็นดราม่าอะไรในวงการอื่นแต่วงการเกมจุดไม่ติดดันไม่ขึ้นก็เอามาพูดคุยกันได้ ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรในวงการเกมก็ติดตามกันได้ หรือจะย้อนไปอ่านบทความเก่าก็มีมากมายให้คุณได้ดูกัน เพราะที่แบไต๋มีทุกความบันเทิงเพื่อคุณ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส