[Review] “Red Dead Redemption 2” ขอต้อนรับสู่ Cowboy Life Simulator นะพรรคพวก
Our score
9.2

Red Dead Redemption 2

จุดเด่น

  1. ภาพสวยกว่านี้มีอีกมั้ย
  2. โลกเกมละเอียดกว่านี้มีอีกมั้ย
  3. ยิงกันมันส์ได้อีก
  4. เนื้อเรื่องน่าติดตาม

จุดสังเกต

  1. ไม่ใช่เกมสำหรับทุกคน
  2. เล่นจนหลับ...
  3. Tutorial ระบบตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
  • GAMEPLAY

    9.0

  • GRAPHIC

    9.5

  • STORY

    8.5

  • PERFORMANCE

    9.0

  • VALUE

    10.0

ว่าไงไอ้เกลอเกมเมอร์ทั้งหลาย! วันนี้ข้ามีเรื่องเด็ดจะมาเล่าให้พวกเอ็งฟังแกล้มเหล้าเพลิน ๆ นะ มันเกี่ยวกับเกมเล็ก ๆ สมญานามว่า “Red Dead Redemption 2” ที่เกมเมอร์แดนเถื่อนหลายคนกำลังพูดถึงในเวลานี้นั่นแหละ บ้างก็ว่าเจ้าเกมนี้มันสุดยอดมากถึงขนาดเป็นเกมที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยนะ บ้างก็ว่ามันไม่เห็นจะมีน้ำยาแถมยังน่าเบื่อชิบเป๋ง เพราะงั้นวันนี้ข้าเลยจะมาสรุปให้พวกเอ็งฟังกันหน่อยว่าจริง ๆ แล้วตัวจริงของมันเป็นยังไงกันแน่ ตัวข้าเองได้เจอมันมากับตัว ได้ขี่ม้าพูดคุย และยิงปืนลูกโม่ไปกับมันมานานกว่า 50 ชั่วโมงแล้ว ซึ่งข้าขอบอกไว้เลยตรงนี้ว่า Red Dead Redemption 2 คือเกมแนว Open World ที่ทะเยอะทะยานที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยทีเดียวเชียว และความฝันสุดยิ่งใหญ่ของมันที่ต้องการจะก้าวข้ามขีดจำกัดของเกมในยุคนี้ก็เกือบจะเป็นจริงเลยเชียว นี่คงสงสัยสินะว่าทำไมข้าถึงกล้าคุยโวแทนมันขนาดนี้ งั้นสุมหัวเข้ามาฟังรายละเอียดกันแบบชัด ๆ ทางนี้เร็วเข้า

“โหมด Multiplayer มันหายหัวไปไหนอะ?” “ยังไม่ออก…”

*ข้าขอพูดถึงแค่โหมดเล่นคนเดียวเท่านั้นนะพวก เพราะจนถึงวันนี้เจ้าแก๊ง Rockstar Studios ก็ยังไม่ยอมปล่อยตัวโหมด Multiplayer ออกมาซะที ไม่รู้มันเป็นตายร้ายดียังไงบ้างแล้ว

คาวบอยรูปงามในแดนมหัศจรรย์

อาห์… ทิวทัศน์ชนบทในยุคคาวบอยมันช่างสวยงาม

จุดที่เตะตาจนแทบกระเด็นตั้งแต่แว้บแรกที่ได้เมียงมอง Red Dead Redemption 2 ก็คือความหล่อเหลาของมันนี่แหละ เพราะภาพกราฟิกในเกมนี้ช่างสวยงามจับใจมาก ๆ ไล่ตั้งแต่รายละเอียดริ้วรอยและรูขุมขนบนใบหน้าของตัวละครทุกตัว วิวทิวทัศน์ที่แม้จะกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาแต่กลับดูเป็นธรรมชาติและไม่มีการโหลดระหว่างฉากให้ขัดอารมณ์แต่อย่างใด อีกทั้งเอฟเฟ็คแสงสีจากฉากบู๊ล้างผลาญหรือแสงตะวันในยามโพล้เพล้ก็เนียนกริ๊บราวกับภาพถ่ายเชียวล่ะ

อาบน้ำบ้างนะตัว

ที่น่าทึ่งคือองค์ประกอบทั้งหมดนี้ดูดีมีดีเทลไม่แพ้เกมแอ็คชั่นบล็อคบัสเตอร์อย่าง Uncharted 4 หรือ God of War เลยล่ะไอ้เสือ ต่างกันตรงขนาดแผนที่ของเกมแอ็คชั่นทั่วไปที่มักเป็นแค่ห้องใหญ่ ๆ ยาว ๆ หรืออย่างมากก็เป็นโซน ๆ หนึ่ง แต่ในเกมนี้นี่เล่นใหญ่ระดับจังหวัด อดตะลึงไม่ได้ว่านักพัฒนาเกมในแก๊ง Rockstar Studios ต้องทุ่มเทแรงกายและเวลาขนาดไหนเพื่อเสกให้งานช้างระดับนี้เป็นจริงขึ้นมาได้ พวกเขาต้องมานั่งก่อร่างสร้างเมืองให้ทั้งตัวละคร NPC และผู้เล่นดูเหมือนจะใช้ชีวิตอยู่ในนี้ได้จริง ไม่ได้เป็นแค่ฉากหยาบ ๆ ให้เกมเมอร์มองดูสวย ๆ แล้วก็จบกันไป เรียกได้ว่านี่เป็นเกมระดับเน็กซ์เจ็นที่แท้จริงของสมญานาม Rockstar เลยล่ะเอ็งเอ๋ย ทำให้เห็นกันชัด ๆ กันไปเลยว่าเจ้าพวกนี้เก่งกาจด้านการสร้างเกมภาพงาม ๆ มากขนาดไหน แถมยังเป็นงานภาพชั้นดีที่สามารถเพ่งมองลงรายละเอียดแล้วไม่เห็นความด่างพร้อยซะด้วย

แดนเถื่อนที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา

มองหน้าหาเรื่องเรอะ???

ข้าว่าจุดสำคัญที่ช่วยส่งความหล่อของโลกใน Red Dead Redemption 2 ให้ยิ่งเด่นเป็นสง่าก็คืองานดีไซน์ฉากและการลงรายละเอียดทุกเม็ดในโลกจำลองใบนี้ ยกตัวอย่างแค่ประโยคเดียวก็เกินพอ “ขนาดไข่ม้าในเกมมันยังยืดได้หดได้เลยนะเว้ย!” จะให้ละเอียดกว่านี้คงต้องไปหาเกม Microsoft’s Horse Simulator แล้วครับทั่น ความละเอียดระดับนี้ไม่ได้ครอบคลุมแค่เจ้าม้าเท่านั้นนะ ไม่ว่าชาวบ้านชาวช่อง อาคารบ้านเรือน หรือแม้แต่ตัวเอกของเกมนี้อย่าง Arthur Morgan ต่างก็เต็มไปด้วยรายละเอียดยิบย่อยเบอร์นี้ด้วยนะพวก เอ็งสามารถสังเกตเห็นได้เลยว่าผู้คนในแดนตะวันตกแห่งนี้มีลักษณะนิสัยแตกต่างกันไปเหมือนคนจริง บางคนก็ทักทายกลับอย่างมีมารยาทเวลาเอ็งกล่าวอรุณสวัสดิ์ บางคนก็ตะโกนถ่มถุยใส่เอ็งเพียงเพราะหมั่นไส้ และหลาย ๆ คนก็ชอบเข้ามาจุ้นจ้านเวลาเอ็งดวลปืนกับคู่อริด้วยการวิ่งไปแจ้งความกับนายอำเภอแถวนั้น ซึ่งเอ็งสามารถเลือกรับมือกับชาวบ้านพวกนี้ยังไงก็ได้ (จะเดินไปตั๊นหน้าชาวบ้านปากเสีย เอาปืนขู่ไม่ให้ปริปาก หรือจะยิงทิ้งเลยก็ตามใจ) แต่โต ๆ กันแล้ว ทำอะไรก็ต้องพร้อมรับมือผลของการกระทำตัวเองด้วยนะ ทำตัวเกรียนมาก ๆ ก็จะยิ่งโดนตั้งค่าหัวแพงและยังโดนชาวบ้านชาวเมืองเหม็นขี้หน้าเป็นพิเศษด้วย

วันนี้จะเข้าไปเดินช้อปปิ้งในร้านไหนดีน้อ

ส่วนบ้านช่องในเกมนี้ก็เดินเข้าไปสำรวจได้เกือบหมด ของขายในร้านค้าก็สามารถเดินเลือกหยิบได้ทีละชิ้นเลยทีเดียว บาร์เหล้าก็เต็มไปด้วยคาวบอยขี้เมาให้ชวนคุยเรื่อยเปื่อยหรือหาเรื่องต่อยตีได้ทุกเมื่อ ส่วนตัว Arthur เองก็อ้วนได้ ผอมได้ แล้วแต่ว่าเอ็งหาอะไรให้หมอนั่นกินบ่อยแค่ไหน หนวดเคราผมเผ้าก็สามารถยาวยุ่งรุงรังได้ถ้าหากไม่รู้จักพาไปเข้าซาลอนซะบ้าง ที่สำคัญคือเขาสามารถเก่งกาจขึ้นได้จากการทำกิจกรรมลักษณะนั้นบ่อย ๆ ทะเลาะวิวาทด้วยกำปั้นบ่อย ๆ ก็จะมีพลังชีวิตมากขึ้น ทะเลาะด้วยปืนบ่อย ๆ ก็จะใช้ท่าชะลอเวลา Deadeye ได้นานขึ้น หรือวิ่งบ่อย ๆ ก็จะจ้ำอ้าวได้นานขึ้น เรียกได้ว่ามีส่วนผสมของเกม RPG นิดหน่อยเหมือน GTA V ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของมันนั่นแหละ

แม้แต่ลัทธิ KKK ก็มาโผล่ในเกมนี้ด้วยนะ จะเข้าไปร่วมก๊วนหรือไล่กระทืบก็เอาที่สบายใจเลย

ทีเด็ดก็คือความละเอียดของโลกในเกมที่ว่านี้ต่างมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แม้เอ็งอาจจะมองไม่เห็นจะจะว่ามันเชื่อมโยงกันอย่างไร แต่เอ็งสามารถรับรู้ถึงมันได้จากเหตุการณ์คาดเดาไม่ได้มากมายที่จะเกิดจากการกระทำของตัวเอ็งเอง สำหรับข้า นี่คือจุดเด่นของ Red Dead Redemption 2 ที่หาได้ยากยิ่งในเกมอื่น เตรียมตัวเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันแปลก ๆ ฮา ๆ

สารพัดที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อได้เลย ตัวอย่างเช่น เอ็งอาจจะยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าแล้วนกเป็ดน้ำร่วงลงมาตายใส่หัว หรือควงปืนคู่กระหน่ำยิงจากหลังม้าอย่างเท่แต่ดันควบม้าไปหัวฟาดต้นไม้จนล้มกลิ้ง และในวันซวยเอ็งอาจจะโดนคนทั้งเมืองไล่ยิงเพราะดันบังคับม้าไปชนคนที่เดินผ่านไปมา เป็นต้น ที่ว่ามานี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นนะสหาย ระหว่างที่เอ็งได้ลองเล่นเอง เอ็งจะเจออะไรมาทำให้ประหลาดใจแบบนี้อีกเยอะจากชาวบ้าน แก๊งโจรคู่อริ และคนที่เอ็งเคยไปช่วยทำอะไรให้ แถมยังเจอได้บ่อยด้วยนะ หลายคนอาจจะคลางแคลงใจว่าเหตุการณ์กระปิบกระปรอยพวกนี้มันควรจะเป็นแค่น้ำจิ้มให้ฟีเจอร์หลักในเกมไม่ใช่เรอะ จะกล่าวอย่างนั้นก็คงไม่ผิด เพียงแต่มันคงเป็นน้ำจิ้มรสโคตะระเด็ดที่ขาดไม่ได้สำหรับเกมนี้ ประหนึ่งกุ้งเผาที่ห้ามขาดน้ำจิ้มซีฟู้ด หรือคอหมูย่างที่ห้ามขาดน้ำจิ้มแจ่วแบบนั้นเลย เพราะมันทำให้โลกคาวบอยแห่งนี้มีสเน่ห์เหลือร้าย และทำให้คนเล่นอินสุดอะไรสุดเลยนะเออ

สิงห์ปืนไวมหากาฬ

อยากกินกระสุนลูกซองมั้ยลุง?

ข่าวดีข่าวใหญ่สำหรับเกมเมอร์ขาลุยทั้งหลายก็คือปืนคาวบอยแต่ละกระบอกในเกมนี้ยิงมันส์เป็นบ้าเลยล่ะเอ็งเอ๋ย ต้องชมเชยเจ้าแก๊ง Rockstar Studios ที่ทำการบ้านมาดี เก็บงานมาเนี้ยบ สมเป็นมือเก๋าแห่งวงการเกมแอ็คชั่นที่รู้ใจเกมเมอร์เป็นอย่างดี เริ่มจากเสียงระเบิดลูกตะกั่ว เสียงขึ้นนก หรือเสียงเติมกระสุนปืนลงลูกโม่ ทั้งหมดนี้ต่างฟังดูหนักแน่น สะใจ สมจริง เร้าให้สิงห์ปืนไวกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะคว้าปืนออกจากซองทุกครั้งที่เจอโจรกวนส้นเท้า นอกจากนี้อาวุธปืนแต่ละกระบอกยังลงรายละเอียดยิบถึงหัวน็อต แถมยังมีให้เลือกใช้มากกว่า 20 กระบอก เอ็งจะนำปืนแต่ละกระบอกมาขัดทำความสะอาดด้วยน้ำมัน แต่งชิ้นส่วนปืน หรือเปลี่ยนชนิดกระสุนเพื่อเพิ่มพลังทำลายล้างก็ได้ตามใจ เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์สำหรับผู้บ้าปืนยุคเก่าเลยล่ะ

เตรียมหัวเป็นรูได้เลยพวกเอ็ง!

ส่วนระบบยิงปืนสโลวโมชั่นแบบหนังฮ่องกงนามว่า Deadeye ก็ยังตามมาจากภาคแรก ต่างกันตรงที่มันสามารถอั้พเลเวลเพื่อเพิ่มรูปแบบการเด็ดหัวศัตรูได้ Deadeye เลเวลแรก ๆ จะล็อคเป้าอัตโนมัติให้ทั้งหมด แม้จะฟังดูสะดวกแต่หลายครั้งมันทำให้เอ็งยิงใส่ใครก็ไม่รู้ ซึ่งอาจทำให้เอ็งซวยได้หากมันดันไปล็อคใส่ผู้รักษากฎหมายที่เดินผ่านมา ในขณะที่ Deadeye เลเวลสูงจะทำให้เอ็งเลือกล็อคเป้าศัตรูได้เองและยังสามารถชะลอเวลาได้นานขึ้น ซึ่งการได้ล็อคเป้าถล่มกระสุนใส่ร่างคู่อริอย่างช้า ๆ ก็ยังดูดีและสะใจทุกครั้งไม่เปลี่ยนแปร นอกจากนี้เอ็งยังสามารถเปลี่ยนมุมกล้องเป็นมุมมองบุคคลที่หนึ่งเพื่อการเล็งปืนที่สะดวกโยธินขึ้นได้ด้วยนะเว้ย

สโลว์ไลฟ์ในแดนตะวันตก

สิงห์คะนองนามาแล้วแว้วแว้ว

นี่ข้าก็สาธยายมายืดยาวแต่ยังไม่ได้เล่าถึงเรื่องราวการผจญภัยของนาย Arthur Morgan ในโหมดเนื้อเรื่องเลยสินะ ก่อนอื่นขอชมเชยแก๊ง Rockstar Studios อีกรอบเลยว่าเลือกทีมเขียนบทมาได้ไม่เลวจริง ๆ บทสนทนาใน Red Dead Redemption 2 ฟังดูเหมือนหลุดออกมาจากปากของตัวละครในหนังคาวบอยยุค 60 และเนื้อเรื่องที่แม้จะอุดมไปด้วยกลิ่นอายหนังคาวบอยยุคคลาสสิกแต่ก็สามารถมอบอารมณ์แปลกใหม่จากการให้ผู้เล่นได้สวมหมวกคาวบอยในฝั่งผู้ร้าย ได้เป็นสมาชิกของแก๊งโจรห้าร้อยนามว่า Van Der Linde ที่ใช้ชีวิตอย่างเสรีนอกกฎหมาย และได้มองโลกผ่านมุมมองของเหล่าบุคคลที่ถูกตราหน้าว่าเสือโจร แต่แท้จริงแล้วพวกเขาก็เป็นแค่มนุษย์ปุถุชนที่ต้องหาทางดิ้นรนในยุคที่สังคมไม่ต้องการพวกเขาอีกต่อไป

เกิดเป็นโจรทั้งทีก็ต้องดักปล้นรถไฟกันซักครั้ง

แม้เกมเมอร์คาวบอยผู้เคยผ่าน Red Dead Redemption ภาคแรกจะรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าจุดจบของแก๊ง Van Der Linde จะเป็นเยี่ยงไร แต่เส้นทางก่อนจะไปถึงจุดนั้นก็ยังสนุกน่าติดตาม ยิ่งเอ็งได้รู้จักกับสมาชิกแก๊งแต่ละคนมากขึ้นเท่าไหร่ เอ็งก็จะยิ่งอดคิดถึงพวกเขาไม่ได้ เพราะบุคลิกของพวกเขาทุกคนต่างโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ น่าเศร้าที่ยิ่งเอ็งถลำลึกไปกับเนื้อเรื่องมากขึ้นเท่าไหร่ ชะตาชีวิตของพวกเขาเหล่านี้ก็ยิ่งมืดหม่นขึ้นเรื่อย ๆ ประหนึ่งบทชีวิตของเสือร้ายวัยชราที่เริ่มจนตรอกจากการตามล่าของพรานฝ่ายกฎหมายและนักล่าค่าหัว

ทำความรู้จักกับผู้คนมากหน้าหลายตา เพี้ยนบ้างไม่เพี้ยนบ้าง

อย่างไรก็ตาม จังหวะการดำเนินเรื่องก็ไม่ได้มีแต่ความมืดหม่นเพียงอย่างเดียวเพราะระหว่างทาง Arthur จะได้พบกับบรรดาตัวละครเพี้ยน ๆ เกรียน ๆ ตามสไตล์ Rockstar ให้เกมเมอร์ได้ขบขันกันเป็นระยะ ๆ เช่น สิงห์อมควันผู้คลั่งไคล้การสะสมการ์ดภาพ ช่างถ่ายภาพสัตว์ป่าที่ไม่รู้ห่านอะไรเกี่ยวกับสัตว์เลย หรือนักประดิษฐ์ปากปีจอที่อยากจะประดิษฐ์เรือดำน้ำของเล่นมาขาย เป็นต้น เมื่อนำมาผสมคลุกเคล้าเข้าด้วยกันกับเรื่องราวซีเรียสก็จะพบว่าโดยรวมแล้วการเล่าเรื่องของเกมนี้ถือว่าน่าติดตามดี แต่ก็มีความช้าความเนิบตามสไตล์หนังคาวบอยยุคเก่าติดมาด้วย

ชีวิตในเมืองมันช่างเร่งรีบ มาสโลวไลฟ์รอบกองไฟกันเถอะ

เจ้าความช้าความเนิบที่ว่านี้แหละเอ็งเอ๋ยที่เป็นเหมือนดาบสองคมของ Red Dead Redemption 2 ก่อนที่เอ็งจะซื้อเกมนี้มาโจ้ โปรดรู้เอาไว้ว่าเอ็งควรจะเล่นเกมนี้แบบชิล ๆ ช้า ๆ ค่อย ๆ ดื่มด่ำกับโลกของมันเหมือนการจิบไวน์หรูกลิ่นหอมหวล ไม่ใช่รีบมาราธอนเล่นแบบแข่งกระดกเบียร์กับเพื่อนในวงเหล้า เพราะมันจะทำให้เอ็งพลาดอะไรเด็ด ๆ ไปมากมายและจะยิ่งทำให้เอ็งเข้าสู่โหมดหัวร้อนเกมมิ่งได้ง่าย ดังนั้นถ้าเอ็งเป็นแฟนเกมยิงแหลก ยิงเร็ว แบบ Call of Duty ก็มองข้ามเกมนี้ไปเสียเถิด จำใจฝืนเล่นไปก็มีแต่จะเบื่อซะเปล่า ๆ นอกจากนี้ระบบทั้งหลายในเกมที่ละเอียดยิบเกินไปก็รังแต่จะทำให้ความช้าของจังหวะการเล่นเกมยิ่งช้าลงไปกว่าเดิม เพราะทุกครั้งที่เปิดเกมขึ้นมาเอ็งก็ต้องให้อาหารม้า หาที่อาบน้ำ แล้วก็เอาน้ำมันมาขัดปืนบ้าง หาข้าวกินบ้าง ฯลฯ แค่นี้ก็น่าจะกินเวลาเกิน 10 นาทีกว่าจะได้เล่นจริงจังแล้ว

ให้ตายเหอะ! จะ Fast Travel ในเกมนี้มันต้องทำยังไงฟระ!!? อ๋อ? ให้ขึ้นรถไฟเอาเรอะ? โอเค ๆ

ที่ร้ายที่สุดคือระบบ Tutorial ของ Red Dead Redemption 2 ช่างไม่เอาอ่าวเอามาก ๆ ข้าไม่รู้ว่าอีตา Rockstar Studios มันหวังจะให้ข้าและผู้เล่นคนอื่น ๆ เรียนรู้วิธีการเล่นทั้งหมดจากช่วงต้นเรื่องหรือหาทางเรียนรู้ด้วยตัวเองจากการตะบี้ตะบันเล่นไปเรื่อย ๆ แต่บางครั้งผู้เล่นมันจะไปรู้ได้ไงล่ะโว้ยว่าต้องไปเริ่มงมจากตรงไหน ตัวข้าเองก็ต้องไปพึ่งอากู๋ Google อยู่บ่อย ๆ เพราะไม่รู้จริง ๆ ว่าเกมนี้มัน Fast Travel ยังไง แล้วเวลา Deadeye เลเวลอั้พทำไมมันถึงไม่ล็อคเป้าอัตโนมัติให้เองแล้วฟระ แล้วนี่ทำหมวกหล่นหายแล้วจะไปเก็บคืนได้จากตรงไหนเนี่ย ปริศนาโลกแตกพวกนี้จะทำให้คาวบอยหน้าใหม่ที่เพิ่งเปิดเกมนี้ขึ้นมาเล่นต้องงงเป็นไก่ตาแตก ซึ่งเมื่อเจอตุ๊ยท้องซ้ำด้วยโลกอันแสนจะเปิดกว้างแต่ละเอียดยิบเข้าไปอีกคงทำให้มีจำนวนไม่น้อยที่ขอเบือนหน้าหนีกลับกรุงดีกว่า

ความคลาสสิกที่ไม่ง้อท่านผู้ชม

จะรีบเล่นไปทำไม มาปิ้งไก่กันดีกว่า

เอาล่ะ ข้าก็สาธยายมาจนน้ำลายแห้งขนาดนี้ เอ็งคงพอจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเจ้า Red Dead Redemption 2 มากขึ้นบ้างแล้วสินะ หมอนี่มันร้าย มันฝันเอาไว้อย่างยิ่งใหญ่ว่าต้องการสร้างโลก Open World ในวงการเกมที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้ได้ เพียงแต่ความสมบูรณ์แบบที่ว่ามันแฝงอยู่ในสิ่งละอันพันละน้อยที่เอ็งต้องเพ่งลงไปมองถึงจะเห็น มันไม่ได้ทำให้เกมการเล่นสนุก ตื่นเต้น หวือหวา ในเวลาสั้น ๆ ซ้ำร้ายยังทำให้เกมเชื่องช้าลงในหลายๆ ครั้ง แต่หมอนี่มันก็ไม่ง้อเกมเมอร์ที่ต้องการอะไรแบบนั้นหรอก เพราะมันแน่ใจดีอยู่แล้วว่าเส้นทางนี้คือทางที่ใช่ เส้นทางนี้แหละคือทางที่วงการเกมจะก้าวเดินต่อไป เกมเมอร์อย่างพวกเอ็งและพวกข้าเพียงแค่ต้องปรับตัวยอมรับกับจุดยืนอันแน่วแน่ของมันให้ได้ก็พอ หากเอ็งปรับใจให้พอดีกับจังหวะอันเนิบช้าแต่ละเมียดของมันได้ เอ็งก็จะพบกับโลกคาวบอยแสนมหัศจรรย์แบบที่เอ็งไม่เคยได้สัมผัสที่ไหนมาก่อน หากนั่นเป็นสิ่งที่เอ็งมองหาก็ควบม้าเข้าไปเลยไอ้เสือ!