คงจะมีไม่กี่คนที่ไม่รู้จัก “Pokemon” เกม/การ์ตูนเกมจากแดนปลาดิบที่มีอายุอานามถึง 23 ปี (1996 ถึงปัจจุบัน) ที่ ณ ตอนนี้ก็ได้กลายเป็นแบรนด์ติดระดับโลกไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งด้วยตัวเลขที่เดินทางมาถึงสองหลักนั้น แน่นอนละครับว่าย่อมมีเรื่องราวหลากหลายที่น่าติดตามหรืออาจหลบในซอกหลืบมุมใดมุมหนึ่งของโลก ฉะนั้นแล้ว เราตามไปดูกันเถอะครับว่า 23 เรื่องที่ผู้เขียนหามาให้อ่านนั้นจะมีอะไรบ้าง?


1. อ้างอิงจากทางวิทยาศาสตร์ “เซนิกาเมะ” คือโปเกม่อนเริ่มต้นของเจนหนึ่งที่ดีที่สุด

ถ้าจะให้ถามไถ่ผู้เล่นที่มีความต่างจิต ต่างใจ และต่างความชอบ ชาตินี้ก็จะหาข้อสรุปไม่ได้สักทีหรอกนะครับว่าโปเกม่อนเริ่มต้นเจนแรกตัวไหนดีที่สุด ฉะนั้นเรามาให้ “หลักทางวิทยาศาสตร์” มาตัดสินให้กันดีกว่า! โดย Wolfram นั้น ได้จัดการม็อดเกมและนำโปเกม่อนเจนแรกทั้งหลายมาทดลองปราบยิมทั้งหมดในโปเกม่อนภาค Red/Blue เพื่อหาพิสูจน์ว่าโปเกม่อนตัวใดสามารถโค่นเกมลงได้ไวที่สุด ซึ่งผลสรุปที่ได้ออกมาก็แน่นอนตามภาพจ้า “เซนิกาเมะ” นั่นเอง

ส่วนเหตุผลนั้น Wolfram Alpha ได้อธิบายไว้ว่าในตอนต้น ๆ ของเกม ฮิโตคาเงะ กับ ฟุจิกิดาเนะ ค่อนข้างมีภาษี แต่เมื่อไปช่วงกลาง – ท้ายจะพบว่าเซนิกาเมะกินขาด ส่วนโปเกม่อนที่อ่อนที่สุดสำหรับเจนแรกเลยก็ไม่ต้องสืบนะครับ คอยคิงไงจะใครล่ะ…

2. ลิซาร์ดอนไม่ใช่มังกร แต่เป็นแย้บินได้ต่างหาก…

แม้ภายนอกของเจ้าลิซาร์ดอน (Charizard) โปเกม่อนเริ่มต้นของเกมเจนแรกจะมีรูปร่างน่าเกรงขามเหมือนมังกรก็เถอะ แต่เอาเข้าจริงๆ ตัวมันนั้นไม่ได้ติดอยู่ในธรรมเนียบของโปเกม่อนประเภทมังกรนะ ซึ่งเหตุผลก็คงต้องย้อนความไปตั้งแต่สร้างเกมภาค Red/Blue ที่ทางผู้สร้างอย่าง Game Freak แกอยากให้โปเกม่อนประเภทมังกรมีความแรร์และเก่ง เพราะในเกมภาคเจนแรก ๆ ลิซาร์ดอนเป็นหนึ่งในโปเกม่อนเริ่มต้น ซึ่งมันไม่ควรจะได้ประเภทไปไว้ในครอบครอง เพราะมังกรตามข้อมูล Pokedex เพียงตัวเดียวในเจนแรกจะมีเพียง มินิริว (Dratini) และอีกสองร่างอย่างฮาคุริว (Dragonair) และไคริว (Dragonnite) เท่านั้น

ลิซาร์ดอนเลยถือประเภทเป็น Fire/Flying แทน (ก็ถือว่าใกล้เคียงความเป็นมังกรแล้วแหละ) แต่ในภาคหลัง ๆ มาผู้สร้างแกก็ทดแทนให้เจ้าลิซาร์ดอนสามารถเรียนรู้ท่าประเภทมังกรและยังถูกฟักออกมาจากไข่ประเภทมังกรได้นะ แถมในภาค X กับ Y ลิซาร์ดอนยังเปลี่ยนเป็นร่าง Mega ที่ถูกเปลี่ยนประเภทเป็น Fire/Dragon ได้อีกด้วย

3. ทั้งชื่อภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นของ Hitmonlee (ซาวามูลาร์) และ Hitmonchan (เอบิวาลาร์) มาจากนักสู้ชื่อดัง

ท่าลองสังเกตกันสักนิด จะเห็นได้ว่าในชื่อภาษาอังกฤษของ Hitmonlee และ Hitmonchan นั้น มาจากบรูซ ลี (Bruce Lee) และ แจ๊คกี้ ชาน (Jackie Chan) นั่นแหล่ะครับ แต่ที่มันเจ๋งกว่านั้นคือในชื่อต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นของทั้งคู่ก็ยังมาจากนักสู้ที่มีชื่อเสียงเช่นเดียวกัน โดย Hitmonlee หรือซาวาร์มูลาร์มาจากนักมวยแข้งเทพอย่าง ทาดาชิ ซาวามูระ ในขณะที่ Hitmonchan หรือเอบิวาลาร์นั้น มาจากอดีตนักมวยแชมเปี้ยนโลกอย่าง ฮิโรยูกิ เอบิฮาระครับ

4. ชื่อของภาค Red/Blue คือการอ้างอิงสีค่ายของ Nintendo และ Sony

รู้กันหรือไม่ครับว่าชื่อของเกมโปเกม่อนภาค Red/Blue นั้น เป็นการนำสีของคู่แข่งทาง Nintendo ตลอดมาอย่าง Sony, PlayStation (ในยุคนั้นที่ไฟว์กันหนัก ๆ เลยคือ Nintendo 64 ปะทะ PlayStation 1) มาใช้ในการตั้งชื่อ และมันก็ดันกลายเป็นคอนเซปต์ของโปเกม่อนที่จะต้องออกสองภาคที่เป็นการสลับกันของขั้วบรรดาสิ่งในที่สุด

5. ตัวละครเอกชายในภาค Ruby/Sapphire/Emerald ไม่ได้ผมมีสีขาว แต่ว่านั่นคือหมวก

ภาพจากเว็บไซต์ Reddit

ข้อนี้ตอนผู้เขียนรู้เองยังรู้สึกงง ๆ ว่ามันจริงหรอ? จนต้องไปลองเพ่งสังเกตด้วยตาตนเองดี ๆ ถึงจะเห็นว่าจริง ๆ แล้วตัวละครเอกชายที่เราเลือกเล่นได้ในภาค Ruby/Sapphire/Emerald นั้น มีผมสีดำ แต่ที่เราเห็นว่ามันขาว ๆ คือส่วนหนึ่งของหมวก

6. ดิ๊กด้า (Diglett) มีเท้านะ

อ้างอิงจากเกมโปเกม่อนภาค Mystery Dungeon (Pokemon Mystery Dungeon) จะมีภารกิจหนึ่งที่เราจะต้องขึ้นไปบนภูเขาเพื่อช่วยเหลือเจ้าดิกด้าที่ติดอยู่ ซึ่งเมื่อเราช่วยได้แล้ว มันจะขอบคุณเราพร้อมพูดว่า “เท้าของฉันรู้สึกเหมือนได้เดินอยู่บนอากาศเลยล่ะ”

7. การพัฒนาร่างของปลาน้อยคอยคิงสู่มังกรเกียราดอสอ้างอิงมาจากตำนานจีน

อย่างที่เห็นนั่นแหล่ะครับว่ากีราดอสนั้นเป็นมังกร แต่คอยคิงหรือร่างแรกก่อนพัฒนากลับเป็นเพียงปลาธรรมดาที่มีแค่ท่า Splash และ Tackle (ท่าหลังนี้คุณต้องอดทนแบบสุด ๆ ซึ่งใครมันจะบ้ารอเอามาใช้) มันสมเหตุสมผลตรงไหน? คำตอบนี้มีให้ครับ คือทาง Game Freak หรือผู้สร้างแกไม่ได้คิดกันเองแต่อย่างใด หากแต่เป็นการนำตำนานความเชื่อของจีนที่มีชื่อว่า Dragon’s Gate มาดัดแปลงครับ โดยพื้นเพ้ของตำนานต้นฉบับนั้นว่าด้วยเรื่องการปลูกฝังคำสอนของความเพียรพยายามที่หากปลาคาร์ป สัตว์เล็กจากแหล่งน้ำธรรมดาสามารถไต่ขึ้นสู่บนสุดของน้ำตกได้ มันก็จะได้รับรางวัลแห่งความพากเพียรด้วยกลายร่างเป็นมังกรอายุพันปีในที่สุด

8.แกงการ์คือขั้วสลับข้างของพิกซี่?

ภาพจากผู้ใช้งาน Reddit ยูเซอร์ Cilerba

ข้อนี้เป็นทฤษฎีที่แฟน ๆ ต่างประเทศคิดกันเป็นตุเป็นตะจนดูมีเหตุผลไปโดยปริยายเลยล่ะครับ เพราะมันมีการอ้างอิงข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้อันว่าด้วย Clefable หรือพิกซี่นั้น เป็นโปเกม่อนที่ถูกออกแบบมาเป็นอันดับต้น ๆ ของเกมและซ้ำยัง Game Freak เคยคิดจะให้เจ้าตัวนี้เป็นมาสคอตของโปเกม่อนเลยล่ะ ซึ่งแกงการ์ก็เป็นอีกหนึ่งตัวที่ถูกสร้างตามออกมาที่มีความคล้ายคลึงกันมาก แถมเจ้าแกงการ์ยังถือครองประเภทผีไว้อีก มันเลยดูเหมือนขั้วสลับข้างกันของเจ้าพิกซี่นั่นเอง

9. Poke balls ได้แรงบันดาลใจมาจากกาชาปอง

ภาพจาก https://www.pinterest.com/pin/442549100854990525/?lp=true

ตรงไปตรงมาครับข้อนี้ Poke Balls นั้น ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องหยอดเหรียญตู้กาชาปองที่สิ่งของภายในนั้นจะมีขนาดแตกต่างกันออกไป ซึ่งพอมาเทียบเคียงกับโปเกม่อนก็จะเห็นว่ามีเหมือนกันตรงที่บรรดาโปเกม่อนมีไซส์ที่ไม่เท่ากันนั่นเอง

10. ทาเคชิ “เคยเปิดตา”

ใครหลายคนอาจคิดว่าเพื่อนคู่คิดของซาโตชิอย่างพ่อหนุ่มทาเคชิ (หรือชื่อในระดับโลกว่า Brock) ตาบอดหรืออาจจะไม่เคยเรียนรู้การเปิดม่านตา ฮ่า ๆ ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ ตาหมอนี่มันก็คนปกติครบ 32 ส่วนนั่นแหล่ะ เพราะในฉบับอนิเมะได้มีหลักฐานว่าเขาเปิดตาผ่านตอนที่มีชื่อว่า “A Crowning Achievement” และหลังจากนั้นเรื่อย ๆ เขาก็เริ่มที่จะค่อย ๆ ป่าวประกาศให้เพื่อนฝูงได้รู้ว่าตรูมีตานะเฟร้ย

ที่มา: Kotaku (ข้อ 1) , Reddit (ข้อ 3) , DidYouKnowGaming (ข้อ 4), Gamefaqs (ข้อ 5) , Bulbapedia (ข้อ 6) , Wikipedia (ข้อ 7) , Creepypaster (ข้อ 8) , Bulbapedia (ข้อ 9)