รีวิวเกม Fire Emblem Warriors Three Hopes สงครามสามบ้านฉบับมุโซว
Our score
8.0

Fire Emblem Warriors Three Hopes

จุดเด่น

  1. เกมเพลย์สนุก เรียบง่ายแต่มีความท้าทาย
  2. ปรับแต่งตัวละครได้เยอะมีเนื้อเรื่องหลากหลาย

จุดสังเกต

  1. กราฟิกธรรมดาไปหน่อย

อีกหนึ่งในแนวทางการสร้างเกมในยุคนี้คือการนำต้นฉบับไปรวมร่างกับแนวมุโซว หรือที่แฟน ๆ รู้กันดีว่าเป็นแนวตะลุมบอนต่อสู้กับศัตรูเป็นกองทัพในฉากที่จำกัด ที่ไม่ว่าซีรีส์ดังระดับไหนก็เคยกลายเป็นแนวมุโซวมาแล้ว และล่าสุดกับการกลับมาอีกครั้งของ Fire Emblem Warriors Three Hopes ที่วางขายเฉพาะ Nintendo Switch

โดยซีรีส์ Fire Emblem เป็นเกมแนววางแผนการรบของค่าย Nintendo ที่วางขายมาตั้งแต่ยุค 90S และออกภาคต่อมาตลอด ส่วนการรวมร่างกับแนวมุโซวเคยมีการออกมาแล้ว 1 ภาคกับ Fire Emblem Warriors ที่เคยออกบน 3DS และ Switch ส่วนการกลับมาอีกครั้งจะเป็นการนำภาค Three Houses มาเป็นต้นแบบยิ่งทำให้น่าเล่นเพิ่มขึ้น เพราะภาคนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีและมีความหลากหลายของเนื้อเรื่อง

ส่วนเรื่องราวใน Fire Emblem Warriors Three Hopes จะเป็นเรื่องราวใหม่ในช่วงเวลาที่แตกต่างจากภาค Three Houses และมีการแบ่งออกเป็นเรื่องราวของ 3 บ้านที่มีทั้ง Scarlet Blaze, Azure Gleam และ Golden Wildfire และผู้เล่นจะเลือกได้ว่าจะอยู่บ้านไหน ซึ่งในแต่ละเรื่องราวจะใช้เวลาประมาณ 20 ชั่วโมงในการเล่นให้จบถือว่ารวม 3 เนื้อเรื่องจะยาวพอสมควร

กราฟิกเหมือนเดิมแต่ลื่นไหลดี

แน่นอนว่าซีรีส์มุโซวกราฟิกจะไม่ใช้จุดขาย เพราะมันต้องออกไปต่อสู้กับศัตรูนับร้อยนับพัน ทำให้กราฟิกต้องถูกลดระดับลงอยู่แล้ว ยิ่งสเปกของ Switch ก็ไม่ได้แรงอะไรทำให้ภาพในเกมก็เหมือนกับภาคหลักของมันอย่าง Three Houses ที่เป็นกราฟิกแบบการ์ตูนที่ไม่ได้มีความละเอียดอะไรนัก ยิ่งฉากในเกมไม่ว่าจะเป็นสนามรบหรือเมืองที่ดูโล่ง ๆ ทำให้ใครที่หวังว่ากราฟิกจะดูดีขึ้นก็ขอบอกไว้เลยว่าผิดหวังแน่

แต่โดยรวมแล้วภาพในเกมก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร อยู่ในระดับมาตฐานทั่วไปและเฟรมเรตก็ทำได้ลื่นไหลพอประมาณถือว่าเล่นได้แบบไม่เสียสายตาแน่นอน อย่างไรก็ตามแม้กราฟิกอาจจะดูธรรมดาแต่ส่วนที่ทำออกมาได้ดีคือเพลงประกอบที่ทำออกมาได้ดีงามมีการใส่ธีมที่อลังการงานสร้างเข้าไปในฉากแอ็กชัน และยังมีการใส่เพลงหลักของภาค Three Houses เข้าไปด้วย และเสียงพากย์ยังคงจัดเต็มแทบจะมีทุกส่วนของเกมกันเลยถือว่าทีมงานลงทุนพอสมควร

รูปแบบการเล่นก็แนวมุโซวนั้นแหละ

เกมเพลย์ของภาคนี้ยังคงเดินตามรอยแนวตะลุยกองทัพศัตรู เพื่อเป้าหมายหลักคือกำจัดให้หมดและยืดพื้นที่หรือป้องกันไม่ให้ศัตรูมาตีฐานของเรา ที่เป็นแนวทางหลักของซีรีส์ที่รวมร่างกับแนวมุโซวแบบไม่ได้ฉีกอะไรออกไป ผู้เล่นจะได้เดินในฉากที่ค่อนข้างจำกัด และทำภารกิจที่กำหนดไว้แบบเข้าใจง่ายมาก เพราะมีการบอกว่าต้องไปทำอะไรที่ไหนตลอด แต่บางภารกิจจะมีเวลาจำกัดหากพลาดไปแล้วจะกลับไปทำไม่ได้อีก ทำให้ผู้เล่นต้องคอยอ่านกันตลอดจะมัวแต่สู้ไม่ได้

นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถสั่งการให้เพื่อนร่วมทีมไปทำภารกิจบนแผนที่ได้ และมันจำเป็นมากเพราะบางครั้งต้องทำพร้อมกัน หรือต้องแยกทีมไปต่อสู้กับศัตรู ถือว่าทำให้เกมมีอะไรโดดเด่นมากและเราสามารถสลับเปลี่ยนเป็นตัวละครอื่นในฉากได้ ส่วนระบบการต่อสู้ก็เรียบง่ายเหมือนกัน เพราะใช้ปุ่มแค่ไม่กี่ปุ่มในการสั่งให้ตัวละครโจมตี และสามารถสานต่อเป็นคอมโบได้รวดเร็ว และยังใช้การกดร่วมกับปุ่ม R เพื่อปล่อยท่าไม้ตายได้ และยังมีการสะสมค่าพลังเพื่อปล่อยท่าสุดยอดที่กำจัดศัตรูได้พร้อมกันได้อย่างง่ายดายมาก

ส่วนระบบปรับแต่งตัวละครก็เต็มไปด้วยรายละเอียดไม่ว่าจะเป็นระบบเลเวลตามปรกติที่ต้องมี และยังมีการอัปเกรดด้วยการใส่อาวุธและไอเทมเสริม รวมทั้งยังมาพร้อมระบบอาชีพมีมาให้เลือกใช้หลากหลายอาชีพและมีอะไรให้อัปเกรดเยอะมาก รวมทั้งการปรับท่าไม้ตายที่จะสามารถลงรายละเอียดได้ว่าต้องการท่าที่โจมตีรุนแรงหรือเน้นกำจัดศัตรูจำนวนมาก ซึ่งมันจำเป็นมากหากเราเลือกเล่นแบบยากเพราะการต่อสู้กับศัตรูเป็นกองทัพไม่ง่ายแน่

นอกจากต่อสู้ยังมีอะไรให้ทำเยอะมาก

เนื่องจากฉากต่อสู้ที่ไม่ค่อยมีอะไรใหม่ ทำให้ผู้สร้างเสริมด้วยระบบมากมายที่ทำให้เราอยู่กับเกมได้นาวนานมาก อย่างแรกที่เป็นจุดเด่นและทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่ชอบคือมีโหมดให้ปรับแต่งเยอะ มีทั้งการปรับระดับความยาก ที่เลือกแบบง่ายสุด ๆ ก็ทำได้ และยังมีโหมดที่เลือกได้ว่าจะเดินตามรูปแบบเดิมของซีรีส์ที่หากพลาดตายแล้วตัวละครนั้นก็จะหายไปจากเกมเลย หรือเลือกแบบที่ตัวละครไม่หายไปได้ด้วย

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับฉากในเมืองที่มีสิ่งให้เราทำมากมายในฉากกว้าง ๆ ที่อย่างแรกที่ต้องชมคือหากคุณไม่อยากเดินสำรวจก็สามารถกดวาร์ปไปยังส่วนที่ต้องการในเมืองได้ด้วยไม่ต้องเสียเวลาเดิน ส่วนในเมืองหรือฐานทัพจะมีอะไรให้เราทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าให้ซื้ออาวุธและยาเติมพลัง หรือส่วนของการฝึกฝนตัวละครให้เก่งยิ่งขึ้น และยังมาพร้อมกับจุดที่เราเอาไว้เปลี่ยนอาชีพด้วย แถมระบบอัปเกรดยังทำได้ง่ายดายเพราะเมนูเป็นรูปภาพเข้าใจได้ง่าย

และในเมืองยังมาพร้อมกับกิจกรรมพิเศษที่ช่วยเสริมความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครให้ทำมากมาย ทั้งการทำอาหาร หรือการมาช่วยกันเลี้ยงม้าในฟาร์ม ซึ่งการสร้างความสัมพันธ์นี้จะส่งกับหลายสิ่งในเกมด้วย รวมทั้งระบบถามตอบเพื่อทำเนื้อเรื่องที่มีมาให้ตลอดการเล่น ทำให้หากเราต้องการเก็บรายละอียดมีอะไรให้ทำมากมาย และอยู่กับเกมได้ยาวนานมากขึ้น

โดยรวมแล้วการกลับมาลงสนามรบอีกครั้งใน Fire Emblem Warriors Three Hopes ถือว่าทำออกมาได้ดีกว่าที่คาดหวังไว้ แม้ว่ารูปแบบการเล่นหลัก ๆ จะเป็นแนวมุโซวตะลุมบอนกับศัตรูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แต่ก็ทำออกมาได้ดีตามมาตรฐานไม่มีตกหล่น แถมด้วยสิ่งที่ให้เราทำมากมายนอกจากการต่อสู้ และมีเรื่องราวที่สุดเข้มข้นแล้วถือว่าเป็นอีกหนึ่งในซีรีส์ที่รวมร่างกับแนวมุโซวแล้วไม่เสียของ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส